ภาพจาก ACM |
อ่านข่าวเต็มได้ที่: University of Warwick (U.K.)
ภาพจาก ACM |
อ่านข่าวเต็มได้ที่: University of Warwick (U.K.)
ภาพจาก MIT News |
ระบบที่พัฒนาโดยทีมงานจากหลายสถาบัน รวมถึงนักวิจัยของ Massachusetts Institute of Technology (MIT) สามารถตรวจจับสารเคมี และจุลินทรีย์จากตัวอย่างอากาศได้ด้วยความไวมากกว่าจมูกของสุนัขถึง 200 เท่า เมื่อจับคู่กับการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) นักวิจัยกล่าวว่าระบบของพวกเขาสามารถระบุคุณสมบัติของตัวอย่างที่เป็นพาหะของโรคได้ ระบบนี้ได้ฝังความสามารถในการดมกลิ่นของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมให้ทำงานในรูปแบบเซ็นเซอร์ ซึ่งสายธารของข้อมูล (data stream) สามารถจัดการได้ในระบบเวลาจริงโดยใช้สมาร์ตโฟน ระบบนี้มีอัตราผลสำเร็จเทียบได้กับจมูกของสุนัขดมกลิ่น เมื่อทดสอบจากตัวอย่างปัสสาวะ 50 ตัวอย่างที่ได้รับการบืนยันแล้วว่ามาจากผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก และกลุ่มควบคุมที่ไม่เป็นโรค ซึ่งทั้งระบบนี้และสุนัขสามารถทำนายได้ที่ความแม่นยำกว่า 70% Andreas Mershin จาก MIT กล่าวว่าเครื่องตรวจจับกลิ่นดังกล่าวซึ่งติดตั้งอัลกอริธึมขั้นสูง สามารถระบุสัญญาณเริ่มต้นของโรคได้เร็วกว่าระบบการตรวจคัดกรองทั่วไป
อ่านข่าวเต็มได้ที่: MIT News
รายงานโดย European
Photo by Alexander Jawfox on Unsplash |
อ่านข่าวเต็มได้ที่: VentureBeat
Photo by Jun Wai Chin on Unsplash |
อัลกอริทึมที่พัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์จาก Skolkovo Institute of Science and Technology (Skoltech) ของรัสเซียและ Saint Petersburg State University สามารถปรับเวลาในสมาร์ตโฟนสำหรับงานที่ต้องใช้การวัดพร้อมกัน การปรับเวลานี้ใช้ Gyroscope ที่เรียกว่า micro-electro-mechanical systems (MEMS) ที่มีอยู่ในสมาร์ตโฟนเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว อัลกอริทึมนี้ถูกใช้ในสมาร์ทโฟนสองเครื่องให้ถ่ายภาพพร้อมกัน ซึ่งการทดลองได้ผลว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าซอฟต์แวร์ปรับเวลาที่มีอยู่ในหลักความแม่นยำหลายไมโครวินาที การใช้งานก็คือให้ถือสมาร์ตโฟนด้วยมือเดียว บิดมันเล็กน้อย แล้วปล่อยให้ซอฟต์แวร์ทำการปรับเวลา ทีมนักวิจัยกำลังปรับวิธีการนี้ให้ใช้กับอุปกรIณ์อื่น ๆ ได้ ไม่ใช่แค่สมาร์ตโฟน และยังมองการใช้เซ็นเซอร์อื่น ๆ อย่าง Lidar และกล้องวัดความลึก
อ่านข่าวเต็มได้ที่: Skoltech
ภาพจาก The Harvard Gazette |
นักวิจัยจาก Harvard John A. Paulson School of Engineering and Applied Sciences (SEAS), University of Southern California และ Pennsylvania State University ได้พัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อไวรัส HIV ใน ชุมชนที่มีความเสี่ยงสูง ทีมงานร่วมมือกับนักสังคมสงเคราะห์ที่ศูนย์ดรอปอินสำหรับเยาวชนจรจัดสามแห่งซึ่งพวกเขาได้เกณฑ์ผู้เข้าร่วมการศึกษามากกว่า 700 คน นักวิทยาศาสตร์ได้ทำแผนที่เครือข่ายโซเชียลของผู้เข้าร่วมและใช้อัลกอริทึมเพื่อระบุผู้นำที่มีความเชื่อมโยงกับหลากหลายเครือข่าย ผู้นำเหล่านี้ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการป้องกันเอชไอวี และส่งเสริมกลยุทธ์การป้องกันโดยการสื่อสารกับเครือข่ายทางสังคมของพวกเขาที่ศูนย์ดรอปอิน โปรแกรมนี้มีชื่อว่า CHANGE (CompreHensive Adaptive Network samplinG for social influencE) โดยผลวิจัยพบว่าเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการมีโอกาสน้อยที่จะมีเซ็กส์โดยไม่ป้องกัน เมื่อเทียบกับผู้ที่ลงทะเบียนเป็นผู้สังเกตุการณ์เฉย ๆ
อ่านข่าวเต็มได้ที่: The Harvard Gazette
ภาพจาก ACM |
นักวิจัยจาก University of Michigan, Northwestern University, และ University of Florida ได้สร้างแพลตฟอร์มเซ็นเซอร์ไร้สายที่ตรวจสอบอุณหภูมิ ความชื้น และเวลา เพื่อให้แน่ใจว่ามีสภาวะที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 โดยใช้กำจัดด้วยละอองความร้อน (moist-heat decontamination) จากการทดลองใช้ทั้งในห้องปฏิบัติการ และการทดสอบทางคลีนิก แพลตฟอร์มจากงานวิจัยนี้ที่ชื่อว่า VeriMask ช่วยในการขจัดสิ่งปนเปื้อนอย่างเหมาะสมกับหน้ากากหลายร้อยชิ้นพร้อมกัน ผ่านเซ็นเซอร์ไร้สายที่รองรับบลูทูชพลังานต่ำ ( Bluetooth Low Energy) ซึ่งรวบรวมข้อมูลอุณหภูมิและความชื้น ผู้ใช้ยังสามารถใช้แอพสมาร์ทโฟนเพื่อติดตามกระบวนการนี้ในแบบเรียลไทม์ Josiah Hester จาก Northwestern กล่าวว่า "เราต้องการสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น ที่สามารถตรวจสอบการปนเปื้อนที่เหมาะสมได้" การออกแบบและผังของ VeriMask ได้ถูกแบ่งปันให้สมาคม N95DECON งานวิจัยนี้ยังได้รางวัลที่สองการนำเสนอในรูปแบบโปสเตอร์ใน Conference on Embedded Networked Sensor Systems ซึ่งเป็นการประชุมวิชาการของ ACM
อ่านข่าวเต็มได้ที่: University of Michigan
ภาพจาก Associated Press |
Jeffrey Berns จาก Blockchains LLC มีเป้าหมายที่จะสร้าง "เมืองอัจฉริยะ" แห่งอนาคตใน Storey County Nevada ที่ซึ่งผู้อยู่อาศัยซื้อสินค้าและบริการด้วยสกุลเงินดิจิทัล และบันทึกงบการเงิน ประวัติทางการแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลอื่น ๆ บนบล็อกเชน (blockchain) บริษัทกำลังขออนุญาตเริ่มงานในปีหน้า เพื่อสร้างบ้าน 15,000 หลัง และพื้นที่เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม 33 ล้านตารางฟุตภายใน 75 ปี แนวคิดของ Berns มาจากฐานของร่างกฎหมายที่อนุญาตให้บริษัทเทคโนโลยีที่มีพื้นที่ 50,000 เอเคอร์ ซึ่งสัญญาว่าจะลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้าง "เขตนวัตกรรม (innovation zones)" ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของคนสามคนทำหน้าที่เป็นผู้ว่าการเขต (county commissioner) โดยสองคนแรกมาจากบล็อกเชน Berns บอกว่า "เพื่อให้เรากล้าที่จะเสี่ยง มีความยืดหยุ่น ปรับตัวได้อย่างว่องไว และคิดหาทางออกได้เหมือนกับตอนที่เราทำเมื่อเราออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำไมเราถึงจะไม่สร้างรัฐบาลที่จะยอมให้เราทำสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาล่ะ"
อ่านข่าวเต็มได้ที่: Associated Press
ภาพจาก UPI |
นักวิจัยของมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon ได้พัฒนาแนวทางใหม่ในการพิมพ์สามมิติทางชีววิทยา ที่แก้ไขปัญหาที่เกิดจากน้ำหนักของไบโอลิงค์ (bioink) วิธีนี้เรียกว่า Freefrom Reversible Embedding of Suspended Hydrogels ซึ่งทำงานโดยการพิมพ์ 3 มิติใน "อ่างรองรับ (support bath)" ซึ่งจะเก็บไบโอลิงค์ไว้จนกว่าจะจัดสภาพแวดล้อมที่รักษาความมีชีวิตของเซลล์เอาไว้ได้มากที่สุด การใช้อ่างรองรับจะเอาชนะความท้าทายของการพิมพ์ 3 มิติของวัสดุที่อ่อนนุ่มในอากาศ เนื่องจากแรงโน้มถ่วงจะทำให้ไบโอลิงค์ที่อ่อนนุ่มและเหลวที่ถูกส่งเข้ามาพิมพ์ทีละชั้น มีรูปร่างที่บิดเบี้ยวไป แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้ในการพิมพ์ลิ้นหัวใจที่ใช้งานได้แต่ Daniel J. Shiwarski จาก Carnegie Mellon กล่าวว่าการใช้เนื้อเยื่อที่พิมพ์ขึ้นนี้ในทางคลินิกยังคงต้องใช้เวลาอีกหลายปี
อ่านข่าวเต็มได้ที่: UPI
Image Credits: Brian Heater |
นักวิจัยจาก Mount Sinai Health System พบว่าการวินิจฉัยว่าผลการทดสอบ COVID-19 เป็นบวก (ติดเชื้อ) หรือไม่ โดยใช้แอพ Apple Watch และ iPhone โดยทำนายได้ล่วงหน้าถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนการทดสอบด้วยการทำสว็อบเทสต์ (swab test) ผู้เข้าร่วมทดสอบซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพหลายร้อยคนที่ Mount Sinai ใช้แอพนี้สำหรับการติดตามและรวบรวมข้อมูลสุขภาพ และกรอกแบบสำรวจรายวันเกี่ยวกับอาการสำคัญของ COVID-19 ที่อาจเกิดขึ้น และปัจจัยอื่น ๆ เช่นความเครียด สิ่งที่นักวิจัยให้ความสนใจเป็นพิเศษคือความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ (HRV) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของความเครียดในระบบประสาทร่วมกับข้อมูลรายงานอาการที่เกิดขึ้น เพื่อทำนายการติดเชื้อ COVID ล่วงหน้า นักวิจัยพบรูปแบบ HRV ของผู้เข้าร่วมในระยะหนึ่งถึงสองสัปดาห์หลังจากการทดสอบแล้วว่าติดเชื้อ นักวิจัยเชื่อว่าการค้นพบนี้อาจเป็นประโยชน์ในการแยกบุคคลออกจากผู้อื่นที่มีความเสี่ยง โดยไม่ต้องตรวจร่างกายหรือทำสว็อบเทสต์
อ่านข่าวเต็มได้ที่: TechCrunch
ภาพจาก BleepingComputer |
Alex Birsan นักวิจัยด้านความปลอดภัยเปิดตัวการจู่โจมใหม่ที่เรียกว่าการโจมตีห่วงโซ่อุปทานซอฟต์แวร์ ที่สามารถเจาะเข้าสู่ระบบภายในของบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 35 แห่งรวมถึง Microsoft, Apple, PayPal, Shopify, Netflix, Yelp, Tesla และ Uber การโจมตีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการอัปโหลดมัลแวร์ไปยังที่เก็บ (repository) แบบโอเพนซอร์สเช่น PyPI, npm และ RubyGems จากนั้นจะกระจายต่อไปยังแอปพลิเคชันภายในของ บริษัทโดยอัตโนมัติ การโจมตีนี้ผู้ที่เป็นเหยื่อนั้นไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย เพราะวิธีนี้ใช้ประโยชน์จากความสับสนของการขึ้นแก่กัน (dependency confusion) ซึ่งเป็นข้อบกพร่องในการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของระบบนิเวศแบบโอเพนซอร์ส Birsan อธิบายว่า "ช่องโหว่หรือข้อบกพร่องในการออกแบบ ในเครื่องมือสร้างหรือติดตั้งอัตโนมัติ อาจทำให้มีการใช้แพ็กเกจแบบสาธารณะแทนแพ็กเกจที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ภายในบริษัท ที่ใช้ชื่อเดียวกัน" Birsan ได้รับเงินกว่า $ 130,000 เป็นรางวัลจากจากโปรแกรมล่าบั๊ก (bug bounty program) จากงานวิจัยนี้ของเขา
อ่านข่าวเต็มได้ที่: BleepingComputer
ภาพจาก Getty Images |
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์ (UC Berkeley) ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์รังสีเอกซ์ (x-ray) เพื่อ "ทำนายประสบการณ์ความเจ็บปวดของผู้ป่วย" ที่โรคข้อเข่าเสื่อม Ziad Obermeyer จาก UC Berkeley กล่าวว่าอัลกอริทึมคาดการณ์สิ่งที่ผู้ป่วยจะพูดเกี่ยวกับประสบการณ์ปวดเข่าของตนเอง และสามารถตรวจจับสิ่งที่นักรังสีวิทยาอาจมองข้าม วิธีที่แพทย์ประเมินความเจ็บปวดเกี่ยวข้องกับการเลือกปฏิบัติและแม้แต่การเหยียดสีผิว เนื่องจากการศึกษาระบุว่าแพทย์มักจะประเมินความเจ็บปวดของคนบางกลุ่มต่ำเกินไป นักรังสีวิทยาที่ตรวจสอบกรณีโรคข้ออักเสบที่ดูเหมือนคล้ายกันกล่าวว่า คนผิวดำรายงานว่ามีอาการปวดมากกว่าคนผิวขาว อัลกอริทึมของ UC Berkeley ยังนำมาใช้กับคุณสมบัติที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย เพื่อทำให้เห็นว่าคนไข้แต่ละรายนั้นมีความคล้ายคลึงกันน้อยกว่าที่เราคิดว่าเป็น Sandra Hobson จาก Emory University กล่าวว่า "ฉันคิดว่า AI มีโอกาสที่จะช่วยรวมข้อมูลซึ่งรวมถึงผู้ป่วยจากทุกภูมิหลัง จากทุกส่วนของประเทศทั่วโลก และช่วยนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ร่วมกันเพื่อทำให้ได้ข้อมูลที่สมเหตุสมผลมากขึ้น"
อ่านข่าวเต็มได้ที่: BBC News
Image Credit: SDI Productions |
การศึกษาของนักวิจัยจาก Northeastern University ระบุว่าป้ายกำกับ (label) ในชุดข้อมูลด้าน Computer Vision ของคอมพิวเตอร์ไม่น่าเชื่อถือในฐานะที่เป็นตัวบ่งชี้ตัวตน ในการวิเคราะห์ชุดข้อมูล FairFace, BFW, RFW และ LAOFIW นักวิจัยระบุว่ามีการใช้ป้ายกำกับด้านเชื้อชาติกับงานด้าน Computer Vision โดยไม่มีคำจำกัดความ หรือมีเพียงคำจำกัดความที่หลวม ๆ หรือคลุมเครือ นักวิจัยยังอ้างถึงการใช้ป้ายกำกับ "Indian / South Asian" ของชุดข้อมูลว่าเป็นตัวอย่างของข้อบกพร่องของหมวดหมู่เชื้อชาติ
นักวิจัยบอกว่า "เราสามารถพิจารณาขยายจำนวนหมวดหมู่เชื้อชาติที่ใช้ออกไปได้ แต่หมวดหมู่ทางเชื้อชาติจะไม่สามารถแสดงออกถึงบุคคลหลายเชื้อชาติหรือบุคคลที่คลุมเครือทางเชื้อชาติได้เสมอไป" นักวิจัยยังพบว่า ใบหน้าในชุดข้อมูลที่วิเคราะห์นั้นเป็นจุดที่เป็นความเห็นแย้งกันทางเชื้อชาติ ในหมู่ผู้มีหน้าที่ให้คำนิยามและเตือนว่าอคติการติดป้ายกำกับใบหน้าเหล่านี้ อาจถูกนำไปใช้ซ้ำและขยายขอบเขตออกไปได้เรื่อย ๆ หากไม่ได้รับการแก้ไข
อ่านข่าวเต็มได้ที่: VentureBeat
Photo by Alex Kondratiev on Unsplash |
นักเคมีและนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ Princeton University ร่วมมือกันพัฒนาซอฟต์แวร์แมชชีนเลิร์นนิงแบบโอเพนซอร์สที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อปรับปฏิกิริยาสังเคราะห์ทางเคมีให้เหมาะสมที่สุด ซอฟต์แวร์ปรับใช้หลักการสำคัญของการปรับให้เหมาะสมที่สุดแบบเบย์ (Bayes optimization) เพื่อให้สามารถสังเคราะห์สารเคมีได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น Benjamin Shields ผู้เขียนหลักของงานวิจัย และเป็นผู้สร้างแพคเกจ Python กล่าวว่า "ในการออกแบบซอฟต์แวร์ ได้พยายามรวมวิธีต่างๆเพื่อให้ผู้คนสามารถนำสิ่งสิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับปฏิกิริยาใส่เข้าไปในโปแกรมให้ได้ และไม่ว่าคุณจะใช้วิธีนี้หรือการเรียนรู้ของเครื่องโดยทั่วไปก็ตาม มันจะมีกรณีที่ความเชี่ยวชาญของมนุษย์มีคุณค่าเสมอ"
อ่านข่าวเต็มได้ที่: Princeton University
ภาพจาก ACM |
นักวิจัยจาก University College of London (UCL) ของสหราชอาณาจักรและมหาวิทยาลัย Bar-Ilan ของอิสราเอลพบว่าการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ป่วย Covid-19 สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าโดยเฉลี่ย 17 วันโดยใช้ข้อมูลการค้นหาออนไลน์ นักวิจัยได้พัฒนาแบบจำลองการวิเคราะห์ที่เปรียบเทียบการค้นหาของ Google ที่เกี่ยวข้องกับอาการ Covid-19 กับการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ติดเชื้อ Covid-19 ข้อมูลของอาการที่ถูกระบุโดย National Health Service and Public Health England ของสหราชอาณาจักรจะถูกใช้โดยตัวแบบ และให้น้ำหนักตามความถี่ที่เกิดขึ้นในผู้ป่วย Covid-19 ที่ได้รับการยืนยัน Vasileios Lampos จาก UCL กล่าวว่า "เราได้แสดงให้เห็นว่าแนวทางของเราใช้ได้ผลกับประเทศอื่น ๆ ด้วย โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมเศรษฐกิจสังคมและสภาพภูมิอากาศ การวิเคราะห์ของเรายังเป็นหนึ่งในกลุ่มแรก ๆ ที่พบความสัมพันธ์ระหว่างอุบัติการณ์โควิด -19 และการค้นหาเกี่ยวกับอาการของการไม่ได้กลิ่นและมีผื่นขึ้นที่ผิวหนัง".
อ่านข่าวเต็มได้ที่: The Jerusalem Post
COURTESY OF PANASONIC |
โรงพยาบาล Changi General เจเนอรัลของสิงคโปร์กำลังใช้ซอฟต์แวร์จาก Open Robotics เพื่อช่วยไม่ให้หุ่นยนต์ขวางทางกันในโถงทางเดินหรือนอกลิฟต์ หุ่นยนต์ประมาณ 50 ตัวของโรงพยาบาลมาจากผู้ผลิต 8 รายและซอฟต์แวร์ดังกล่าวช่วยให้หุ่นยนต์จากผู้ผลิตหลายรายสามารถสื่อสาร และจัดเส้นทางการเดินที่จะไม่ขัดขวางหรือชนกัน Open Robotics เป็นผู้ดูแลซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส Robot Operating System (ROS) แต่ซอฟต์แวร์ที่ใช้โดย Changi ยังช่วยให้หุ่นยนต์ที่ไม่ใช้ ROS สามารถสื่อสารกันได้ บริษัทหวังว่าจะมีการนำซอฟต์แวร์ฟรีที่แก้ไขได้ง่ายมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น เพื่อให้หุ่นยนต์ในที่ทำงานสามารถทำงานร่วมกันได้โดยสะดวก Rian Whitton จาก ABI Research กล่าวว่าต้องของคุณ ROS ที่ทำให้บริษัทต่าง ๆ สามารถพัฒนาหุ่นยนต์ที่เคลื่อนที่ได้ได้เร็วขึ้น และเราสามารถเร่งการทำงานร่วมกันให้เร็วขึ้นได้ผ่านแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์ส
อ่านข่าวเต็มได้ที่: Wired
ตัวอย่าง deepfake ซ้ายภาพจริง Amy Adams จากหนัง Man of Steel ภาพขวาเอาหน้า Niolas Cage มาใส่ ภาพจาก Wikipedia |
นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานดิเอโก (UCSD) แสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกว่ามีวิธีที่เอาชนะโปรแกรมให้ตรวจจับวิดีโอปลอม (deepfake) ได้ จากการนำเสนอในงาน Winter Conference on Applications of Computer Vision 2021 เมื่อเดือนมกราคม นักวิจัยอธิบายว่าพวกเขาแทรกตัวอย่างที่เป็นปฏิปักษ์ (adversarial) ลงในทุกเฟรมของวีดีโอ เหนี่ยวนำให้เกิดข้อผิดพลาดในระบบปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) หรือ AI วิธีนี้ยังใช้งานได้แม้ว่าวีดีโอจะถูกบีบอัดไปแล้ว เนื่องจากอัลกอริธึมที่ใช้สู้กับตัวตรวจจับนี้จะประเมินว่าตัวแบบการจับวีดีโอว่าจริงหรือปลอมทำงานอย่างไร จากนั้นใช้สิ่งที่คำนวณได้นี้เพื่อปรับเปลี่ยนรูปภาพ เพื่อให้รูปภาพปฏิปักษ์ยังคงมีประสิทธิภาพหลังจากการบีบอัดและการคลายการบีบอัด นักวิจัยของ USCD กล่าวว่า "เราแสดงให้เห็นว่าวิธีการที่ทันสมัยในปัจจุบันสำหรับการตรวจจับวีดีโอปลอมสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย หากคนที่ต้องการจู่โจมรู้รายละเอียดทั้งหมดหรือแม้กระทั่งบางส่วนว่าตัวตรวจจับทำงานยังไง"
อ่านข่าวเต็มได้ที่: UC San Diego Jacobs School of Engineering
image: Getty Images/iStockphoto |
บริษัทซอฟต์แวร์ของสวิสคือ Tiobe พบว่าภาษา C เป็นภาษาการเขียนโปรแกรมอันดับต้น ๆ ในปัจจุบันคิดเป็น 16.34% ของการค้นหาทั้งหมด จากการติดตามเครื่องมือค้นหาต่าง ๆ หลายตัว เอาชนะ Java, Python, C ++ และ C # ของ Microsoft แม้ว่าวิศวกรของ Amazon, Microsoft และ Google จะมุ่งเน้นไปที่ Rust ของ Mozilla ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับหน่วยความจำที่เกิดจาการเขียนโค้ดของภาษา C และ C ++ แต่ Paul Jansen จาก Tiobe กล่าวว่าภาษา C ค่อนข้างเสถียรเมื่อเทียบกับภาษาอื่น ๆ Jansen กล่าวว่าภาษาการเขียนโปรแกรมแปดอันดับแรกในดัชนี TIOBE ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมาโดยเสริมว่าทั้งหมดยกเว้น C ออกเวอร์ชันใหม่ค่อนข้างบ่อย
อ่านข่าวเต็มได้ที่: ZDNet
ภาพจาก CNN |
บริษัทรับเหมาก่อสร้าง SQ4D ได้โฆษณาสิ่งที่เรียกว่าบ้านที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์สามมิติแห่งแรกของสหรัฐอเมริกา ใน Riverhead, NY ผ่านทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ที่ชื่อว่า Zillow บริษัท SQ4D สามารถติดตั้งระบบหุ่นยนต์ก่อสร้างอัตโนมัติ (Autonomous Robotic Construction System) ในสถานที่ก่อสร้างภายในเวลาไม่เกินแปดชั่วโมง บ้านพิมพ์ 3 มิติมีพื้นที่ใช้สอย 1,407 ตารางฟุตมีห้องนอน 3 ห้องห้องน้ำ 2 ห้องและโรงจอดรถแบบ 2.5 (2.5-car garage) Stephen King จาก Zillow กล่าวว่า "ต้นทุนการก่อสร้างถูกกว่าบ้านที่สร้างขึ้นใหม่ใน Riverhead, NY ถึง 50% และเร็วกว่า 10 เท่า"
อ่านข่าวเต็มได้ที่: CNN
ภาพจาก Australian National University |
ซอฟต์แวร์ Drishti ใหม่ที่พัฒนาโดยนักวิจัยจาก Australian National University (ANU) ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เห็นภาพข้อมูลในแบบสามมิติแ ละสร้างตัวแบบที่เหมือนจริงของวัตถุเช่น ตัวอย่างฟอสซิลเพื่อให้สามารถ "ซูมเข้า" ไปเห็นรายละเอียดที่เล็ก ๆ ได้โดยไม่ทำให้ตัวอย่างต้นฉบับเสียหาย Yuzhi Hu จาก ANU กล่าวว่า "หลังจากที่เราสแกนตัวอย่าง เราจะมีชุดข้อมูล 3 มิติซึ่งสามารถนำมาจำแนกข้อมูลแบบดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้เครื่องมือใหม่ของเรา" ทีมงาน ANU กล่าวว่าซอฟต์แวร์นี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการสื่อสารทางวิทยาศาสตร์และการศึกษา Ajay Limaye จาก ANU กล่าวว่าแอปพลิเคชันปัจจุบันของ Drishti นั้นรวมถึงการทำสำเนาตัวอย่างมัมมี่แบบดิจิทัล โปรแกรม Drishti นั้นฟรี และให้เข้าใช้ได้ผ่านทางออนไลน์
อ่านข่าวเต็มได้ที่: Australian National University
เพิ่มเติมเสริมข่าว:
สามารถหาช้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม Drishti ได้ที่นี่ครับ
ภาพจาก Reuters |
Amazon ยักษ์ใหญ่ด้านการค้าปลีกออนไลน์กำลังติดตั้งกล้องวิดีโอที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) หรือ AI สำหรับกองทัพขนส่งของตัวเอง เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของผู้ขับขี่และชุมชน กล้องจากบริษัทเทคโนโลยีการขนส่ง Netradyne ใช้ AI เพื่อแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ให้กับผู้ขับขี่เกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ เช่นความเร็วสูงไป และไม่มีสมาธิในการขับขี่ ในวิดีโอการเรียนการสอน Karolina Haraldsdottir ของ Amazon กล่าวว่ากล้องวีดีโอแสดงให้เห็นว่าสามารถลดการชนกัน และปรับปรุงพฤติกรรมของคนขับได้ กล้องจะอัดวีดีโอไปเรื่อย ๆ แต่จะอัพโหลดวีดีโอเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างการเบรคอย่างรุนแรง หรือคนขับแสดงอาการง่วงอย่างหนัก Haraldsdottir กล่าวว่า“ ความตั้งใจของเราในการใช้เทคโนโลยีนี้คือการสร้างผู้ขับขี่ให้ประสบความสำเร็จ และให้การสนับสนุนแก่พวกเขาเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน และการจัดการเหตุการณ์ต่าง ๆ ถ้าและเมื่อมันเกิดขึ้น
อ่านข่่าวเต็มได้ที่: Reuters
ภาพจาก ACM |
รัฐบาลของเดนมาร์กกำลังร่วมมือกับภาคธุรกิจ เพื่อสร้างหนังสือเดินทางดิจิทัลที่จะระบุว่าบุคคลนั้นได้รับวัคซีนโคโรนาแล้วหรือไม่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง และบรรเทาข้อจำกัดเกี่ยวกับการแพร่ระบาด Morten Boedskov รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคาดว่าหนังสือเดินทางโคโรนาดิจิทัลจะพร้อมใช้งานในสามถึงสี่เดือน Boedskov กล่าวว่า "มันจะเป็นหนังสือเดินทางพิเศษที่คุณสามารถใส่ไว้ในโทรศัพท์มือถือของคุณ โดยมีเอกสารว่าคุณได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว เราเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ของโลกที่มีเอกสารนี้ และนำไปแสดงให้คนในโลกได้เห็น ตอนนี้ก็มีหนังสือเดินทางดิจิทัลอย่างน้อยหนึ่งรายการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อทำให้ผู้เดินทางสามารถแสดงว่าได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของการทดสอบ Covid-19 และยังสามารถติดตามการฉีดวัคซีนได้อีกด้วย
อ่านข่าวเต็มได้ที่: Associated Press
An F-35 Lightning II fighter jet. Source: U.S. Air Force |
เพนตากอนกำลังปรึกษากับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาเพื่อประเมินซอฟต์แวร์ของเครื่องบินขับไล่ F-35 ของ บริษัทการบินและอวกาศ Lockheed Martin โดยหวังว่าจะช่วยแก้ไขระบบที่มีบั๊กได้ Laura Seal จากโปรแกรม F-35 กล่าวว่าผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์จาก Applied Physics Laboratory ของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ร่วมด้วย Software Engineering Institute ของมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon และ Georgia Institute of Technology Research Institute กำลังทำการประเมินทางเทคนิคอย่างอิสระต่อกัน โปรแกรม F-35 มูลค่า 398 พันล้านดอลลาร์เกี่ยวข้องกับเครื่องบินขับไล่ของ Lockheed ที่มีโค้ดโปรแกมกว่า 8 ล้านบรรทัด Seal กล่าวว่าทางโครงการจะวิเคราะห์การประเมินเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ "ข้อมูลที่หลากหลาย" จากนั้นจะประกาศวันที่สำหรับหมุดหมายสำคัญของโปรแกรม รวมถึงการทดสอบการรบจำลองเพื่อประเมินประสิทธิภาพของ F-35 เทียบกับเครื่องบินและอากาศยานรุ่นล่าสุดของรัสเซียและจีน
อ่านข่าวเต็มได้ที่: Bloomberg
เพิ่มเติมเสริมข่าว:
เอาข่าวนี้มาเล่าเพื่อให้เห็นว่าทางต่างประเทศเขาขอความช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัยทางด้านซอฟต์แวร์อย่างไรบ้าง มหาวิทยาลัยบ้านเราน่าจะจัดบริการทางด้านทดสอบระบบแบบนี้ เพราะตอนนี้โปรแกรมมีความซับซ้อนและเกี่ยวพันกับชีวิตของเรามากขึ้น
Photo: Gao Han/VCG/Getty Images |
นักวิจัยจาก บริษัท เทคโนโลยี Synergies Intelligent Systems และ Universität Hamburg ของเยอรมนีได้พัฒนาอัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องที่สามารถระบุได้ว่าใครบ้างในฝูงชนที่มีแนวโน้มที่จะเป็นพาหะของ Covid-19 แบบไม่แสดงอาการ อัลกอริธึมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการอนุมานของความน่าจะเป็นของแต่ละบุคคล (continuous learning and inference of individual probability) หรือ CLIIP ซึ่งใช้การเคลื่อนที่ของผู้คนในเมืองจากการใช้การติดตามตำแหน่งบนโลก (global positioning system) หรือ GPS และข้อมูลของผู้ป่วยที่ทราบว่าติดเชื้อเป็นฐานในการระบุ ความแม่นยำของ CLIIP ขึ้นอยู่กับการที่คนต้องใช้แอปพลิเคชันสมาร์ทโฟนที่ใช้ GPS ซึ่งเปิดการติดตามตำแหน่งของพวกเขาให้อยู่ในระยะไม่เกินหนึ่งเมตร (3.2 ฟุต) และบันทึกผลการทดสอบไวรัสที่เป็นบวก (คือติดไวรัส) Michael Chang ของ Synergies กล่าวว่า "ด้วยเทคโนโลยีประเภทนี้เราสามารถกักกันคนจำนวนน้อยมาก - เพียง 3% ถึง 5% และลดผลกระทบของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
อ่านข่าวเต็มได้ที่: IEEE Spectrum
Photo by Elena Mozhvilo on Unsplash |
นักวิจัยจาก University of Warwick ของสหราชอาณาจักร University of Ottawa ของแคนาดาและ Paris School of Economics และ Aix-Marseille ๊ืรอำพหระั ของฝรั่งเศสพบว่าข้อมูล Google Trends จาก 10 ประเทศทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริการะหว่างเดือนมกราคม 2019 ถึงเมษายน 2020 แสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อสุขภาพจิต จากการสั่งล็อกดาวน์อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาด นักวิจัยสังเกตเห็นจำนวนผู้คนที่ค้นหา ใน Google โดยใช้คำที่เกี่ยวข้องกับความเบื่อ ความเหงา และความกังวล เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเริ่มต้นของการล็อกดาวน์ครั้งแรก Nick Powdthavee จาก University of Warwick กล่าวว่า "ผลการค้นพบของเราบ่งชี้ว่าสุขภาพจิตของผู้คนอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดและการล็อกดาวน์" และยังกล่าวเสริมว่า “ อาจมีความจำเป็นที่ต้องทำให้เแน่ใจว่ามีการสนับสนุนที่จัดเตรียมไว้เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องดิ้นรนมากที่สุดจากการล็อกดาวน์”
อ่านข่าวเต็มได้ที่: University of Warwick (U.K.)
Photo by Jisun Han on Unsplash |
สิงคโปร์ได้เปิดตัวบริการรถโดยสารอัตโนมัติเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก ซึ่งจะวิ่งในเส้นทางสองสายคือ Singapore Science Park 2 และ Jurong Island โดยเป็นโครงการนำร่องระยะเวลา 3 เดือนเพื่อประเมินความเป็นไปได้ของบริการตามความต้องการ (on-demand service) รวมถึงความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพและ ผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Alliance for Action (AfA) on Robotics ในขณะที่รถโดยสารถูกสร้างขึ้นโดย บริษัทวิศวกรรม ST Engineering; ผู้ให้บริการแผนที่ GPS Lands ให้อัลกอริทึมการทำแผนที่สำหรับการนำทาง AfA กล่าวว่า "เพื่อให้ได้รับข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมที่จะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาบริการการขนส่งในเมืองในอนาคต เส้นทางทั้งสองมีความแตกต่างกันในสภาพทางกายภาพ ผู้โดยสาร ประเภทการบริการและยานพาหนะ ตลอดจนแนวคิดการดำเนินงาน" ตัวอย่างเช่น ตัวอย่างเช่นข้อมูลเชิงลึกจากสาย Science Park 2 จะช่วยระบุได้ว่าบริการรถบัสแบบออนดีมานด์สามารถตอบสนองความต้องการด้านการขนส่งของผู้ที่เรียกใช้ในพื้นที่ช่วงนอกเวลาเร่งด่วนได้ดีกว่าหรือไม่เมื่อระบบขนส่งสาธารณะให้บริการด้วยความถี่ที่ต่ำลง ส่วนเส้นทาง Jurong Island จะจอด 10 สถานี และวิ่งตามกำหนดเวลาตั้งแต่เวลา 11.30 น. ถึง 14.30 น. ในวันธรรมดา เพื่อรองรับการเดินทางในช่วงเที่ยงวัน
อ่านข่าวเต็มได้ที่: ZDNet
Shutter, a robot photographer designed by Yale’s Marynel Vazquez and her team. |
Marynel Vazquez จาก Yale University และเพื่อนร่วมงานได้สร้างช่างภาพหุ่นยนต์ชื่อ Shutter ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้มนุษย์สบายใจ Vazquez กล่าวว่า "เรากำลังดูว่าช่างภาพหุ่นยนต์สามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อให้ได้รับปฏิกิริยาเชิงบวกจากผู้คนมากขึ้นตอนนี้เรามีตัวแทนทางสังคมที่สามารถดึงดูดผู้คนและเปลี่ยนแปลงสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่เราสามารถถามว่า 'มีโอกาสอะไรบ้าง ที่เปิดกว้างสำหรับการถ่ายภาพ? '"ทีมงานมุ่งเน้นไปที่การสร้าง Shutter ให้มีอารมณ์ขันเพื่อให้ยิ้มและถ่ายภาพได้ดีขึ้น Tim Adamson จาก Yale ตั้งโปรแกรมให้ Shutter แสดงอารมณ์ขันที่หลากหลายเช่น GIF ของสุนัขที่ยื่นหัวออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยความเร็วสูงตัวอย่างเสียงของเด็ก ๆ ที่กำลังหัวเราะ และมีม (meme) ชายคนหนึ่งที่ทำหน้าตาตลก ๆ อยู่หน้ากล้อง พร้อมโควตขำ ๆ
อ่านข่าวเต็มได้ที่: YaleNews
Image Credit: Yogesh Simmhan/IIos |
แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ Anveshak (ภาษาฮินดีที่หมายความว่า "ผู้ตรวจสอบ (investigator)") ที่พัฒนาโดยนักวิจัยด้าน computer vision จาก Indian Institute of Science (IISc) ได้รับการออกแบบมาเพื่อติดตามวัตถุที่เคลื่อนที่ผ่านเมืองโดยไม่ขึ้นกับข้อจำกัดด้านทรัพยากรคอมพิวเตอร์ของเมืองนั้น Anveshak สามารถระบุตำแหน่งและจุดซ้อนทับของฟีดกล้อง 1,000 ตัวรอบเมืองรวมทั้งเส้นทางที่เป็นไปได้ที่วัตถุหรือบุคคลสามารถติดตามผ่านฟีดเหล่านั้นได้ แพลตฟอร์มนี้สร้าง "สปอตไลท์" บนวัตถุที่ถูกติดตาม ปรับขนาดของมันแบบไดนามิกตามระยะห่างช่องว่างของระยะครอบคลุมของกล้อง และสามารถลดคุณภาพวิดีโอโดยอัตโนมัติเพื่อลดแบนด์วิดท์แทนที่จะหยุดการติดตาม งานวิจัยนี้มีประโยชน์หลัก ๆ อยู่สองด้าน ด้านแรกที่เห็นได้ชัดคือความปลอดภัยสาธารณะ เช่นการต่อต้านอาชญากรรม และการหาเส้นทางให้รถพยาบาลโดยอัตโนมัติ ในด้านที่สองเป็นเรื่องของการเพิ่มศักยภาพขององค์กรในอนาคต ในด้านการผลิต การค้าปลีกจำนวนมาก และระบบ computer vision ขนาดใหญ่สำหรับองค์กร ในปัจจุบันระบบนี้ยังติดตามวัตถุได้ครั้งละหนึ่งตัวเท่านั้น แต่นักวิจัยกำลังพัฒนาให้สามารถติดตามวัตถุได้หลายตัวในเวลาเดียวกัน
อ่านข่าวเต็มได้ที่: VentureBeat
[Photo: Benedikt Geyer /Unsplash; Michael Daniels/Unsplash] |
องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน Amnesty International วางแผนที่จะสร้างแผนที่ประชาชนเพื่อระบุกล้องวงจรปิดทุกตัวที่เปิดใช้งานการรู้จำใบหน้าใน New York City ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปอาสาสมัครจะสามารถใช้แอปบนสมาร์ทโฟนเพื่อระบุกล้องสอดแนมที่พวกเขาเห็น แอพนี้ใช้ Google Street View และ Google Earth ร่วมกัน เพื่อช่วยแท็กและแนบข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของกล้องเหล่านั้น แผนที่ดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ "Ban the Scan (ต่อต้านการสแกน)" ของแอมเนสตี้ ซึ่งออกแบบมาเพื่อเผยแพร่การตระหนักรู้ไปทั่วโลกเกี่ยวกับอันตรายจากการจดจำใบหน้าต่อสิทธิพลเมือง องค์กรยังหวังว่าจะเปิดตัวโครงการแผนนที่ที่สร้างจากประชาชนนี้ในเมืองอย่าง New Delhi, West Bank, และ Ulaanbaatar ของ Mongolia ในเดือนต่อ ๆ ไป
อ่านข่าวเต็มได้ที่: Fast Company