วันเสาร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

หนึ่งในสี่ของการทวีตเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกถูกทวีตจากบอท

จากการศึกษาของนักวิจัยที่ Brown University พบว่า 25% ของการทวีต 6.5 ล้านครั้งในทวิตเตอร์ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเกิดจากบอท ซึ่งมีผลเพื่อปฏิเสธความสำคัญของการเปลี่ยนสภาพอากาศของโลก โพสต์เหล่านี้ถูกโพสต์ในช่วงมิถุนายน 2017 ในช่วงที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีส นักวิจัยใช้เครื่องมือที่พัฒนาจาก Indiana University ชื่อ  Botometer ซึ่งใช้วัดว่าทวีตน่าจะมาจากคนหรือบอท ทวีตที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ลวงโลก (fake science) มาจากบอทประมาณ 38% และใน 28% นี้จะพูดถึงบริษัท Exxon Mobil โดยมีทวีตเพียง 5% ที่สนับสนุนเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลกที่มาจากบอท นักวิจัยบอกว่าถ้ามีคนสามารถควบคุมข้อความทั้งหลายที่เราได้รับออนไลน์ มันก็มีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนแปลงมุมุมองหรือความเชื่อของผู้คน 

อ่านข่าวเต็มได้ที่: BBC News 

เพิ่มเติมเสริมข่าว: 

เผื่อใครยังไม่ทราบ บริษัท Exxon Mobil เป็นบริษัทที่พยายามปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องโลกร้อนครับ จากบทสรุปของข่าวนี้ ไม่ต้องอะไรหรอก แค่ขั้นตอนวิธีที่ Facebook ใช้เพื่อแสดงข้อความมาให้เราอ่าน โดยเลือกข้อความที่ไปในแนวทางเดียวกับที่เราเห็นชอบก็สร้างความลำเอียงได้แล้วว่ามีแต่คนเห็นด้วยกับเรา 

วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ผมไม่เห็นด้วยกับการลงถนนประท้วง

วันศุกร์เวียนกลับมาอีกครั้งนะครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่หลายเรื่อง เลือกยากเหมือนกันครับว่าจะเขียนเรื่องอะไร ตอนแรกอยากเขียนถึงคุณสุเทพ วงศ์กำแหง นักร้องระดับตำนานของเมืองไทยที่เพิ่งเสียชีวิตไป แต่สุดท้ายตัดสินใจเขียนเรื่องการเมืองก่อนแล้วกัน ก่อนอื่นผมคิดว่าคนที่รู้จักผมทั้งทางส่วนตัวและโซเชียลจะรู้ว่าผมไม่ชอบพลเอกประยุทธ์เลย (จะเรียกคุณประยุทธ์ เดี๋ยวก็จะมีคนมาบอกว่าไม่สุภาพอีก)  ในความเห็นส่วนตัวนี่คือนายกที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมติดตามการเมืองมา และที่มาในตอนแรกก็ยังมาจากการยึดอำนาจ และก็ทำทุกวิถีทางที่จะสืบทอดอำนาจต่อไป (ใครจะคิดว่าไม่จริง ก็ตามใจนะครับ) ที่น่ารำคาญที่สุดก็คือมักจะอ้างว่าเป็นบุญเป็นคุณเหลือเกินที่เขาเข้ามาเป็นนายก ประเทศมันจะล่มจมนะถ้าเขาไม่เข้ามา และก็ยังมีความหลงผิดว่าตัวเองนี่เป็นนายกที่เก่งที่สุด ทำอะไรก็ไม่เคยผิด โทษโน่นนี่นั่น อย่างเดียวที่ไม่โทษคือโทษตัวเอง แต่สุดท้ายเขาและพรรคพวกก็ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้ตามคาด และที่น่าเศร้าคือมีฝ่ายค้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นพรรคเพื่อไทยไม่ยอมร่วมโหวตด้วย และที่น่าเศร้ากว่าก็คือ รัฐมนตรีที่ได้ฉายาว่าสีเทา ก็ยังผ่านการอภิปราย  โดยพรรคที่อ้างนักอ้างหนาว่าเกลียดการทุจริต เกลียดคนไม่ดี ก็ออกเสียงไว้วางใจให้เขาด้วย พรรคนี้ยังไงก็ไม่สามารถสร้างความหวังอะไรได้เลยครับ

แต่ผมก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นพลังของเด็กนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่ออกมารวมตัวกันส่งเสียงว่าจะทำอะไรก็เห็นหัวพวกเขาบ้าง แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มนะครับ ที่ยังคิดว่าเด็กพวกนี้ถูกชักจูงออกมา เป็นพวกถูกล้างสมอง บางคนก็หาว่าเป็นพวกทักษิณไปซะอีก ทั้ง ๆ ที่เด็กพวกนี้ไม่น่าจะทันยุคทักษิณด้วยซ้ำ และถ้าจะถูกล้างสมอง เด็กพวกนี้น่าจะถูกล้างสมองจากพวกพ่อแม่ที่มียังผีทักษิณฝังอยู่ในหัวมากกว่า คนที่ให้ความเห็นแบบนี้ส่วนใหญ่ก็พวกที่ประท้วง เขาให้เลือกตั้งก็ไม่ไปเลือก จนพลเอกประยุทธ์เข้ามายึดอำนาจ แล้วลากยาวมาจนถึงทุกวันนี้แหละครับ คนพวกนี้คงคิดว่ามีแต่พวกตัวเองที่ฉลาดซะเหลือเกิน รู้เท่าทันทักษิณและพวก ออกมาด้วยความรักชาติ แต่คนอื่นที่ออกมาเป็นพวกรับจ้าง โง่ ถูกล้างสมอง ถูกพวกล้มเจ้าหลอก น่าแปลกครับที่คนพวกนี้สามารถเข้าใจกลโกงอันแยบยลของทักษิณได้ทุกประการ แต่กลับมองไม่เห็นการกระทำที่มันเข้าใจง่ายกว่าอีกมากมายที่เกิดขึ้นมาตลอดในช่วง 5-6 ปีมานี้ คนพวกนี้มักจะอ้างว่าที่ออกมาไล่ยิ่งลักษณ์ เพราะโกง ออกพรบ.นิรโทษกรรมจะเอาทักษิณกลับบ้าน แล้วก็หยุดแค่นี้ โดยไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ต่อมาว่า ยิ่งลักษณ์ได้ยุบสภาให้ไปเลือกตั้งกันแล้ว  ตัวยิ่งลักษณ์เองก็ถูกสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ไปแล้ว แต่คนพวกนี้ก็ยังไม่หยุด ไปพยายามป่วนทุกวิถีทาง จนการเลือกตั้งมันเป็นโมฆะ ทั้ง ๆ ที่ บอกว่าตัวเองเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ดันกลัวเลือกตั้งแล้วแพ้ ถึงตอนนี้พอเด็ก ๆ ออกมาแสดงพลังกันบ้างก็ไปด่าว่าพวกเขา

ยังไงก็ตามครับ ถึงผมจะดีใจที่ได้เห็นพลังของเด็ก ๆ แต่ผมอยากให้แค่แสดงพลังแบบนี้ก็พอแล้วครับ แสดงพลังกันในสถานที่ปิดแบบนี้ เอาให้แค่พอบอกพวกมีอำนาจว่าเห็นหัวพวกเราบ้าง อย่าเพิ่งลงถนนกัน เหตุผลที่ผมไม่อยากให้ลุกลามบานปลายไปจนถึงต้องลงถนนไล่กันก็คือ ความผิดพลาดของรัฐบาลนี้มันก็ยังไม่ชัดเจนพอที่จะไล่นะครับ ถึงแม้จะเป็นรัฐบาลที่ค่อนข้างด้อยประสิทธิภาพในแทบทุกด้านก็ตาม แต่มันก็คงไม่ใช่เหตุผลที่เราจะต้องไปขับไล่เขาอย่างเอาเป็นเอาตายนะครับ ในประเทศที่เจริญแล้ว เขาไล่รัฐบาลห่วย ๆ ด้วยการไม่เลือกเข้ามาอีกในครั้งต่อไปนะครับ อีกอย่างที่เราว่าเขาว่าเป็นเผด็จการ ในตอนนี้ถึงเราจะรู้สึกว่ามันเป็น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามาในระบบ ถึงจะเป็นระบบที่เขาออกแบบมาเอง และคนคุมกฎ (กกต.) ก็เป็นคนที่เขาคัดสรรมากับมือก็ตาม ดังนั้นออกมาแสดงพลังให้เขาแก้กฎให้มันยุติธรรมดีกว่าครับ แล้วก็ให้แก้กฎหมายในส่วนของการยุบพรรคโดยคนเก้าคน (ซึ่งบางคนนั่งยุบพรรคมานี่น่าจะเป็นพรรคที่สี่หรือห้าแล้ว) หรือไม่ก็ผลักดันให้ยกเลิกคนเก้าคนนี้ไปเลยก็ได้นะครับ รวมถึงคนคุมกฎด้วย

รัฐธรรมนูญที่ใช้กันอยู่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีคนส่วนใหญ่รับมัน ถึงแม้ในช่วงโหวตมันจะดูไม่ยุติธรรม เพราะมีการปิดปากไม่ให้วิจารณ์ข้อเสียของรัฐธรรมนูญนี้ แต่ข้อดีพูดได้หมด คนพูดว่าไม่รับออกสื่อนี่สุ่มเสี่ยงจะถูกจับไปปรับทัศนคติ ส่วนคนบอกว่ารับนี่พูดได้ตามสบาย นอกจากไม่ให้พูดแล้ว ยังส่งร่างไปให้คนรับไม่ทั่วถึงอีก และร่างฉบับสรุปก็ดูจะเอนเอียงไปแต่ข้อดีของรัฐธรรมนูญ พูดง่าย ๆ หลายคนโหวตรับไปโดยไม่ได้อ่าน หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจ มันจึงเกิดปรากฎการณ์ที่มีหลายคนเพิ่งรู้ว่าตัวเองโหวตรับอะไรแบบนี้ไปได้ยังไง แต่ยังไงก็ตามเสียงรับมันก็มากกว่าไม่รับ และทุกพรรคการเมืองก็ยอมลงเลือกตั้งกันตามกติกานี้ อ้อพูดถึงรัฐธรรมนูญมีคนชมนักชมหนาว่าปราบโกง คนโกงย้ายค่ายก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้นะ หรือแค่ย้ายค่ายก็ไม่โกงแล้ว

อีกอย่างที่พลเอกประยุทธ์ได้เป็นนายก ส่วนหนึ่งก็คงต้องบอกว่าเพราะพวกนักการเมืองด้วยนะครับ พวกนักการเมืองของพรรคที่ตอนหาเสียงบอกไม่เอาแล้วเปลี่ยนไปเข้าข้างสนับสนุนนี่แหละตัวดี อย่าลืมว่าถ้าไม่มีพรรคเหล่านี้ทำตรงข้ามกับที่หาเสียงเอาไว้ ต่อให้มีสว. 250 คน พลเอกประยุทธ์เต็มที่ก็เป็นนายกที่เป็นเสียงข้างน้อย นอกจากนี้ยังมีพวกสส.ปัดเศษทั้งหลายอีก คนพวกนี้ทำให้พลเอกประยุทธ์ถึงกับหลงตัวเองและเอาไปอ้างว่าเขาชนะเลือกตั้งโดยได้คะแนนเสียงเยอะกว่า เขาไม่ต้องใช้สว.ที่เขาตั้งมาเองก็ได้ ผมอยากให้จำคนและพรรคเหล่านี้ไว้ครับ ถ้าได้เลือกตั้งกันครั้งหน้า ช่วยกันตอบแทนให้มันสาสมเลยนะครับ

ถ้าถามว่าแล้วถ้าไม่ลงถนนแล้วจะต้องทนไปอย่างนี้หรือ ผมคงต้องตอบว่าใช่ครับ เพราะนี่คือระบอบประชาธิปไตย เราต้องรู้จักอดทนครับ อีกเต็มที่ 4 ปี เราก็จะได้เลือกตั้งใหม่ อย่าทำตัวแบบที่พวกกลัวแพ้เลือกตั้งทำมาจนทำประเทศไม่เดินหน้ามา 6-7 ปีกันเลยครับ อีกอย่างจากการติดตามการอภิปรายในสภาผมเห็นว่าคนที่ได้ทำหน้าที่อภิปรายจากพรรคที่มีคนเลือก 6.3 ล้าน และถูกยุบไปแล้ว ทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดีนะครับ ถ้าไม่เปลี่ยนอุดมการณ์ซะก่อนก็น่าจะพอฝากความหวังได้

ส่วนเพื่อไทยจากเหตุการณ์ที่มีการออกมาแฉการทำหน้าที่ของเพื่อไทย ถ้าเป็นจริงก็ถือว่าไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย ได้อำนาจมากี่ครั้งก็ทำตัวเองพังทุกครั้ง มาครั้งนี้เป็นฝ่ายค้านก็ยังไม่จริงใจกับการทำหน้าที่ แล้วมันก็ทำให้ตัวเลือกในครั้งหน้ามีน้อยลงไปอีก แต่ก็อย่างว่านะพรรคนี้เอาจริง ๆ มันก็ไม่ต่างจากประชาธิปัตย์ คือฝากความหวังอะไรไว้ไม่ได้เลย

กลับมาถึงการแสดงออกของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ผมหวังว่าพลังการแสดงออกครั้งนี้ น่าจะทำให้พวกที่มีอำนาจอยู่นี้ได้รู้สึกบ้าง และจงพยายามทำความเข้าใจซะด้วยว่า ที่เขาออกมาชุมนุมนี่มันไม่ใช่เพราะพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบอย่างเดียว แต่มันสะสมมา การยุบอนาคตใหม่อาจเป็นเพียงฟางเส้นสุดท้าย เขาเห็นว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมันมีความไม่ยุติธรรม แทบจะทุกขั้นตอน ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง ดังนั้นลองตั้งสติรับฟัง แล้วแก้กติกาการเลือกตั้งให้มันยุติธรรม ให้มันเป็นสากลเหมือนประเทศอื่นในโลก แก้กฎหมายเรื่องยุบพรรค หา กกต.ที่เป็นกลางจริง ๆ หาวิธีสรรหาตลก.ศาลรัฐธรรมนูญใหม่ หรือไม่ก็ยกเลิกมันไปเลย เวลามีปัญหาเรื่องต้องการตีความรัฐธรรมนูญ ก็คัดเลือกบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญจากหลายสาขามาถกกัน อย่างกรณียุบอนาคตใหม่นี่ ลองคิดดูเถอะเรื่องเดียวกัน แต่ตีความกันไปได้ไกลคนละทาง ผมว่ากฎหมายแบบนี้มันมีปัญหานะ และถ้ามันกว้างขวางแบบนี้ มันต้องใช้นักบัญชี นักกฎหมายมหาชน  และอื่น ๆ มาช่วยกันถกไหม กรณียุบพรรคและตัดสิทธินี่มันเปรียบได้กับกฎหมายตัดหัวเจ็ดชั่วโคตรเลยนะ พวกตุลาการศาลแต่ละคนนี่รู้และเข้าใจทุกเรื่องจริง ๆ หรือเปล่า นอกจากนี้ยังมีพวกกสทช. ที่คอยปิดหูปิดตาประชาชนอีก พวกนี้ก็น่าจะสรรหาใหม่ หรือไม่ต้องมีมันไปเลยดีไหม

ถ้าแก้ประเด็นที่เป็นปัญหาแล้วแล้วก็ยุบสภาไปเลือกตั้งกัน ไม่ต้องแก้ประเด็นอื่นที่คิดว่ามันจะช่วยปราบโกงก็ได้ (เขียนตรงนี้ก็อยากอ้วกออกมา รัฐธรรมนูญปราบโกง คนโกงก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่เห็นจะทำอะไรมั)  ผมอยากบอกถึงคนที่ไม่อยากแก้เพราะชอบอ้างว่ามันเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกงว่า ถ้ากติกาที่จะคัดคนเข้ามาในระบบมันยังไม่เที่ยงตรงมีปัญหาสารพัดอย่างแล้ว คือมันโกงมาตั้งแต่แรกแล้ว มันจะไปปราบโกงอะไรได้

สุดท้ายถึงแม้ถ้าก่อนเลือกตั้งยังแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ พวกเราก็รู้แล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มันเป็นยังไง กติกามันเป็นยังไง จะเลือกยังไงเพื่อไม่เปิดโอกาสให้พลเอกประยุทธ์กับพวกกลับมาอีกง่าย ๆ พรรคไหนที่บอกจะเอาพลเอกประยุทธ์เป็นนายกก็อย่าไปเลือก พรรคที่ทำตัวเป็นอีแอบตอนเลือกตั้งพูดอย่าง หลังเลือกตั้งทำอีกอย่างตอนนี้เราก็รู้แล้วก็อย่าเลือก แต่พูดถึงตรงนี้ก็ว้าเหว่นะครับ เพราะตัวเลือกมันเหลือน้อยจริง ๆ นะครับ เพื่อไทยก็ยังฝากความหวังไม่ได้เหมือนเดิม ก็คงต้องดูพรรคกล้า (ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเชื่อว่าจะดี) พรรคที่อนาคตใหม่เดิมจะตั้งขึ้น ก็ไม่รู้จะเจอวิบากกรรมอะไรอีก และประสบการณ์ก็น้อยมาก ๆ หรือพรรคอ.วันนอร์ (ซึ่งก็ดูจะเป็นพรรคในเชิงพื้นที่ซะมากกว่า) พรรคของเสรีก็จะฮาร์ดคอร์อย่างเดียว แต่ถึงตอนนั้นอาจจะมีพรรคที่โดดเด่นขึ้นมาก็ได้ครับ ต้องตั้งความหวังกัน

แต่ถ้าเลือกตั้งแล้วยังได้คนเดิมกลับเข้ามาก็คงต้องยอมรับและทำใจครับ เพราะมันอาจไม่มีตัวเลือกจริง ๆ หรืออาจเกิดจากการที่รัฐบาลนี้บริหารประเทศได้ดีขึ้นจริง ๆ ซึ่งเราควรจะเอาใจช่วยเขานะครับ เพราะถ้าเขายังคงทำได้แค่นี้อยู่ เราจะตายกันหมดประเทศจริง ๆ ในระบอบประชาธิปไตยเราไม่สามารถจะยอมรับเฉพาะตอนที่เราชนะได้ แต่ต้องยอมรับตอนที่เราแพ้ด้วย ประเทศเราที่มาถึงจุดนี้ เพราะคนที่ชนะเหลิงอำนาจ และคนที่แพ้ซ้ำซากหาทางเอาชนะในระบบไม่ได้ เลยหาวิธีลัดจนประเทศเดินมาถึงจุดนี้นี่แหละครับ

รถขับเคลื่อนด้วยตัวเองตรวจตราใต้ถนนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

นักวิชาการจากห้องแล็บวิทยาการคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ของ  Massachusetts Institute of Technology (MIT) ได้เสนอวิธีที่จะทำให้รถขับเคลื่อนด้วยตัวเองมีความปลอดภัยมากขึ้น ด้วยการใช้เรดาร์ที่เจาะลงไปใต้พิ้นดินเพื่อวิเคราะห์สภาพดิน สภาพรากไม้ และสภาพหิน เพื่อที่จะสร้างแผนที่ขึ้นมาอีกอันหนึ่งจากสภาพพิ้นถนน ซึ่งจะปลอดภัยมากขึ้นในกรณีที่รถจะต้องวิ่งไปในสภาพที่ฝนหรือหิมะตกหนัก เพราะรถมีแผนที่ของสภาพถนนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามงานวิจัยนี้ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น ทำในถนนที่ปิด และวิ่งด้วยความเร็วที่ช้ามาก ยิ่งไปกว่านั้นตัวอุปกรณ์ยังมีขนาดกว้างถึง 6 ฟุต ซึ่งจะต้องพัฒนาต่อไปอีกมากเพื่อให้เล็กพอที่จะติดตั้งไปกับตัวรถได้

อ่านข่าวเต็มได้ที่: ZDNet

วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ผู้บุกรุกสามารถปลอมตัวเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟน

นักวิจัยจาก Ruhr-University Bochum (RUB) ในเยอรมัน ได้ค้นพบข้อผิดพลาดในระบบ 4G ที่ทำให้ผู้บุกรุกปลอมตัวเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟนเพื่อไปสมัครสมาชิกของบริการต่าง ๆ หรือเผยแพร่เอกสารที่มีความอ่อนไหวในนามของผู้ใช้ที่ถูกจู่โจม ซึ่งผลร้ายกับผู้ใช้ก็คือผู้ที่จู่โจมนี้อาจไปสมัครบริการ ใช้บริการนั้น แต่คนจ่ายเงินก็คือผู้ใช้งานที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนักวิจัยบอกว่าเขาสามารถนำข้อมูลที่เข้ารหัสแล้วที่ส่งกันระหว่างมือถือกับสถานีฐาน มาแปลงเป็นข้อความธรรมดาจากนั้น แทรกข้อความอย่างเช่นการสมัครสมาชิกแล้วส่งกลับไปที่มือถือ จากนั้นก็ให้มือถือเข้ารหัสข้อความแล้วส่งไปอีกครั้ง ซึ่งผู้ให้บริการมือถือก็จะไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ แต่วิธีนี้มีข้อจำกัดคือ คนจู่โจมจะต้องอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับผู้ใช้งาน นักวิจัยบอกว่าการแก้ไขทำได้ แต่ผู้ให้บริการจะต้องยอมรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น นอกจากนี้ยังต้องมีการปรับปรุงทั้งในส่วนสมาร์ตโฟนและสถานีฐานด้วย ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาอีกนานทีเดียว

อ่านข่าวเต็มได้ที่: RUB News

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เกาหลีใต้เปิดเว็บไซต์ให้ติดตาม Covid-19

นักพัฒนาซอฟต์แวร์ของเกาหลีใต้ได้เปิดตัวเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน เพื่อให้สามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Covid-19 และให้ข้อมูลเพื่อหลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ที่มีคนติดเชื้อ รัฐบาลเกาหลีใต้ซึ่งคยถูกวิจารณ์ถึงเรื่องการจัดการกับโรคระบาดมาในอดีต ตอนนี้ได้เริ่มเปิดเผยข้อมูลของผ้ติดเชื้อเช่น อายุ เพศ และสถานที่และเส้นทางที่ผู้ป่วยใช้เป็นประจำก่อนจะถูกกักตัว โดยไม่เปิดเผยตัวตนของผู้ติดเชื้อ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาจัดทำเป็นแผนที่ เพื่อใช้ติดตามเส้นทางของโรคได้ เว็บไซต์ดังกล่าวชื่อ https://coronamap.live/

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Reuters

เพิ่มเติมเสริมข่าว:

ตอนที่เขียนบล็อกนี้เวลาประมาณ 12.40 ของวันที่ 26 ก.พ. 2563 เว็บไซต์ใช้ไม่ได้นะครับ บอกว่า Server error และข้อมูลส่วนใหญ่หายไป

อย่างไรก็ตามผมว่าตอนนี้ไทยน่าจะเริ่มคิดเริ่มเตรียมเว็บไซต์แบบนี้ได้แล้วนะครับ รัฐมนตรี DE หันมาสนใจเรื่องพวกนี้เป็นหลักดีกว่าครับ นี่หน้าจะเป็นหน้าที่ที่ควรทำมากกว่าไปเที่ยวกล่าวหาคนอื่นว่าปล่อย Fake News 

วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

โดรนผู้ไม่แพ้

โดรนที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการกู้ภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะต้องฉลาดและทำงานได้ในสภาพแวดล้อมที่สุดหินต่าง ๆ โดรนเหล่านี้ควรบินได้โดยอัตโนมัติ ในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ต้องบินหลีกเลี่ยงวัตถุที่ขวางทางอยู่ โดยวัตถุเหล่านั้อาจมีรูปร่างที่แตกต่างกัน และอาจต้องทำงานภายใต้สถานการณ์อย่างพายุหรือแผ่นดินไหว นักวิจัยจาก University of Southern California Viterbi School of Engineering จึงได้สร้างโดรนซึ่งน่าจะสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมดังกล่าวได้ โดยเขาได้ทดลองโดยการขว้างโดรนออกไปซึ่งมันก็สามารถบินได้เองโดยอัตโนมัติ หรือเตะมันหรือผลักมันเพื่อให้มันเสียเส้นทางการบิน ซึ่งผลลัพธ์คือมันก็ยังบินกลับมาได้ ดูการทดลองได้จากวีดีโอในข่าวเลยครับ

อ่านข่าวเต็มได้ที่: USC Viterbi News



วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบดาวเคราะห์ 11 ดวงที่อาจพุ่งชนโลก

เห็นหัวข้อข่าวแล้วอย่าเพิ่งตกใจนะครับ เพราะยังไงมันจะไม่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตของเรานะครับ เขาบอกว่ามันจะเกิดในช่วงปีค.ศ. 2131 ถึง 2923 โดยนักวิทยาศาสตร์จาก Leiden University ใน Netherlands ได้พัฒนาขั้นตอนวิธีที่ทำให้พวกเขาสามารถตรวจพบดาวเคระห์ 11 ดวงที่อาจพุ่งชนโลก และสร้างความเสียหายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยดาวเคราะห์เหล่านี้ตรวจไม่พบโดยซอฟต์แวร์ของ NASA

อ่านข่าวเต็มได้ที่: The Daily Mail

เพิ่มเติมเสริมข่าว

น่ากลัวว่าคนเราจะทำลายโลกกันเองซะก่อนที่จะถึงปีที่ดาวเคราะห์ชนโลก


วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

อังกฤษสร้างกฎเพื่อควบคุมเนื้อหาในอินเทอร์เน็ต

อังกฤษเริ่มแผนการที่จะให้รัฐบาลมีอำนาจควบคุมเนื้อหาในอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการบังคับให้บริษัทอย่าง Facebook และ Youtube ดูแลแพลตฟอร์มของตัวเองให้ใกล้ชิดขึ้น ภายใต้แผนการนี้บริษัทที่ควบคุมสื่อของประเทศที่ชื่อ Ofcom จะมีหน้าที่ใหม่ในการดูแลเนื้อหาในอินเทอร์เน็ต และสามารถเสนอบทลงโทษกับบริษัทที่ไม่ดูแลเนื้อหาด้านการก่อการร้าย และการละเมิดต่อเด็ก

อ่านข่าวเต็มได้ที่: The Newyork Times

เพิ่มเติมเสริมข่าว:

สำหรับประเทศไทยถ้ามีก็คงเน้นไปที่การทำลายกันทางการเมืองซะมากกว่า แค่พรบ.คอมที่มีจุดประสงค์หลักคือคุมเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แต่ก็เอามาขยายความจับคนเห็นต่างทางการเมืองมาเยอะแล้ว

วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ห้องแล็บเคลื่อนที่เพื่อทดสอบโรคร้ายโดยใช้สมาร์ตโฟน

นักวิจัยจาก University of Cincinnati (UC) ได้พัฒนาระบบเพื่อสร้างห้องแล็บทดสอบโรคแบบเคลื่อนที่ ซึ่งใช้เชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ตโฟน และเชื่อมต่อเข้ากับห้องทำงานของหมอผ่านทางแอปพลิเคชัน โดยชุดทดสอบเคลื่อนที่นี้มีลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษมีขนาดเล็กกว่าบัตรเครดิต เพียงเราหยดเลือดลงไปหนึ่งหยด หรือเก็บน้ำลายโดยอมแผ่นพลาสติกดังกล่าวไว้ในปาก จากนั้นเอาไปเสียบเข้ากับอุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบผลลัพธ์ที่เชื่อมต่ออยู่กับสมาร์ตโฟน ซึ่งจากการตีพิมพ์ผลงานในวารสารเขาได้ใช้อุปกรณ์นี้ในการทดสอบโรคมาลาเรีย แต่จริง ๆ แล้วอุปกรณ์นี้น่าจะใช้ทดสอบโรคติดเชื้อได้มากมาย

อ่านข่าวเต็มได้ที่: UC News

วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

มุมมองส่วนตัวหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ

วันศุกร์นี้มีข่าวใหญ่อีกแล้วครับ สำหรับศุกร์นี้คือการตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งบอกตามตรงมันไม่ผิดจากความคาดหมายของผมหรอกนะครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะแสดงความเห็นบ้าง เพราะมันไม่ได้มีกฎหมายห้ามแตะศาลรัฐธรรมนูญเหมือนปัจจุบันนี้ ถึงแม้เขาจะบอกว่าวิจารณ์อย่างสุจริตได้ แต่บอกตามตรงผมไม่ไว้ใจกับการตีความของผู้คนในประเทศนี้ครับ ตราบใดที่คนหลายคนโดยเฉพาะพวกที่มีอำนาจอยู่ในมือ ยังแยกความแตกต่างระหว่างไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน กับไม่ยอมรับคำตัดสินไม่ได้ สามารถลากเอาการวิจารณ์รัฐบาล วิจารณ์ผู้นำกองทัพ ว่าเป็นพวกชังชาติ พวกหนักแผ่นดิน  หรือการเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ เป็นการจะไม่ให้มีกองทัพ มันก็ยากที่จะพูดคุยกันต่อไป

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะอยู่ในประเทศนี้ในยุคนี้ น่าจะเป็นพยายามอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ หุบปาก ก้มหน้าก้มตาทำงานไป อ้ออาจแลกเงินเป็นสกุลต่างประเทศที่มีความมั่นคงไว้ด้วยก็คงดีนะครับ เพราะหลังจากก้มหน้าก้มตาทำงานไป ไม่สนใจอะไรพวกนี้แล้วเพราะมันสิ้นหวัง ถ้าเงยหน้ามาอีกทีเงินเรามีค่าเป็นกระดาษไปแล้ว เราจะได้ไม่ลำบากมาก หรือถ้าใครอายุยังน้อยอยู่ ยังมีเรี่ยวมีแรง และรู้สึกทนไม่ไหวลองย้ายไปอยู่ต่างประเทศสักพักก็ได้ครับ เก็บเงินจนคิดว่าจะกลับมาอยู่ประเทศนี้ได้โดยไม่เดือดร้อนไม่ว่ารัฐบาลมันจะเป็นยังไงค่อยกลับมาก็ได้ครับ

คราวนี้ผมอยากเสนอมุมมองส่วนตัวหลังจากกรณียุบพรรคอนาคตใหม่ครับ

1. ที่ผมเป็นห่วงคือคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะพวกที่เคยไปเลือกตั้งครั้งแรก และคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เลือกอนาคตใหม่ คนกลุ่มนี้อาจหันหลังให้การเมืองไปเลยก็ได้ เพราะเขาอาจไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมพรรคที่เขาเลือกโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ดูเหมือนจะมีข้อยกเว้นเต็มไปหมด

2. ผมยังยืนยันว่ากฎหมายยุบพรรคนี่เป็นเรื่องแย่มาก บางคนอาจคิดว่ามันเป็นยาแรง เพราะคนจะได้ไม่ทำผิด  แต่ผมกลับมองว่ามันเหมือนพ่อไปค้ายา ลูกเมียไม่รู้เรื่อง แต่แทนที่จะตัดสินให้พ่อติดคุกคนเดียว แต่ดันตัดสินให้ทุกคนในบ้านติดคุกไปด้วย กรณีนี้ถ้ากรรมการบริหารทำผิดก็ลงโทษกรรมการไป หรือจริง ๆ ถ้าจะยุบพรรคมันก็ต้องเป็นคดีที่ร้ายแรงจริง ๆ อย่างพยายามล้มล้างการปกครอง ไอ้พรรคที่แพ้เลือกตั้งซ้ำซาก แล้วลากคนไปลงถนน ขัดขวางการเลือกตั้ง จนทหารเข้ามายึดอำนาจ แบบนั้นน่าจะโดนยุบมากกว่า

3. อนาคตการเมืองไทยต่อจากนี้น่าจะว้าเหว่ครับ เรามีนักการเมืองที่มีความคิดแบบเก่า ๆ ทำการเมืองแบบเก่า ๆ อยู่เต็มสภาไปหมด คุณภาพของสส.พลังประชารัฐก็เห็นกันอยู่ คนที่อยู่เพื่อไทยที่ด่า ๆ กันพลังประชารัฐก็อ้าแขนรับ แถมยังไม่ได้มีความคิดที่จะศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย หันไปดูเพื่อไทยก็เศร้าครับ นักการเมืองรุ่นเก่า ๆ ความคิดเก่า ๆ แทบทั้งนั้น คนที่มีประวัติไม่ดีก็ยังมีอยู่เยอะ ประชาธิปัตย์ไม่ต้องพูดถึง เมื่อก่อนก็แย่อยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก ส่วนพรรคกล้าที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ บอกตามตรงไม่ศรัทธาครับ ส่วนตัวคิดว่ากรณ์ก็ไม่ต่างอะไรกับอภิสิทธิ์ ยิ่งมีอรรถวิชด้วย บอกตามตรงยิ่งสิ้นหวัง ก็ขอให้คิดผิดแล้วกัน ส่วนพรรคอื่นไม่อยากพูดถึงครับ อย่างภูมิใจไทยพอให้จับงานใหญ่ก็ไม่ได้แสดงความมีประสิทธิภาพอะไร ยิ่งชาติไทยพัฒนาอะไรนี่พรรคตัวประกอบคอยเสียบเข้ากับฝ่ายชนะ ที่พูดนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพรรคอนาคตใหม่จะดีเลิศอะไรนะครับ พรรคนี้ก็มีจุดอ่อนอยู่เยอะ แต่ก็ดูพอที่จะเป็นทางเลือกได้ ถ้าให้โอกาสเขาได้ทำงานการเมืองสักพัก

4. อ.ปิยบุตรในช่วงถูกตัดสิทธิ์นี่ ถ้าจะกลับไปสอนหนังสือนี่คงต้องไปสอนต่างประเทศครับ เพราะหลักกฎหมายที่อ.เอามาพูดเอามาโต้แย้งมันดูจะไม่เข้ากับกฎหมายไทยนะครับ ประเทศนี้คงต้องให้อย่างวิษณุ หรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนสอน

5. อย่าได้คาดหวังว่าการตัดสินวันนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้มีการยุบพรรคอื่น ๆ ที่มีกรณีการกู้เงินเหมือนกันนะครับ เพราะคุณจะได้รับคำวินิจฉัย (ที่คุณห้ามแตะต้อง) ว่ามันไม่เหมือนกัน ดูกรณีเสียบบัตรแทนกันที่ผ่านมาเป็นตัวอย่างก็ได้ครับ

6. รัฐบาลนี้ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็คงอยู่ไปอีกนานละครับ ยิ่งฝ่ายค้านเหลือเสียงน้อยลงแบบนี้ และพรรคเพื่อไทยไม่น่าจะเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งอะไร ผมไม่เห็นด้วยที่จะไปลงถนนกันอีกแล้วนะครับ ก็หวังว่าเราจะได้ให้ระบอบประชาธิปไตยมันทำงานของมัน ถ้ารัฐบาลมันห่วยจริง ผมก็หวังว่าประชาชนจะเห็น และคงคิดได้ระหว่างกลัวแต่ทักษิณจะกลับมา กับประเทศดิ่งลงเหวเราจะเลือกอะไร

7. สุดท้ายผมอยากให้เราเอาใจช่วยรัฐบาลให้ประคองตัวให้ผ่านปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาไวรัส ปัญหาฝุ่น และปัญหาอื่น ๆ แบบไม่บอบช้ำเกินไปนะครับ ช่วยกันภาวนาให้มีคนในรัฐบาลนี้มีคนที่มีความคิดดี ๆ ก้าวหน้าในการแก้ปัญหาประเทศชาติกันบ้าง เพราะยังไงนี่มันก็ประเทศของเรา และถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมันก็กระทบกับเราซึ่งไม่ใช่คนรวย 0.01% ของประเทศนี้แน่ เพราะถ้ามันแย่มาก ๆ ต่อให้สุดท้ายได้คนเก่ง ๆ เข้ามา มันอาจจะสายเกินแก้ หรืออาจต้องใช้เวลาเหมือนกับทีมรักของผมคือลิเวอร์พูล ซึ่งแม้จะได้คนเก่งสุด ๆ อย่างเจอร์เกน คลอปป์มา ก็ต้องใช้เวลาตั้ง 4 ปี กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนตอนนี้









ใช้หุ่นยนต์ช่วยในการผ่าตัดแบบ"ซุปเปอร์ไมโคร"กับคนไข้ที่เป็นคนสำเร็จแล้ว

การผ่าตัดที่ใช้ในการซ่อมแซมที่เรียกว่าการผ่าตัดแบบซุปเปอร์ไมโครที่ใช้ในงานเช่นการเชื่อมต่อเส้นเลือดที่บางมาก หรือการเชื่อมต่อท่อน้ำเหลือง เพื่อทำให้มันทำงานได้ตามปกติเป็นงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญอย่างมาก แต่ในเร็ว ๆ นี้ระบบหุ่นยนต์ที่ชื่อว่า Musa ได้ช่วยการทำการผ่าตัดแบบนี้ในรอบแรกสำเร็จแล้วอย่างดีเยี่ยม โดยหุ่นยนต์นี้ถูกพัฒนาโดยบริษัทสตาร์ตอัพของฮอลแลนด์คือ   Microsure ซึ่งแยกออกมาจาก  Eindhoven University of Technology และ Maastricht University Medical Centre การทำงานของหุ่นยนต์นี้จะถูกควบคุมโดยหมอผ่าตัด โดยหุ่นยนต์จะแปลท่าทางการเคลื่อนไหวมือของหมอ แล้วใช้เครื่องมือจากตัวหุ่นยนต์ในการผ่าตัดซึ่งจะทำได้เที่ยงตรงมากกว่า รูปของหุ่นยนต์ดูได้จากข่าวครับ

อ่านข่าวเต็มได้ที่: New Atlas

วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

โปรแกรมหลอกลวงบนมือถือมุ่งเป้าไปที่ลูกค้าธนาคาร (ในอเมริกาและแคนาดา)

นักวิจัยด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ (cybersecurity) พบว่าผู้ใช้งานแอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือตกเป็นเป้าหลอกลวงเพื่อเอาข้อมูลการล็อกอินเข้าสู่ระบบธนาคาร โดยได้สร้างเว็บไซต์ปลอม และหลอกให้ผู้ใช้คลิกเข้าไปที่เว็บดังกล่าว ตามข่าวบอกว่ามีผู้ใช้ประมาณ 4,000 คนที่ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งวิธีการหลอกลวงก็คือการส่ง SMS ไปบอกลูกค้าว่าพบการเข้าถึงบัญชีอย่างไม่ถูกต้องของผู้ใช้ ให้ผู้ใช้ดำเนินการแก้ไข อาจมีคำถามว่าแล้วรู้ได้ยังไงว่าลูกค้าคนไหนมีบัญชีธนาคารไหนอยู่ คำตอบคือเขาไม่รู้ครับ แต่ใช้วิธีสุ่มเอา ส่งข้อความออกไปเยอะ ๆ เปลี่ยนชื่อธนาคารไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็อาจเจอที่ตรงกันบ้าง นักวิจัยบอกว่าการหลอกลวงโดยวิธีนี้ปัจจุบันไม่ต้องเป็นผู้เชียวชาญก็ทำได้ โดยซื้อโปรแกรมสำเร็จรูปที่มีการใช้งานที่ง่ายมาก เราก็สามารถส่ง SMS ไปหลอกลวงผู้คน และเก็บข้อมูลที่ต้องการได้แล้ว

อ่านข่าวเต็มได้ที่: ZDNET

เพิ่มเติมเสริมข่าว:

เรื่องการหลอกลวงแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ วิธีการก็เป็นวิธีการเดิม ๆ ซึ่งธนาคารของไทยแทบทุกแห่งก็เตือนผู้ใช้ในเรืองแบบนี้ แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในปัจจุบันการสร้างโปรแกรมหลอกลวงแบบนี้ทำได้ง่ายมาก ไม่ต้องรู้เรื่องคอมพิวเตอร์มากก็ทำได้ ดังนั้นเราก็คงยิ่งต้องระวังตัวกันให้มากขึ้นครับ

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ซอฟต์แวร์บนเครื่องแมคไม่ปลอดภัยมากกว่าบนวินโดวส์แล้ว

เราอาจจะเคยได้ยินกันว่าเครื่องแมคไม่ติดไวรัส (ซึ่งไม่จริง) หรือใช้เครื่องแมคแล้วจะปลอดจากซอฟต์แวร์ที่ไม่ปลอดภัยมากกว่าวินโดวส์ แต่ในปัจจุบันอาจไม่จริงซะแล้วครับ รายงานจาก Malwarebytes ซึ่งเป็นบริษัทด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ (cybersecurity) บอกว่าเขาพบว่าเครื่องแมคมีความไม่ปลอดภัยจากซอฟต์แวร์ไม่ดีทั้งหลายมากกว่าบนวินโดวส์ โดยในพาดหัวข่าวบอกว่าซอฟต์แวร์ไม่ดีที่พุ่งเป้ามาที่เครื่องแมคเพิ่มขึ้นถึง 400% ในปี 2019 เมื่อเทียบกับปี 2018 ซึ่งทาง Malwarebyte สรุปว่าการที่มีซอฟต์แวร์ไม่ดีพุ่งเป้ามาที่เครื่องแมคมากขึ้นก็เนื่องมาจากมีผู้ใช้แมคมากขึ้นนั่นเอง และยังบอกว่า iPhone ก็อาจมีความเสี่ยงด้วย แต่เราก็อาจไม่รู้เพราะเราไม่มีเครื่องมือที่จะสแกนมันนั่นเอง อย่างไรก็ตามทาง Malwarebytes บอกว่าโปรแกรมที่ตรวจจับได้ ไม่ใช่โปรแกรมที่มุ่งทำอันตรายร้ายแรง แต่ก็สร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้

อ่านข่าวเต็มได้ที่: USA Today

วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ทำให้ internet ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นักวิจัยจาก Sweden’s Chalmers University of Technology ได้ออกแบบวงจรชิปข้อมูลเพื่อแก้ไขความถูกต้องของข้อมูลที่ทำงานได้โดยใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งจากผลการทดลองพบว่าใช้พลังน้อยลงถึง 10 เท่า นักวิจัยบอกว่างานวิจัยนี้ต้องใช้การร่วมมือของศาสตร์หลายด้านมาช่วยกันตัวอย่างเช่นฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวกับแสง วิทยาการการสื่ิอสาร และวิศวกรรมไฟฟ้าเป็นต้น 

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Chamler News  

เพิ่มเติมเสริมข่าว:

ปัจจุบันงานวิจัยจะเป็นลักษณะที่เป็นพหุสาขาวิชา (multidisciplinary) มากขึ้นเรื่อย ๆ หรือจริง ๆ ไม่ต้องงานวิจัยก็ได้ งานทั่ว ๆ ไปตอนนี้ก็แทบจะเป็นพหุสาขาวิชากันหมดแล้ว 

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

งานอะไรฮอตที่สุดด้านเทคโนโลยี

ต่อคำถามที่ว่างานอะไรฮอตที่สุดด้านเทคโนโลยีในปี 2019  คำตอบขึ้นอยู่กับว่าเรามองในมุมไหน ถ้ามองด้านตำแหน่งงานที่เปิดรับจะได้ว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยวิศวกรเครือข่าย และวิศวกรระบบ แต่ถ้ามองตำแหน่งที่มีการเติบโตในความต้องการมากที่สุดอันดับหนึ่งก็คือวิศวกรข้อมูลซึ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้นถึง 50%  เมื่อเทียบกับปี 2018 ทักษะด้าน Structure Query Language (SQL) ด้าน container อย่าง Kubernetes เป็นทักษะที่มีความต้องการมากที่สุดในการประกาศหางาน ทักษะด้านภาษาเขียนโปรแกรม ประมาณ 20% ของการประกาศงานบอกว่าต้องการคนที่เขียนโปรแกรมภาษา python ได้ สำหรับงานด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล และวิศวกรข้อมูลมีความต้องการอยู่ที่ 75% และ 64% ตามลำดับ

อ่านข่าวเต็มได้ที่: IEEE Spectrum

เพิ่มเติมเสริมข่าว:

อ่านจากข่าวเพิ่งรู้ว่าเขาแยกตำแหน่งนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และนักพัฒนาแอปพลิเคชันออกจากกัน

วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

นักวิจัยปรับปรุงวิธีการเพื่อลดอคติในชุดข้อมูลทางด้าน Computer Vision

นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัย  Princeton และ Stanford ได้ร่วมกันหาวิธีที่จะได้ชุดข้อมูลที่เป็นภาพของคนที่ไม่มีอคติหรือมีน้อยลง โดยจะปรับปรุงชุดข้อมูลที่ชื่อ ImageNet ซึ่งมีภาพอยู่ประมาณ 14 ล้านภาพที่ใช้เป็นเครื่องมือสำคัญทางด้าน Computer Vision ในทศษวรรษที่ผ่านมา ImageNet นั้นไม่ได้มีแต่รูปของคนแต่มีรูปของวัตถุ และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ อยู่ด้วย โดยฐานข้อมูลมีขนาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการที่ทั้งมีระบบเก็บรูปอัตโนมัติ และมีผู้คนช่วยกันส่งรูปหรือคำอธิบายรูปเข้ามา แต่ประเด็นที่นักวิจัยกำลังสนใจก็คือกลุ่มที่เป็นรูปภาพบุคคล ซึ่งที่กังวลกันก็คือความอคติโดยเฉพาะ ในด้านที่ค่อนข้างจะมีความสำคัญเช่นเชื้อชาติ และเพศสภาพ นอกจากนี้ยังอาจมีรูปภาพที่มีคนเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจในช่วงการสร้างข้อมูลรูปภาพ โดยทางผู้ดูแลได้มีระบบเพื่อตรวจจับรูปภาพเหล่านี้แล้ว และได้เสนอให้ลบภาพเหล่านี้ออกไป นอกจากนี้ยังได้ออกแบบเครื่องมือเพื่อให้ผู้ใช้ได้ระบุและเลือกชุดข้อมูลของคน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความสมดุลทั้งด้านอายุ การแสดงออกทางเพศ หรือสีผิว ซึ่งก็จะข่วยให้การพัฒนาขั้นตอนวิธีในการจำแนกคน จากท่าทาง หรือใบหน้า ทำได้โดยปราศจากอคติมากขึ้น (ก็คือทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องมากขึ้นนั่นเอง) นักวิจัยบอกว่างานด้าน computer vison ได้ถูกนำไปใช้มากมายในหลากหลายบริบท ถึงตอนนี้เราก็ต้องกลับมามองด้านความเที่ยงตรง (fairness) ของข้อมูลกันได้แล้ว

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Princeton University News  

เพิ่มเติมเสริมข่าว:

คำว่าถ้าส่งขยะเข้าไปก็ได้ขยะออกมา ยังคงใช้ได้เสมอกับวงการคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างความอคติก็คือการที่เราอาจจะมีข้อมูลแบบใดแบบหนึ่งมากเกินไป หรือมีข้อมูลที่อาจไม่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่นถ้าค้นคำคำหนึ่งที่เกี่ยวกับการเหยียดเพศ มันก็อาจจะแสดงหน้าคนขึ้นมา โดยที่คนนั้นก็อาจไม่ได้เหยียดเพศ แต่อาจจะไปอยู่ในรูปเดียวกับคนที่พูดจากเรื่องเหยียดเพศ เอาง่าย ๆ ก็ได้ครับ พวกเราเคยค้นชื่อตัวเองด้วย Google ไหมครับ ถ้าไม่เคยลองก็ลองดูนะครับ แล้วลองกดตรง images ดูว่าผลเป็นยังไง  ดังนั้นในการฝึกสอนระบบถ้าฝึกสอนด้วยข้อมูลเหล่านี้  มันจะทำให้เวลาระบบประมวลผลมันก็จะเกิดความไม่เป็นธรรม เปรียบง่าย ๆ ก็เหมือนกับเราฟังความข้างเดียว หรือมีอคติกับอีกฝ่ายเป็นทุนอยู่แล้วนั่นแหละครับ ผลลัพธ์การตัดสินของเรามันก็จะไม่เที่ยงธรรม    

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ความต้องการวิศวกรซอฟต์แวร์ด้าน AR และ VR เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

รายงานประจำปีของเว็บไซต์การจ้างงานพบว่าความต้องการวิศวกรด้าน Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) พุ่งขึ้นถึง 1400% ในปีที่แล้วเมื่อเทียบกับสองปีก่อน โดยอัตราเงินเดือนอยู่ในช่วง $135,000 ถึง $150,000 ในศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีใหญ่ ๆ ในสหรัฐอเมริกา วิศวกรด้านเกมและ computer-vision เพิ่มขึ้น 146% แต่ดาวรุ่งในปี 2018 อย่างนักพัฒนาบล็อกเชน (blockchain) ที่เพิ่มขึ้น 517% ในปี 2018 กลับลดลงเหลือเพียง 9% ในปี 2019 เงินเดือนของวิศวกรซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้นสูงสุดอยู่ที่ลอนดอนโดยเพิ่มขึ้นปีละ 13% ตามมด้วยที่โทรอนโต 7% และอ่าวซานฟรานซิสโกอยู่ที่ 6%

อ่านข่าวเต็มได้ที่:  IEEE Spectrum

เพิ่มเติมเสริมข่าว:

ความต้องการที่ลดลงในบางสาขาอาจเกิดจากได้จำนวนนักพัฒนาเพียงพอแล้วก็ได้ ต้องดูว่าปีหน้าความต้องการในสาขาที่พุ่งขึ้นในตอนนี้จะลดลงมากแค่ไหน แต่ความต้องการนักพัฒนาซอฟต์แวร์ก็คงทำให้เห็นแนวโน้มว่าอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์จะมุ่งไปทางไหน

วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

จากนี้ตราบนิรันดร์(ฉัน)รักเธอเสมอ

ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะเขียนมุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับกรณีกราดยิงที่โคราชเสียหน่อย แต่บังเอิญศุกร์นี้ตรงกับวันวาเลนไทน์พอดี เลยคิดว่าเขียนอะไรเบา ๆ เข้ากับบรรยากาศดีกว่า ส่วนเรื่องโคราชอาจจะสัปดาห์หน้าหรืออาจไม่เขียนแล้ว เพราะใครต่อใครก็คงพูดกันเยอะแล้ว

มาเรื่องวันนี้กันดีกว่าครับ ดูจากหัวข้อแล้วหลายคนอาจมีคำถามว่าอะไรเลี่ยนจัง คนที่รู้จักผมก็อาจจะถามว่าแก่ขนาดนี้จะมาเขียนเรื่องรักหวานแหววอะไรอีกเหรอ :) ไม่ใช่นะครับ วันนี้ผมจะมาเขียนถึงเพลงสองเพลง ซึ่งเป็นเพลงรักเข้ากับบรรยากาศวาเลนไทน์ เพลงหนึ่งเป็นเพลงสากล อีกเพลงเป็นเพลงไทย เพลงสากลก็คือเพลง Now and Forever ของ Richar Marx ซึ่งถ้าแปลเป็นไทยก็น่าจะได้ชื่อว่า จากนี้ตราบนิรันดร์ ส่วนเพลง(ฉัน)รักเธอเสมอเป็นเพลงไทยชื่อนี้เลยครับ

สำหรับเพลง Now and Forever น่าจะเป็นเพลงที่รู้จักกันดีนะครับ ที่ผมนึกถึงเพลงนี้ในวันนี้ เพราะมันเป็นเพลงที่อยู่ในวีดีโองานแต่งงานของผม 24 ปีมาแล้ว เรามาฟังเพลงกันก่อนนะครับ



ฟังทีไรก็เพราะนะครับ คราวนี้มาดูเนื้อเพลงกันนะครับ

Whenever I'm weary
เมื่อใดที่ฉันล้า

From the battles that rage in my head
จากเรื่องราวต่าง ๆ ที่วุ่นวายอยู่ในหัว

You make sense of madness
คุณสามารถแยกแยะความจริงออกจากความเพ้อเจ้อ

When my sanity hangs by a thread
ในวันที่สภาพจิตใจของฉันแขวนอยู่บนเส้นด้าย

I lose my way but still you seem to understand
แม้ฉันหลงทางแต่คุณก็ยังคงเข้าใจ

Now and forever
จากนี้ตราบนิรันดร์

I will be your man
ฉันจะเป็นคนของคุณ

Sometimes I just hold you
บางครั้งฉันได้กอดคุณไว้

Too caught up in me to see
แต่ก็จมอยู่กับตัวเองเสียจนมองไม่เห็นว่า

I'm holding a fortune
ฉันกำลังกอดสมบัติอันมีค่า

That heaven has given to me
ที่สวรรค์ได้ประทานมาให้

I'll try to show you each and every way I can
ฉันจะแสดงให้คุณเห็นในทุกโอกาสและในทุกวิถีทางที่ฉันสามารถทำได้ว่า

Now and forever
จากนี้ตราบนิรันดร์

I will be your man
ฉันจะเป็นคนของคุณ

Now I can rest my worries and always be sure
ถึงตอนนี้ฉันก็สามารถวางความกังวลต่าง ๆ ลงได้ และยังมั่นใจได้เสมอว่า

That I won't be alone anymore
ฉันจะไม่เดียวดายอีกต่อไป

If I'd only known you were there all the time
เพียงฉันได้รู้ว่าคุณอยู่กับฉันมาตลอด

All this time
มาจนถึงตอนนี้

Until the day the ocean doesn't touch the sand
จนถึงวันที่มหาสมุทรไม่พัดพามาบรรจบกับผืนทรายอีกต่อไป

Now and forever
จากนี้ตราบนิรันดร์

I will be your man
ฉันจะเป็นคนของคุณ

Now and forever
จากนี้ตราบนิรันดร์

I will be your man
ฉันจะเป็นคนของคุณ

จริง ๆ ผมตั้งใจจะเขียนถึงเพลงนี้เพลงเดียวแหละครับ แต่พอนั่งเขียนเนื้อเพลงประโยค

Until the day the ocean doesn't touch the sand
จนถึงวันที่มหาสมุทรไม่พัดพามาบรรจบกับผืนทรายอีกต่อไป

มันทำให้เพลงรักอีกเพลงหนึ่ง ที่เป็นเพลงไทย และผมคิดว่าเป็นเพลงที่มีเนื้อร้องที่ไพเราะมากที่สุดเพลงหนึ่ง นั่นคือเพลง(ฉัน)รักเธอเสมอ สำหรับชื่อเพลงเพลงนี้ผมไม่แน่ใจว่ามันมีคำว่าฉันด้วยไหมนะครับ เพราะเวอร์ชันที่หามาที่เป็นต้นฉบับชื่อเพลงไม่มีคำว่าฉัน แต่เวอร์ชันที่นักร้องรุ่นหลังเอามา cover ใหม่ มีคำว่าฉันด้วย  สำหรับเพลงนี้แต่งโดยบรมครูเพลงของไทย เนื้อร้องโดยครูชาลี อินทรวิจิตร ทำนองโดยครูประสิทธ์ พยอมยงค์ และคนที่ร้องเป็นต้นฉบับน่าจะเป็นคุณสวลี ผกาพันธ์ ครับ รู้จักกันไหมครับนี่ไปฟังเพลงกันครับ





ส่วนเวอร์ชัน cover ที่ผมชอบที่สุดร้องโดยคุณศรัณยา ส่งเสริมสวัสดิ์ ครับ



ไม่ว่าเวอร์ชันไหนก็เพราะนะครับ และนี่คือเนื้อเพลงครับ

หากตราบใดสายนทียังรี่ไหล
สู่มหาชลาลัยกระแสสินธุ์
เกลียวคลื่นยังกระทบฝั่งดังอาจิณ
เป็นนิจสินตราบนั้นฉันรักเธอ
เช่นตะวันนั้นยังคงตรงต่อเวลา
แน่นอนนักรักท้องฟ้าสม่ำเสมอ
เช่นกับฉันมั่นคงตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ ชั่วนิจนิรันดร์

ประโยคที่ทำให้ผมเชื่อมโยงเพลง Now and Forever เข้ากับเพลงนี้คืออันนี้ครับ

Until the day the ocean doesn't touch the sand
เกลียวคลื่นยังกระทบฝั่งดังอาจิณ

ซึ่งผมว่ามันให้อารมณ์เดียวกันนะครับ

ก็หวังว่าจะมีความสุขกับเพลงรักเพราะ ๆ ในวันวาเลนไทน์นะครับ เอาเพลงมาให้ฟังสองสัปดาห์ติดแล้ว หรือผมควรเปลี่ยนหัวข้อจาก #ศรัณย์วันศุกร์ เป็น #ฟังเพลงกันวันศุกร์ ดีครับ :)







รัฐบาลออสเตรเลียเน้นบล็อกเชนเป็นส่วนสำคัญของแผนพัฒนาชาติ

รัฐบาลออสเตรเลียได้เปิดเผยแผนพัฒนา (roadmap) โดยใช้บล็อกเชน (blockchain) ซึ่งจะเป็นแผนกลยุทธ์ทั้งด้านการสร้างงาน การเติบโตทางเศรษฐกิจ ธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น และให้ผลผลิตที่มากขึ้น แผนพัฒนาดังกล่าวประกอบไปด้วยการกำกับและมาตรฐาน ทักษะ สมรรถภาพและนวัตกรรม การลงทุนและความร่วมมือจากต่างประเทศ โดยได้ร่าง 12 ขั้นตอนที่รัฐบาลหวังว่าจะทำให้สำเร็จก่อนปี 2026 แผนพัฒนาเน้นไปที่กรณีการใช้งาน (use-case) บล็อกเชนซึ่งรวมถึงการใช้งานด้านเกษตรกรรม การศึกษา ภาคการเงิน และได้ตั้งทีมผู้ใช้งานบล็อกเชนภาครัฐ เพื่อระดมสมองในการสร้างบริการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพโดยใช้ตัวอย่างจากประเทศต่าง ๆ แผนพัฒนานี้ยังได้พูดถึงการสร้างความร่วมมือกันระหว่างภาคอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาเฟรมเวอร์กกลาง และเนื้อหาหลักสูตรสำหรับคุณวุฒิด้านบล็อกเชน

อ่านข่าวเต็มได้ที่: ZDNet

เพิ่มเติมเสริมข่าว:

น่าสนใจมากครับ ในฐานะคนที่กำลังสนใจและสอนด้านนี้ คิดว่าถ้ามีเวลาจะเขียนรายละเอียดของเนื้อหาข่าวนี้มาให้อ่านกันเพิ่มเติมครับ

วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ใช้การเรียนรู้เชิงลึกช่วยระบุระดับของการนอนหลับ

นักวิจัยจาก University of Eastern Finland ได้พัฒนาตัวแบบที่ใช้การเรียนรู้เชิงลึก (deep learning) เพื่อระบุระดับของการนอนได้แม่นยำกว่าหมอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ โดยข้อมูลที่นำมาใช้เป็นข้อมูลจากผู้ป่วยที่เป็นปกติ และข้อมูลจากผู้ป่วยที่อาจจะมีอาการหยุดหายใจขณะหลับเนื่องจากการอุดกั้น ผลการทดลองพบว่าระบบสามารถระบุระดับของการนอนหลับของคนปกติ ได้แม่นยำอยู่ที่ 83.7% ถ้าใช้ EEG และ 83.9% เมื่อใช้ว EOG ร่วมด้วย ส่วนคนที่อาจมีอาการหยุดหายใจขณะหลับจะระบุได้แม่นยำอยู่ที่ 82.9% โดยใช้ EEG และ 83.8% เมื่อใช้ EOG ร่วมด้วย

อ่านข่าวต็มได้ที่: University of Eastern Finland News

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

นักวิจัยสร้างระบบโดรนเพื่อเตือนภัยธรรมชาติ

นักวิจัยจาก Trung Duong of Queen's University Belfast ในสหราชอาณาจักร ได้พัฒนาระบบโดรนที่ใช้ช่วยเตือนเมือเกิดภัยธรรมชาติ นอกจากนี้โดรนดังกล่าวยังสามารถใช้เป็น Wifi Hotspot ได้ด้วย เพื่อที่เราจะได้ใช้งานเครือข่ายได้ ในกรณีที่เครือข่ายโทรคมนาคมใช้งานไม่ได้ในช่วงที่มีสภาพอากาศที่เลวร้าย ระบบโดรนนี้สามารถใช้เป็นเครือข่ายโทรคมนาคมราคาถูกได้ เนื่องจากพวกมันจะถูกส่งขึ้นบินครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง เพื่อเก็บข้อมูลสภาพอากาศ นักวิจัยเรียกเครือข่ายการสื่อสารระหว่างโดรนเหล่านี้ว่า Catastrophe-Tolerant Telecommunications Network (CTTN) ซึ่งสามารถจะใช้สื่อสารกันได้ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเมื่อเครือข่ายหลักอื่น ๆ ใช้งานไม่ได้ ตัวอย่างการใช้งานก็เช่นการติดต่อกันระหว่างทีมกู้ภัย หรือทีมแพทย์ จุดประสงค์ของการพัฒนาระบบนี้ก็คือช่วยเหลือคนที่อยู่ในภฺมิประเทศที่มีสภาพอากาศที่เลวร้าย และช่วยให้ทีมกู้ภัยและทีมแพทย์ทำงานได้ง่ายขึ้น ปัญหาอีกประการหนึ่งที่งานวิจัยนี้ได้แก้ไขแล้วก็คืออายุการใช้งานแบตเตอรีของโดรน ซึ่งโดรนธรรมดาที่ใช้กันเล่น ๆ ทั่วไปจะมีอายุแบตเตอรีประมาณ 30 นาที แต่ในงานวิจัยนี้อายุของแบตเตอรีจะอยู่ได้นานกว่า3-5 เท่าของโดรนธรรมดา และที่สำคัญราคายังไม่สูงเท่าโดรนแบบที่มืออาชีพใช้กันด้วย ระบบนี้ได้ถูกนำไปใช้แล้วในเวียดนามโดย องค์การจัดการภัยพิบัติเวียดนาม (Vietnam’s Disaster Management Authority)

อ่านข่าวเต็มได้ที่: DEVELOPMENT & ALUMNI RELATIONS OFFICE News

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

สอนรถให้แยกเสียงได้

นักวิจัยที่ Germany’s Fraunhofer Institute for Digital Media Technology (IDMT) ได้พัฒนาระบบให้รถที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองสามารถแยกแยะเสียงจากภายนอกเช่นเสียงไซเรนได้ การฝึกสอนระบบใช้วิธีการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) โดยใช้คลังเสียงแบบอะคูสติก (acoustic) และได้พัฒนาขั้นตอนวิธีที่ทำให้ระบบสามารถรู้จำเสียงที่เกิดจากวัตถุที่เคลื่อนไหวไปเรื่อย ๆ ได้ และยังได้พัฒนาขั้นตอนวิธีที่อยู่บนฐานของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ที่ทำให้แยกเสียงที่รถต้องรู้จักออกจากเสียงอื่น ๆ ได้ 

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Farunhofer 

วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ใช้ AI ช่วยระบุตัวนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือ

นักวิจัยที่ North Carolina State University's Center for Educational Informatics  ได้พัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ (Arificial Intelligence, AI) เพื่อช่วยวัดว่านักเรียนเข้าใจบทเรียนแค่ไหนผ่านทางการเล่นเกม โดยตัวแบบ (model) ที่ปรับปรุงขึ้นใช้แนวคิดการฝึกสอน AI ที่เรียกว่าการเรียนแบบหลายงาน (multi-task learning) ซึ่งจะช่วยปรับปรุงทั้งการสอนและผลลัพธ์การเรียนรู้ การเรียนแบบหลายงานก็คือการที่ตัวแบบตัวแบบหนึ่งใช้กับงานหลาย ๆ งาน AI จะถูกมอบหมายให้เรียนรู้งาน 17 งาน ซึ่งจะสัมพันธ์กับคำถามที่จะเป็นข้อสอบ 17 ข้อ  นักวิจัยได้ทดสอบกับนักเรียน 181 คน โดย AI จะดูวิธีเล่นเกมของนักเรียน และระบุพฤติกรรมของนักเรียนว่าเล่นเกมแบบไหนจึงตอบคำถามถูก และแบบไหนจึงตอบคำถามผิด ซึ่งข้อมูลตรงนี้จะสามารถใช้ทำนายว่านักเรียนคนใหม่ที่เข้ามาเล่นเกมนี้จะตอบคำถามในข้อสอบถูกหรือไม่ นักวิจัยบอกว่าวิธีเรียนแบบหลายงานนี้ช่วยเพิ่มความแม่นยำจากการฝึกสอนแบบเดิม ๆ ประมาณ 10%

อ่านข่าวเต็มได้ที่: NC State University News

วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ยาที่ถูกสร้างจาก AI ถูกใช้กับคนเป็นครั้งแรก

กลุ่มของนักวิจัยจากอุตสาหกรรมยาของอังกฤษและญี่ปุ่นใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence,  AI)  เพื่อสร้างโมเลกุลของยาที่จะทดลองใช้กับมนุษย์ ยาดังกล่าวถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทดลองใช้กับผู้ป่วยที่เป็น  obsessive-compulsive disorder (OCD) โดย AI ใช้เวลา 12 เดือนในการผลิต โดยถ้าใช้วิธีแบบเดิมจะต้องใช้เวลา 5 ปี นักวิจัยบอกว่าปีนี้เป็นปีแรกที่ใช้ AI ออกแบบยา แต่เมื่อสิ้นทศวรรษนี้ ยาใหม่ ๆ ทุกตัวอาจผลิตโดย AI 

อ่านข่าวเต็มได้ที่: BBC Technology News


วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

อิสราเอลเตรียมวิธีรักษาผู้ติดเขื้อไวรัสโคโรนาแบบไม่ต้องสัมผัสตัว

จากทีเคยสรุปข่าวเรื่องการใช้หุ่นยนต์รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาในอเมริกา โดยสรุปว่าหุ่นยนต์ดังกล่าวยังมีข้อจำกัดคือต้องใช้พยาบาลในการเลื่อนหุ่นยนต์ไปรอบ ๆ ห้อง วันนี้เจอข่าวนี้ครับ Sheba Medical Center ในอิสราเอลได้เปิดตัววิธีการรักษาผู้ป่วยโคโรนาไวรัสแบบโทรเวชกรรม (telemedicine) เป็นที่แรกในโลก โดยใช้หุ่นยนต์ที่ควบคุมจากระยะไกล และแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้น โดยสามารถตรวจสัญญาณชีพและอัตราการเต้นของหัวใจของผู้ป่วยได้ โดยหุ่นยนต์นี้จริง ๆ แล้วถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัทในสหรัฐอเมริกานะครับ แต่ที่น่าสนใจมากในข่าวนี้คือในตอนนี้ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนาไวรัสในอิสราเอล แต่ทางโรงพยาบาลบอกว่า ทางโรงพยาบาลต้องเตรียมการไว้ก่อน เพื่อให้บุคลการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเสี่ยงจากการติดเชื้อให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลยังมีแผนการที่จะใช้โทรเวชกรรมนี้ในอีกระดับหนึ่ง ด้วยการที่ทำให้ผู้ป่วยที่ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงสามารถได้รับการรักษาจากที่บ้าน 

อ่านข่าวเต็มได้ที่: The Jerusalem Post

เพิ่มเติมเสริมข่าว:

สิ่งที่ได้เห็นจากข่าวนี้ไม่ใช่ตัวเทคโนโลยี เพราะมันควรจะทำได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เห็นคือการคิด การทำงานเชิงรุก ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เห็นจากรัฐบาลของสารขัณฑ์โดยสิ้นเชิง ที่ทำงานเป็นแต่เชิงรับ หรือแม้แต่เชิงรับก็ทำไม่เป็นก็ไม่รู้ 

  

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เพลง Pretend


เคยไหมครับที่มันมีเพลง ๆ หนึ่งแว่บเข้ามาในหัว แล้วเหมือนเรากำจัดมันออกไปไม่ได้ ต้องฮัมเพลง ต้องร้องพลงนั้นอยู่ตลอด สิ่งนี้เกิดกับผมมาตลอดสัปดาห์นี้ครับ เพลงที่แว๋บเข้ามาในหัวผมคือ Pretend ของ Nat King Cole (รู้จักกันไหมครับ 55) ที่น่าประหลาดคือเพลงนี้จริง ๆ ไม่ใช่เพลงโปรดของผม เคยฟังตอนสมัยเด็ก ๆ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะจากแผ่นเสียงของพ่อ และก็เคยร้องเล่นในสมัยที่ยังเล่นกีตาร์อยู่ และในช่วงหลัง ๆ มานี้ก็แทบไม่ได้นึกถึงเพลงนี้เลย แต่เมื่อสักวันอาทิตย์หรือวันจันทร์ที่ผ่านมาเพลงนี้ก็เหมือนดังอยู่ในหัวผม ทั้งเนื้อร้อง ทั้งทำนองแจ่มชัดมาก แล้วก็อย่างที่บอก ทั้งร้องทั้งฮัมมาตลอดทั้งสัปดาห์ ก็เลยสงสัยว่าหรือเราจะต้องเขียนถึงเพลงนี้สักหน่อยแล้วมั้ง เราไปฟังเพลงกันก่อนแล้วกันนะครับ


เพราะดีนะครับ คราวนี้ลองไปดูเนื้อเพลงกัน

Pretend you're happy when you're blue
จงแสร้งทำว่าคุณมีสุข ในยามที่ทุกข์เหงาเศร้า
It isn't very hard to do มันไม่ยากที่จะทำหรอกนะ

And you'll find happiness without an end
และคุณก็จะพบกับความสุขแบบไม่รู้จบ
Whenever you pretend เมื่อไรก็ตามที่คุณแสร้งทำ
Remember anyone can dream
จงรู้ไว้นะว่าใคร ๆ ก็ฝันกันได้
And nothing's bad as it may seem
และมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิดกันหรอกนะ (การฝันน่ะ)
The little things you haven't got
สิ่งละอันพันละน้อยที่คุณไม่เคยมี
Could be a lot if you pretend
คุณก็จะมีมันได้มหาศาลเลยล่ะ ถ้าเพียงแต่คุณแสร้งทำ
You'll find a love you can share
คุณจะได้พบกับรักที่คุณมีส่วนร่วมกับมันได้
One you can call all your own
เป็นรักที่คุณจะเรียกร้องอะไรได้ทุกอย่าง
Just close your eyes, she'll be there
เพียงแต่หลับตาลง เธอก็จะอยู่ตรงนั้น
You'll never be alone
คุณจะไม่มีวันอยู่เดียวดายอีกต่อไป And if you sing this melody
และถ้าคุณร้องเพลงนี้อยู่ละก็
You'll be pretending just like me
คุณก็คงกำลังแสร้งทำอยู่เหมือนผมนี่แหละ
The world is mine, it can be yours, my friend
โลกที่เป็นของผม มันก็จะเป็นของคุณด้วย เพื่อนเอ๋ย

So why don't you pretend?
แล้วทำไมคุณถึงจะไม่แสร้งทำล่ะ

พอฟังเพลงหรืออ่านเนื้อเพลงแล้ว หลายคนอาจคิดว่าผมกำลังอกหักอยู่หรือเปล่า :) ต้องบอกว่าผมเลยวัยที่จะอกหักมานานแล้วครับ ชีวิตตอนนี้ก็มีความสุขดี แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเพลงนี้มันถึงผุดขึ้นมา ถ้าจะมีเรื่องต้องแสร้งทำก็คงต้องแปลงเพลงสักท่อนหนึ่งนะครับ

Just close your eyes, he (who will not be named) won't be there
เพียงแต่หลับตาลง อีตาลุง (คนที่คุณก็รู้ว่าใคร) ก็จะไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว

แต่แหมถ้ามันเป็นจริงได้ ผมก็คิดว่าคงจะมีความสุขมากขึ้นครับ :)




สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายส่งเสริมอดีตทหารเข้าสู่อาชีพด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลบี

สภาคองเกรสของสหรัฐผ่านร่างกฎหมายที่จะส่งเสริมให้ทหารผ่านศึกที่ปลดประจำการได้มีโอกาสเข้าสู่งานด้าน STEM และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ซึ่งตรงนี้จะช่วยแก้ปัญหาทั้งสองด้านคือทหารผ่านศึกเหล่านี้เมื่อปลดประจำการแล้วก็จะได้มีโอกาสเข้าทำงานในวงการอุตสาหกรรมที่มีรายได้ค่อนข้างสูง ในขณะเดียวกันก็แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในตลาดแรงงานด้านนี้ด้วย ตามข่าวบอกว่าในปี 2018 มีตำแหน่งงานด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ว่างมากถึง 500,000 ตำแหน่งทั่วอเมริกา แต่มีบัณฑิตที่จบจากมหาวิทยาลัยในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์เพียง 60,000 คนเท่านั้น และในปี 2022 จะมีงานด้าน STEM ว่างถึงกว่า 9,000,000 ตำแหน่ง โดยจะมีทหารปลดประจำการกว่า 1.5 ล้านคน

อ่านข่าวเต็มได้ที่: NextGov 

เพิ่มเติมเสริมข่าว:

แรงงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นที่ต้องการมากในสหรัฐอเมริกามานานมากแล้ว เพราะเอาจริง ๆ คนอเมริกาเองก็ไม่ชอบเรียนด้านนี้ และอเมริกาก็พยายามส่งเสริมทุกด้าน เช่นส่งเสริมให้ผู้หญิงได้เข้ามาสู่อุตสาหกรรมด้านนี้มากขึ้น ตอนนี้ก็ส่งเสริมทหารผ่านศึก จริง ๆ นี่เป็นโอกาสดีของคนไทย แต่อุปสรรคใหญ่อย่างหนึ่งในอดีตที่ผ่านมาก็คือปัญหาด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่มองโอกาสที่จะย้ายออกจากประเทศนี้ด้วยเหตุผลใดก็ตาม ถ้าเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็จะมีโอกาสค่อนข้างดี ใครที่ยังไม่เก่งภาษาอังกฤษก็พัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษกันเถอะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

การต่อสู้กับบอทเพื่อหาข้อมูลที่แท้จริงจากสื่อสังคมออนไลน์

ในปัจจุบันมีโปรแกรมที่เรียกว่าบอท (bot) ซึ่งย่อมาจาก robot ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างมากมายและถูกนำไปใช้ในสื่อสังคมออนไลน์ จุดประสงค์ของบอทก็คือการสร้างเนื้อหาขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ซึ่งบอทหลายตัวก็มีชื่อเสีย(ง) ในทางที่ไม่ดีเช่นทำให้เกิดการจูงใจที่ผิดในการไปออกเสียงลงมติ หรือให้ข้อมูลด้านสุขภาพที่ผิด ๆ ซึ่งนักวิจัยยังบอกว่าบอทที่ไม่ดีเหล่านี้ทำให้การพยายามหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์ทำได้ยาก เพราะข้อมูลที่จะวิเคราะห์ควรจะมาจากการโพสต์ของคนจริง ๆ ไม่ใช่บอท ดังนั้นการตรวจสอบว่าโพสต์นั้นมาจากบอทหรือคนจริง จึงมีความสำคัญ แต่ปัญหาก็คือในปัจจุบันบอทมีการพัฒนาไปมาก ไม่ง่ายเหมือนบอทแบบเก่า ๆ ในข่าวบอกว่าโปรแกรมล่าบอทที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีบอทดีด้วย เช่นบอทที่ให้ข้อมูลด้านสุขภาพจริง ๆ หรือบอทที่รายงานสภาพอากาศ ดังนั้นงานที่ยากขึ้นไปอีกก็คือการแยกประเภทของบอท

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Nature News

การแยกระหว่างของจริงกับของปลอมก็ยากอยู่แล้ว นี่ยังต้องแยกระหว่างปลอมดีกับปลอมเลวอีก

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ระบบควบคุมความอุณหภูมิแบบเรียนรู้ด้วยตัวเอง

นักวิจัยจาก Swiss Federal Laboratories for Materials Science and Technology (Empa) ได้พัฒนาระบบที่ใช้ข้อมูลอุณหภูมิจากปีก่อนและข้อมูลการพยากรณ์อากาศในปัจจุบัน เพื่อใช้ประเมินสภาพของตัวอาคาร และปรับเครื่องควบคุมความร้อนในอาคารให้ปรับอุณภูมิให้มีความสบายสำหรับผู้อาศัย ซึ่งผลจากการประเมินพบว่าระบบนี้ให้ผลลัพธ์ดีพอ ๆ กับการตั้งค่าความสบายจากเมนูที่เครื่องเตรียมไว้ให้  แต่ประหยัดพลังงานได้มากกว่าถึง 25%

อ่านข่าวเต็มได้ที่:  Empa News

เพิ่มเติมเสริมข่าว:

อีกหนึ่งตัวอย่างของการใช้งาน Big Data

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ส่งข้อมูลบนเครือข่าย 5G มากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มฮาร์ดแวร์

การส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย 5G ในเมืองที่มีผู้คนหนาแน่น ต้องใช้ฮาร์ดแวร์มากขึ้นเพื่อให้ได้การใช้งานที่มีเสถียรภาพ นักวิจัยในญี่ปุ่นได้เสนอวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหานี้โดยติดตัวรับส่งสัญญาณวิทยุบนรถยนต์ และให้ตัวรับส่งสัญญาณเหล่านี้ช่วยกันทำงานจากรถยนต์ที่จอดอยู่ โดยตัวรับส่งสัญญาณนี้จะใช้แบตเตอรีรถยนต์เป็นแหล่งจ่ายพลังงาน แนวคิดหลักของวิธีนี้ก็คือในพื้นที่ที่มีผู้คนหนาแน่นมักจะมีรถยนต์จอดอยู่ในลานจอดรถเป็นจำนวนมาก  ในข่าวบอกว่ามีการทดลองกับรถที่วิ่งอยู่ด้วย แต่ผลการทดลองพบว่าการส่งสัญญาณจากรถที่วิ่งอยู่ทำได้ยากมาก

อ่านข่าวเต็มได้ที่: IEEE Spectrum


วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

AI ที่ทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญระบาดวิทยาเตือนการแพร่กระจายของไวรัสอูฮันได้เป็นที่แรก

BlueDot ซึ่งเป็นระบบสำหรับเฝ้าระวังด้านสาธารณสุขของแคนาดา เป็นที่แรกที่ได้ส่งสัญญาณเตือนเรื่องการระบาดของโคโรนาไวรัสอูฮันในวันที่ 31 ธันวาคมปีที่แล้ว BlueDot ใช้การวิเคราะห์รายงานข่าวในภาษาต่างประเทศ เครือข่ายโรคพืชโรคสัตว์ และข้อมูลจากรัฐบาลเพื่อเตือนผู้ใช้ระบบให้หลีกเลี่ยงบริเวณที่การระบาดของโรคน่าจะเกิดขึ้น ขั้นตอนวิธีที่ระบบใช้ยังวิเคราะห์ไปถึงข้อมูลสายการบินทั่วโลกเพื่อช่วยทำนายว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่ติดเชื้อเดินทางไปที่ไหนบ้าง ระบบ BlueDot ทำนายได้อย่างถูกต้องว่าไวรัสจะแพร่กระจายจากอูฮัน ไปกรุงเทพ โซล ไทเป และโตเกียวหลังจากวันที่มันเริ่มระบาด ผู้พัฒนาระบบ BlueDot บอกว่าแรงบันดาลใจจากการพัฒนาระบบก็คือการระบาดของไวรัส SARS ในปี 2003 ซึ่งการระบาดนี้ทำให้บุคคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานหนักเพื่อรับสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งเขาไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นอีก ระบบ BlueDot นี้เริ่มเปิดตัวในปี 2014 ด้วยทุน 9.4 ล้านเหรียญสหรัฐ มันจะวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งที่กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Proessing) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เพื่อกรองข้อมูลจากนั้นก็ส่งข้อมูลให้นักระบาดวิทยาที่เป็นคนวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ และส่งข้อมูลให้กับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Wired

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

IoT จะพาเมืองอัจฉริยะก้าวไปอีกขั้น

การใช้งานเครือข่าย IoT ในเมืองอัจฉริยะกำลังก้าวหน้าไปอย่างมาก Gartner ประมาณว่าเมื่อปีที่แล้วเครือข่าย IoT มีอุปกรณ์เชื่อมต่อกันอยู่ประมาณ 14.2 พันล้านเครื่อง ส่วน IDC คาดการณ์ว่าจะมีอุปกรณ์เชื่อมต่อกัน 41.6 พันล้านเครื่องในปี 2025 ในปัจจุบันเมืองใช้เครือข่ายนี้ในการจัดการของเสีย และการจราจร แต่ผู้เชี่ยวชาญตั้งความหวังว่าปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) จะช่วยให้สามารถทำงานที่ซับซ้อนขึ้นในการบริหารจัดการเมือง และในด้านการทำนาย เช่นหน่วยงานดับเพลิงใน Nashville ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยวิเคราะห์ตำแหน่งที่จะเกิดไฟใหม้ขึ้นในอนาคต ซึ่งก็จะทำให้สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งก็คือการเปลี่ยนจากการทำงานเชิงรับไปเป็นการทำงานเชิงรุกนั่นเอง

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Financial Times

วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ตำรวจลอนดอนกำลังจะใช้ระบบรู้จำใบหน้าแบบทันที

ตำรวจมหานครลอนดอนกำลังจะใช้ระบบรู้จำใบหน้าแบบทันทีเพื่อที่จะสามารถระบุตัวตนของคนที่เดินอยู่ในรัศมีที่กล้องจับได้ ถึงแม้ว่าจะมีบางคนกังวลเรื่องประสิทธิภาพและเสรีภาพของประชาชน แต่ตำรวจบอกว่าจากการทดลองพบว่าระบบสามารถระบุตัวคนร้ายที่ต้องการได้ถูกต้อง 70% และพลาดระบุว่าคนธรรมดาว่าเป็นคนร้ายเพียง 1 ใน 1000 รายเท่านั้น และบอกว่าจากการสำรวจพบว่ามีคนที่เห็นด้วยในการใช้ระบบนี้ถึง 80% ตำรวจบอกว่าการใช้ระบบนี้จะเชื่อมต่อภาพจากกล้องเข้ากับฐานข้อมูลผู้ต้องสงสัย ถ้าตรงกันระบบจะเตือนให้ตำรวจเข้าไปสอบสวน แต่ถ้าไม่ตรงภาพของคนคนนั้นจะถูกลบออกไปในไม่กี่วินาที ดังนั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว แต่ผู้เชียวชาญกลับให้ความเห็นที่แตกต่างกับตำรวจในแง่ประสิทธิภาพ โดยบอกว่าระบบนี้มีประสิทธิภาพในการระบุตัวคนร้ายได้แค่ 19% เท่านั้น ไม่รู้ตัวเลข 70% มาจากไหน และสำนักข่าวที่รายงานข่าวนี้บอกว่าระบบจะทำงานได้ดีเฉพาะในตอนกลางวันที่มีแสงสว่างชัดเจน แต่จะด้อยประสิทธิภาพลงในเวลากลางคืน ยิ่งไปกว่านั้นตำรวจยังยอมรับว่าระบบยังทำงานไม่ดีในกรณีที่มีคนอยู่หนาแน่น

อ่านข่าวเต็มได้ที่: The Guardian

เพิ่มเติมเสริมข่าว:

เท่าที่ตามข่าวมาในจีนใช้ระบบนี้แล้วและแน่นอนว่าปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวอะไรก็ไม่มีใครสามารถพูดถึงได้อยู่แล้ว แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าในไทยจะนำมาใช้โดยจุดประสงค์เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมก็โอเคนะ คิดว่าเราคงหนีเทคโนโลยีแบบนี้ไปไม่พ้นอยู่แล้ว อ้อแต่ประเทศไทยอาจต้องเริ่มจากมีกล้องวงจรปิดชัด ๆ และไม่เสียให้ทั่วก่อนนะ เวลาเกิดคดีอะไรขึ้นมารู้สึกจะมีปัญหากับกล้องไม่ชัด กล้องเสียเป็นประจำ