เมื่อหลายวันก่อนผมได้นั่งรถที่ลูกชายคนโตขับ โดยมีลูกชายคนเล็กนั่งอยู่ข้างหน้า นาน ๆ จะได้เป็นคนนั่งสักที ลูกสองคนซึ่งเรียนอยู่ในสาขาเดียวกัน คนโตกำลังจะจบแล้วปีนี้ เรียกว่าจบแล้วก็คงได้ เพราะเรียนและสอบไปหมดแล้ว และกำลังจะเริ่มงานแล้ว ส่วนคนเล็กอยู่ปี 2 สองคนพี่น้องก็คุยกันในเรื่องการงาน และวิชาการของสาขาเขา ซึ่งผมก็ฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่สิ่งที่อดคิดไม่ได้ก็คือ เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน ผมยังเห็นภาพที่ตัวเองนั่งขับรถอยู่ข้างหน้า ลูกเล็ก ๆ สองคนนั่งอยู่ข้างหลัง คุยกัน เล่นเกมกัน กินขนมกัน และผมก็ชอบฟังเขาคุยกันเหมือนตอนนี้แหละ และก็มีหลายครั้งที่เขาพูดถึงเรื่องเกม ซึ่งบางครั้งผมก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันว่าเขาพูดถึงอะไรกัน
เวลาผ่านไปเร็วมากจริง ๆ นะครับ จากคนขับ เปลี่ยนเป็นคนได้มานั่งข้างหลัง แต่สิ่งที่เหมือนเดิมคือ มันก็ยังมีเรื่องที่ผมฟังเขาคุยกันไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม :)
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ศรัณย์วันศุกร์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ศรัณย์วันศุกร์ แสดงบทความทั้งหมด
วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2563
วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563
มาใช้ Google Account กับโทรศัพท์แอนดรอยด์กันเถอะ
ปัจจุบันนี้พวกเราส่วนใหญ่ก็คงใช้สมาร์ตโฟนกันนะครับ ซึ่งสมาร์ตโฟนก็มีอยู่หลัก ๆ สองค่าย คือของฝั่ง Apple ซึ่งก็คือ iPhone และของฝั่งแอนดรอยด์ซึ่งมีหลากหลายยี่ห้อ โดยคนที่ใช้ iPhone ก็ควรจะต้องมี Apple ID ส่วนคนที่ใช้แอนดรอยด์ก็ควรมี Google Account แต่เชื่อไหมครับ ปัจจุบันคนที่ใช้มือถือหลายคนกลับละเลย และไม่ให้ความสำคัญกับการที่ต้องผูกข้อมูลเหล่านี้ไว้กับโทรศัพท์ตัวเอง ทั้ง ๆ ที่มีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นการแบ็คอัพข้อมูล การติดตามโทรศัพท์ถ้าโทรศัพท์หาย และการกู้คืนโทรศัพท์
เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน (เรื่องนี้ว่าจะเขียนนานแล้ว แต่มีเรื่องอื่นแทรกเข้ามาก่อน) ผมได้เจอประสบการณ์ที่ต้องกู้คืนโทรศัพท์ที่เจ้าของลืมรหัสเข้าเครื่อง จริง ๆ ไม่เชิงลืมครับคืออย่างนี้ เรื่องของเรื่องคือน้องสาวผมได้เปลี่ยนโทรศัพท์ซึ่งใช้มานานมากน่าจะเกิน 7 ปี และที่ต้องเปลี่ยนเพราะถ้าไม่เปลี่ยนต่อไปก็จะใช้แอปพวกธนาคารต่าง ๆ ไม่ได้แล้ว น้องก็เอาโทรศัพท์เก่าและใหม่ มาเพื่อให้ช่วยเซ็ตให้ เท่าที่เห็นคือโทรศัพท์เก่าที่น้องใช้ไม่ได้ตั้งรหัสเข้าเครื่อง เครื่องใหม่ก็ไม่ได้ตั้ง และยังไม่ได้ล็อกอิน Google Account ก็เลยแนะนำให้ล็อกอินก่อน แล้วน่าจะตั้งพินเข้าเครื่องด้วย น้องก็ทำท่าอิดออดไม่อยากล็อกอิน Google Account บอกเครื่องเก่าก็ไม่ได้ล็อก ก็เลยบอกว่าถ้าไม่ได้ล็อกแล้วโหลดแอปยังไง น่าจะล็อกมั้ง ก็เลยยอม ซึ่งก็นั่งคิดรหัสผ่านอยู่ตั้งนาน แสดงว่าไม่ค่อยได้ใช้ Google Accont เพื่อเรื่องอื่นจริง ๆ ถึงตอนให้ตั้งพินก็ยังไม่อยาก แต่ก็ยอมทำ เอาละครับเรื่องมันเริ่มตรงนี้แหละครับ เวลาตั้งพินมันจะให้ใส่สองครั้งเหมือนกันใช่ไหมครับ ซึ่งน้องผมก็ทำผ่านเรียบร้อย แต่เชื่อไหมครับ พินที่น้องผมตั้งไป มันไม่ใช่ตัวที่เขาตั้งใจ เขากดผิดไปบางตัว แล้วกดผิดเหมือนกันสองครั้ง เหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดมันเกิดขึ้นแล้วครับ ซึ่งแน่นอนการตั้งพินก็ผ่านไปเรียบร้อย
แล้วเรื่องมันก็เกิด พอไม่ใช้เครื่องหน้าจอมันก็ล็อก พอจะปลดล็อกมันก็ให้ใส่พิน และแน่นอนครับมันเข้าไม่ได้ น้องก็พยายามเดาว่าผิดตรงตำแหน่งไหน แต่เดายังไงก็ไม่ถูก ซึ่งยิ่งเดาผิดมากครั้ง มันก็เพิ่มเวลาให้รอมากขึ้น ดังนั้นผมก็คิดว่าเดาไปคงใช้เวลาอีกเท่าไรก็ไม่รู้ ผมก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แต่ก็คิดถึงการ Factory Reset เครื่อง ก็เลยจะลองทำดู ซึ่งสมัยก่อนก็ทำบ่อยเวลาจะลง ROM เครื่องเอง เดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำแล้ว เพราะไม่รู้จะทำไปทำไม แต่ประเด็นคือเท่าที่เคยทำมาเราจะต้องปิดเครื่องให้ได้ก่อน แล้วค่อยกดปุ่มพิเศษเพื่อเข้าเมนูพิเศษของเครื่อง แต่ตอนนี้มันก็ไม่ยอมให้ปิดเครื่องครับ พอจะปิดเครื่องมันก็ยังให้ใส่พินให้ถูก ซึ่งจริง ๆ คุณสมบัตินี้มันเป็นคุณสมบัติที่ดีมากเลยนะครับ ถ้าโทรศัพท์เราหาย แต่พอมาเจอกับตัวเองเข้าก็หงุดหงิดครับ แต่สุดท้าย Google ก็ช่วยชีวิตครับ มีวิธีที่ทำให้เราเข้าเมนูพิเศษได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง ดังนั้นผมก็ทำไป แล้วก็ทำ Factory Reset
ถึงตอนนี้คิดว่าเอาชนะได้แล้ว ความคิดเริ่มย้อนแย้ง ประมาณว่าสุดท้ายก็ไม่แน่จริงนี่หว่า ยังไงถ้าใครโขมยเครื่องไปเขาก็เอาไปใช้ได้อยู่ดี แต่ผมคิดผิดครับ มันยังไม่จบ เพราะหลังจาก Factory Reset เสร็จมันก็ยังถามพินเข้าเครื่องอยู่ดี แต่มันมีทางเลือกให้เราล็อกอิน Google Account ด้วย มันบอกประมาณว่าดูเหมือนว่ามีใช้พินหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ น่าจะลืมพิน ถ้าลืมพินก็ให้ใช้ Google Account ที่ล็อกอินมาก่อนหน้าที่จะ reset เครื่องนะ โอ้วประทับใจมากครับ และก็รู้สึกดีใจที่บอกให้น้องล็อกอิน Google Account ไว้ก่อน และแสดงให้เห็นว่าทำไมเราต้องผูก Gogole Account ของเรากับโทรศัพท์แอนดรอยด์
ซึ่งจากประสบการณ์นี้บอกตามตรงว่าค่อนข้างประทับใจกับระบบความปลอดภัย อย่างนี้ถ้าเราตั้งพินเอาไว้ดี ๆ คนที่เก็บเครื่องเราได้หรือโขมยไปจะเอาเครื่องไปใช้ ก็จะยุ่งยากมาก แต่คิดอีกที ถ้ามีทางเลือกแบบให้ล็อกอิน Google Account ได้ ทำไมไม่ทำให้ออกมาถามตอนเขาป้อนพินผิดหลาย ๆ ครั้งนะ ทำไมต้องให้เขาไป Factory Reset ก่อนด้วย...
เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน (เรื่องนี้ว่าจะเขียนนานแล้ว แต่มีเรื่องอื่นแทรกเข้ามาก่อน) ผมได้เจอประสบการณ์ที่ต้องกู้คืนโทรศัพท์ที่เจ้าของลืมรหัสเข้าเครื่อง จริง ๆ ไม่เชิงลืมครับคืออย่างนี้ เรื่องของเรื่องคือน้องสาวผมได้เปลี่ยนโทรศัพท์ซึ่งใช้มานานมากน่าจะเกิน 7 ปี และที่ต้องเปลี่ยนเพราะถ้าไม่เปลี่ยนต่อไปก็จะใช้แอปพวกธนาคารต่าง ๆ ไม่ได้แล้ว น้องก็เอาโทรศัพท์เก่าและใหม่ มาเพื่อให้ช่วยเซ็ตให้ เท่าที่เห็นคือโทรศัพท์เก่าที่น้องใช้ไม่ได้ตั้งรหัสเข้าเครื่อง เครื่องใหม่ก็ไม่ได้ตั้ง และยังไม่ได้ล็อกอิน Google Account ก็เลยแนะนำให้ล็อกอินก่อน แล้วน่าจะตั้งพินเข้าเครื่องด้วย น้องก็ทำท่าอิดออดไม่อยากล็อกอิน Google Account บอกเครื่องเก่าก็ไม่ได้ล็อก ก็เลยบอกว่าถ้าไม่ได้ล็อกแล้วโหลดแอปยังไง น่าจะล็อกมั้ง ก็เลยยอม ซึ่งก็นั่งคิดรหัสผ่านอยู่ตั้งนาน แสดงว่าไม่ค่อยได้ใช้ Google Accont เพื่อเรื่องอื่นจริง ๆ ถึงตอนให้ตั้งพินก็ยังไม่อยาก แต่ก็ยอมทำ เอาละครับเรื่องมันเริ่มตรงนี้แหละครับ เวลาตั้งพินมันจะให้ใส่สองครั้งเหมือนกันใช่ไหมครับ ซึ่งน้องผมก็ทำผ่านเรียบร้อย แต่เชื่อไหมครับ พินที่น้องผมตั้งไป มันไม่ใช่ตัวที่เขาตั้งใจ เขากดผิดไปบางตัว แล้วกดผิดเหมือนกันสองครั้ง เหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดมันเกิดขึ้นแล้วครับ ซึ่งแน่นอนการตั้งพินก็ผ่านไปเรียบร้อย
แล้วเรื่องมันก็เกิด พอไม่ใช้เครื่องหน้าจอมันก็ล็อก พอจะปลดล็อกมันก็ให้ใส่พิน และแน่นอนครับมันเข้าไม่ได้ น้องก็พยายามเดาว่าผิดตรงตำแหน่งไหน แต่เดายังไงก็ไม่ถูก ซึ่งยิ่งเดาผิดมากครั้ง มันก็เพิ่มเวลาให้รอมากขึ้น ดังนั้นผมก็คิดว่าเดาไปคงใช้เวลาอีกเท่าไรก็ไม่รู้ ผมก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แต่ก็คิดถึงการ Factory Reset เครื่อง ก็เลยจะลองทำดู ซึ่งสมัยก่อนก็ทำบ่อยเวลาจะลง ROM เครื่องเอง เดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำแล้ว เพราะไม่รู้จะทำไปทำไม แต่ประเด็นคือเท่าที่เคยทำมาเราจะต้องปิดเครื่องให้ได้ก่อน แล้วค่อยกดปุ่มพิเศษเพื่อเข้าเมนูพิเศษของเครื่อง แต่ตอนนี้มันก็ไม่ยอมให้ปิดเครื่องครับ พอจะปิดเครื่องมันก็ยังให้ใส่พินให้ถูก ซึ่งจริง ๆ คุณสมบัตินี้มันเป็นคุณสมบัติที่ดีมากเลยนะครับ ถ้าโทรศัพท์เราหาย แต่พอมาเจอกับตัวเองเข้าก็หงุดหงิดครับ แต่สุดท้าย Google ก็ช่วยชีวิตครับ มีวิธีที่ทำให้เราเข้าเมนูพิเศษได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง ดังนั้นผมก็ทำไป แล้วก็ทำ Factory Reset
ถึงตอนนี้คิดว่าเอาชนะได้แล้ว ความคิดเริ่มย้อนแย้ง ประมาณว่าสุดท้ายก็ไม่แน่จริงนี่หว่า ยังไงถ้าใครโขมยเครื่องไปเขาก็เอาไปใช้ได้อยู่ดี แต่ผมคิดผิดครับ มันยังไม่จบ เพราะหลังจาก Factory Reset เสร็จมันก็ยังถามพินเข้าเครื่องอยู่ดี แต่มันมีทางเลือกให้เราล็อกอิน Google Account ด้วย มันบอกประมาณว่าดูเหมือนว่ามีใช้พินหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ น่าจะลืมพิน ถ้าลืมพินก็ให้ใช้ Google Account ที่ล็อกอินมาก่อนหน้าที่จะ reset เครื่องนะ โอ้วประทับใจมากครับ และก็รู้สึกดีใจที่บอกให้น้องล็อกอิน Google Account ไว้ก่อน และแสดงให้เห็นว่าทำไมเราต้องผูก Gogole Account ของเรากับโทรศัพท์แอนดรอยด์
ซึ่งจากประสบการณ์นี้บอกตามตรงว่าค่อนข้างประทับใจกับระบบความปลอดภัย อย่างนี้ถ้าเราตั้งพินเอาไว้ดี ๆ คนที่เก็บเครื่องเราได้หรือโขมยไปจะเอาเครื่องไปใช้ ก็จะยุ่งยากมาก แต่คิดอีกที ถ้ามีทางเลือกแบบให้ล็อกอิน Google Account ได้ ทำไมไม่ทำให้ออกมาถามตอนเขาป้อนพินผิดหลาย ๆ ครั้งนะ ทำไมต้องให้เขาไป Factory Reset ก่อนด้วย...
วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2563
อยากได้คำตอบกันไหมว่าเราจะต้องอยู่บ้านช่วยชาติกันไปนานแค่ไหนและรัฐบาลจะทำอะไร
ตอนนี้หลายคนอาจอยู่บ้านช่วยชาติ Work From Home กันมาหลายวันแล้วนะครับ ส่วนตัวผมนี่ก็สอนออนไลน์อยู่ที่บ้านมาสามสัปดาห์แล้ว ในส่วนตัวตอนนี้ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก เพราะส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบไปไหนต่อไหนอยู่แล้ว ปกติเลิกงานก็กลับบ้าน ที่เดือดร้อนที่สุดตอนนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องเปลืองไฟ เปลืองแอร์ที่บ้าน และกังวลว่าอุปกรณ์ที่ใช้อยู่มันจะเสียไหม เพราะหลายชิ้นก็ใช้งานมานานแล้ว ถ้ามันเสียก็จะทำให้ทำงานลำบากขึ้น ตอนนี้ก็คงจะออกไปซ่อมหรือหาซื้อได้ยาก เพราะร้านต่าง ๆ ก็ปิดกันหมด โดยเฉพาะร้านตามห้างต่าง ๆ ปกติผมจะไปหาซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตามห้าง และอีกอันก็คือรู้สึกว่าการสอนออนไลน์มันเตรียมเหนื่อยกว่าการสอนปกติ และบางทีมันสอนยากกว่า เพราะไม่ได้เห็นหน้านักศึกษา ข้อดีอย่างเดียวคือไม่ต้องเดินทาง อีกเรื่องนึงที่เดือดร้อนที่สุดก็เป็นเรื่องตัดผมครับ ก่อนที่มถานการณ์จะมาถึงขนาดนี้ ผมตั้งใจจะไปตัดผม แต่วันที่ไปดันมีคนรอตัดผมเต็มร้านไปหมด ผมก็เลยไม่รอ และหลังจากวันนั้นดันไม่ว่าง ก็เลยไม่ได้ตัดมาจนถึงตอนนี้ และคงไม่ได้ตัดไปอีกนานอย่างน้อยก็คงถึงสิ้นเดือนนี้
ในส่วนพวกเราที่ทำงานที่บ้านได้ ไม่ตกงาน บ้านมีเน็ตดี ๆ ดู Netflix ได้ ก็คงอยู่กันไปได้ สักพักหนึ่ง แต่ถ้ามันนานมาก ๆ ผมว่าพวกเราก็คงไม่ไหวเหมือนกันนะครับ ขนาดผมตอนนี้ยังรู้สึกเริ่มเบื่อ ๆ เลย และลองมาดูผลกระทบกับบุคคลที่ไม่สามารถทำแบบนี้ได้ บางคนต้องตกงาน ธุรกิจบางตัวถึงกับต้องปิดตัวไป ในส่วนนี้รัฐบาลได้คิดมาตรการรองรับไหม มาตรการ 5000 บาทนานสามเดือนมันเยียวยาได้พอไหม พอเปิดมาหลังจากนี้ถ้าเขาไม่มีงานทำ รัฐบาลจะช่วยเขายังไง คือที่เขียนมานี้ไม่ได้คิดแต่จะตำหนิรัฐบาล แต่อยากจะให้คิดว่ามันไม่ใช่ให้อยู่บ้านกันไปเรื่อย ๆ เพราะยิ่งต้องอยู่นาน การเยียวยาจากรัฐบาลมันจะทำได้ยากมากขึ้น และค่าใช้จ่ายมันจะยิ่งสูงมากขึ้น
คือผมเข้าใจว่ามันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก และไม่คาดคิด แต่การจะประกาศอะไรออกมา มันควรจะผ่านการกลั่นกรองวางแผนมาระดับหนึ่งไหมครับ อย่างทีมคุณหมอท่านเสนอแนะว่าควรให้อยู่บ้านกันมากที่สุด ท่านก็เสนอในมุมของคุณหมอ ท่านก็คิดในมุมลดการระบาด แต่มันก็ต้องมีคนคิดส่วนอื่นด้วย ในตอนแรกที่เสนอมาว่าถึง 12 เมษายน นี่ ใช้หลักคิดอะไร แล้วมีมาตรการจะจัดการยังไง แล้วทำไมพอประกาศมาแค่ไม่กี่วันก็มาขยายเป็น 30 เมษายน คือมันมีหลักการอะไรในการประเมิน ดังนั้นตอนนี้ก็คือเราจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อถึงวันที่ 30 เมษายน แล้วมันจะยังไงต่อไป เรามีอะไรเป็นเกณฑ์ประเมินความสำเร็จของมาตรการ ประชาชนจะได้รู้ว่ามันสำเร็จหรือไม่ และถ้ามันไม่สำเร็จ มันก็ต้องประเมินว่าทำไมมันไม่สำเร็จ เรามาผิดทาง ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือหรือเพราะอะไร ถ้ามาตรการไม่สำเร็จ เราปิดต่อไป แล้วจะทำยังไง ให้มันสำเร็จ
มีคนบอกว่าอย่าวิจารณ์อย่างเดียว ต้องเสนอด้วยสิ หรือเอาแต่วิจารณ์มาทำดูสิ ซึ่งจริง ๆ ผมบอกแล้วนะว่าการวิจารณ์มันไม่ใช่ว่าเราต้องทำได้ เพราะหลาย ๆ ครั้ง เราก็ไม่ได้มีเครื่องไม้เครื่องมือ หรือมีศักยภาพที่จะทำได้เหมือนคนที่มีอำนาจอยู่ แต่คราวนี้ผมอยากจะลองเสนอดูบ้าง คือผมว่ารัฐบาลน่าจะมีแผนไปเลยในช่วงนี้ว่าหยุดแล้วจะทำอะไร เช่นประกาศหยุดหนึ่งเดือนอย่างตอนนี้ ในช่วงสองสัปดาห์แรก อยู่บ้านกัน ช่วยลดการติดต่อ เพิ่มเรื่อง social distancing ในช่วงสองสัปดาห์นี้ รัฐบาลจะจัดหาชุดตรวจโควิดที่ให้ผลเร็ว ทำให้หน้ากากอนามัยหาซื้อได้ หรือจัดส่งให้ประชาชน (ซึ่งวันนี้ทีฟังเหมือนกับเขากำลัวจะทำหน้าการผ้ามาแจก) จัดทำเจลล้างมือ อะไรก็ว่าไป หลังจากนั้นอีกสองสัปดาห์ จะปูพรมลงตรวจประชาชน ซึ่งตรงนี้จะต้องขอเพิ่มมาตรการเช่นประกาศเป็นวันหยุด ให้ทุกคนอยู่บ้านตรวจด้วยเครื่องมือที่ให้ผลเร็วจะได้รู้จำนวนคนป่วย แล้วแยกตัวออกมา เพราะโรคนี้บางทีมันก็ไม่แสดงอาการ อาจไม่ได้ 100% แต่ก็ทำให้มากที่สุด พวกที่ต้องทำจริง ๆ หยุดไม่ได้ ก็ให้ตรวจที่ทำงาน ในช่วงที่ต้องหยุดงานนี้ บริษัทที่เสียผลประโยชน์ ไม่สามารถ work from home ได้ รัฐบาลจะชดเชยให้ลูกจ้าง ให้บริษัทยังไงก็ว่าไป ช่วงที่หยุดก็ทำความสะอาดที่ทำงาน ระบบขนส่งมวลชนอะไรให้มากที่สุด ถ้าเห็นว่า Face Shield มันใช้ได้ผล ก็อาจจัดหา หรือสั่งทำให้พร้อมจำหน่าย หรือแจกจ่ายประชาชนที่มีรายได้น้อย ตรงนี้อาจใช้เวลาอีกสองสัปดาห์ และแน่นอนต้องให้ประชาชนตระหนักว่าในช่วงหลังจากนี้ออกจากบ้าน ต้องใช้ Face Shield สวมหน้ากากอนามัย พกเจลล้างมือติดตัว ซึ่งรวมทั้งหมดนี้ก็จะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนตามที่ประกาศหยุด ซึ่ง Covid อาจไม่หายไปหมด แต่อย่างน้อยเราก็ออกมาใช้ชีวิตกันได้เหมือนเดิม ด้วยการระมัดระวังป้องกันตัวเอง เพราะอย่างน้อยเราก็ได้คัดกรองคนป่วยไปส่วนใหญ่แล้ว และเราก็สามารถหาซื้อเครื่องมือป้องกันตัวเองได้ง่ายไม่ขาดตลาดเหมือนตอนนี้ อีกอย่างที่ต้องทำให้เกิดให้ได้คือระบบซึ่งเป็น cashless เอาให้ถึงระดับล่างที่สุดเลยให้ได้ เพราะเชื้อพวกนี้มันติดต่อผ่านแบงค์หรือเหรียญได้ จริง ๆ มันก็ไม่ใช่แค่โรคนี้หรอก หลายโรคเลยแหละ แต่เราไม่ได้สนใจมันมากเท่านั้นเอง
ที่พูดมามันก็เป็นเพียงแนวคิดของผม จะดีหรือไม่ดีไม่รู้ แต่ผมอยากได้คำชี้แจงหรือแผนงานอะไรประมาณนี้ครับ อย่างน้อยมันก็ดีกว่าอยู่บ้านช่วยชาติกันไปนะ ซึ่งถ้าแผนมันไม่ได้ผลอะไรครงไหนเราจะได้รู้ และจะได้เข้าใจว่าทำไมต้องหยุดต่อ หรือต้องทำอะไรต่อไปและพร้อมให้ความร่วมมือ และจะได้มองเห็นเป้าหมายร่วมกัน และถ้ายิ่งให้เราออกมาใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วเท่าไหร่ เศรษฐกิจก็ยิ่งเสียหายน้อยลงเท่านั้น และรัฐบาลก็ใช้เงินในการเยียวยาน้อยลงด้วย ไม่ใช่เอาแต่ออกมาขู่ ถ้ายังไม่ลดก็ปิดต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันฟังแล้วไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย นอกจากจะเกลียดมากขึ้น เวรกรรม ว่าจะไม่แขวะแล้ว อดไม่ได้จริง ๆ
ในส่วนพวกเราที่ทำงานที่บ้านได้ ไม่ตกงาน บ้านมีเน็ตดี ๆ ดู Netflix ได้ ก็คงอยู่กันไปได้ สักพักหนึ่ง แต่ถ้ามันนานมาก ๆ ผมว่าพวกเราก็คงไม่ไหวเหมือนกันนะครับ ขนาดผมตอนนี้ยังรู้สึกเริ่มเบื่อ ๆ เลย และลองมาดูผลกระทบกับบุคคลที่ไม่สามารถทำแบบนี้ได้ บางคนต้องตกงาน ธุรกิจบางตัวถึงกับต้องปิดตัวไป ในส่วนนี้รัฐบาลได้คิดมาตรการรองรับไหม มาตรการ 5000 บาทนานสามเดือนมันเยียวยาได้พอไหม พอเปิดมาหลังจากนี้ถ้าเขาไม่มีงานทำ รัฐบาลจะช่วยเขายังไง คือที่เขียนมานี้ไม่ได้คิดแต่จะตำหนิรัฐบาล แต่อยากจะให้คิดว่ามันไม่ใช่ให้อยู่บ้านกันไปเรื่อย ๆ เพราะยิ่งต้องอยู่นาน การเยียวยาจากรัฐบาลมันจะทำได้ยากมากขึ้น และค่าใช้จ่ายมันจะยิ่งสูงมากขึ้น
คือผมเข้าใจว่ามันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก และไม่คาดคิด แต่การจะประกาศอะไรออกมา มันควรจะผ่านการกลั่นกรองวางแผนมาระดับหนึ่งไหมครับ อย่างทีมคุณหมอท่านเสนอแนะว่าควรให้อยู่บ้านกันมากที่สุด ท่านก็เสนอในมุมของคุณหมอ ท่านก็คิดในมุมลดการระบาด แต่มันก็ต้องมีคนคิดส่วนอื่นด้วย ในตอนแรกที่เสนอมาว่าถึง 12 เมษายน นี่ ใช้หลักคิดอะไร แล้วมีมาตรการจะจัดการยังไง แล้วทำไมพอประกาศมาแค่ไม่กี่วันก็มาขยายเป็น 30 เมษายน คือมันมีหลักการอะไรในการประเมิน ดังนั้นตอนนี้ก็คือเราจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อถึงวันที่ 30 เมษายน แล้วมันจะยังไงต่อไป เรามีอะไรเป็นเกณฑ์ประเมินความสำเร็จของมาตรการ ประชาชนจะได้รู้ว่ามันสำเร็จหรือไม่ และถ้ามันไม่สำเร็จ มันก็ต้องประเมินว่าทำไมมันไม่สำเร็จ เรามาผิดทาง ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือหรือเพราะอะไร ถ้ามาตรการไม่สำเร็จ เราปิดต่อไป แล้วจะทำยังไง ให้มันสำเร็จ
มีคนบอกว่าอย่าวิจารณ์อย่างเดียว ต้องเสนอด้วยสิ หรือเอาแต่วิจารณ์มาทำดูสิ ซึ่งจริง ๆ ผมบอกแล้วนะว่าการวิจารณ์มันไม่ใช่ว่าเราต้องทำได้ เพราะหลาย ๆ ครั้ง เราก็ไม่ได้มีเครื่องไม้เครื่องมือ หรือมีศักยภาพที่จะทำได้เหมือนคนที่มีอำนาจอยู่ แต่คราวนี้ผมอยากจะลองเสนอดูบ้าง คือผมว่ารัฐบาลน่าจะมีแผนไปเลยในช่วงนี้ว่าหยุดแล้วจะทำอะไร เช่นประกาศหยุดหนึ่งเดือนอย่างตอนนี้ ในช่วงสองสัปดาห์แรก อยู่บ้านกัน ช่วยลดการติดต่อ เพิ่มเรื่อง social distancing ในช่วงสองสัปดาห์นี้ รัฐบาลจะจัดหาชุดตรวจโควิดที่ให้ผลเร็ว ทำให้หน้ากากอนามัยหาซื้อได้ หรือจัดส่งให้ประชาชน (ซึ่งวันนี้ทีฟังเหมือนกับเขากำลัวจะทำหน้าการผ้ามาแจก) จัดทำเจลล้างมือ อะไรก็ว่าไป หลังจากนั้นอีกสองสัปดาห์ จะปูพรมลงตรวจประชาชน ซึ่งตรงนี้จะต้องขอเพิ่มมาตรการเช่นประกาศเป็นวันหยุด ให้ทุกคนอยู่บ้านตรวจด้วยเครื่องมือที่ให้ผลเร็วจะได้รู้จำนวนคนป่วย แล้วแยกตัวออกมา เพราะโรคนี้บางทีมันก็ไม่แสดงอาการ อาจไม่ได้ 100% แต่ก็ทำให้มากที่สุด พวกที่ต้องทำจริง ๆ หยุดไม่ได้ ก็ให้ตรวจที่ทำงาน ในช่วงที่ต้องหยุดงานนี้ บริษัทที่เสียผลประโยชน์ ไม่สามารถ work from home ได้ รัฐบาลจะชดเชยให้ลูกจ้าง ให้บริษัทยังไงก็ว่าไป ช่วงที่หยุดก็ทำความสะอาดที่ทำงาน ระบบขนส่งมวลชนอะไรให้มากที่สุด ถ้าเห็นว่า Face Shield มันใช้ได้ผล ก็อาจจัดหา หรือสั่งทำให้พร้อมจำหน่าย หรือแจกจ่ายประชาชนที่มีรายได้น้อย ตรงนี้อาจใช้เวลาอีกสองสัปดาห์ และแน่นอนต้องให้ประชาชนตระหนักว่าในช่วงหลังจากนี้ออกจากบ้าน ต้องใช้ Face Shield สวมหน้ากากอนามัย พกเจลล้างมือติดตัว ซึ่งรวมทั้งหมดนี้ก็จะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนตามที่ประกาศหยุด ซึ่ง Covid อาจไม่หายไปหมด แต่อย่างน้อยเราก็ออกมาใช้ชีวิตกันได้เหมือนเดิม ด้วยการระมัดระวังป้องกันตัวเอง เพราะอย่างน้อยเราก็ได้คัดกรองคนป่วยไปส่วนใหญ่แล้ว และเราก็สามารถหาซื้อเครื่องมือป้องกันตัวเองได้ง่ายไม่ขาดตลาดเหมือนตอนนี้ อีกอย่างที่ต้องทำให้เกิดให้ได้คือระบบซึ่งเป็น cashless เอาให้ถึงระดับล่างที่สุดเลยให้ได้ เพราะเชื้อพวกนี้มันติดต่อผ่านแบงค์หรือเหรียญได้ จริง ๆ มันก็ไม่ใช่แค่โรคนี้หรอก หลายโรคเลยแหละ แต่เราไม่ได้สนใจมันมากเท่านั้นเอง
ที่พูดมามันก็เป็นเพียงแนวคิดของผม จะดีหรือไม่ดีไม่รู้ แต่ผมอยากได้คำชี้แจงหรือแผนงานอะไรประมาณนี้ครับ อย่างน้อยมันก็ดีกว่าอยู่บ้านช่วยชาติกันไปนะ ซึ่งถ้าแผนมันไม่ได้ผลอะไรครงไหนเราจะได้รู้ และจะได้เข้าใจว่าทำไมต้องหยุดต่อ หรือต้องทำอะไรต่อไปและพร้อมให้ความร่วมมือ และจะได้มองเห็นเป้าหมายร่วมกัน และถ้ายิ่งให้เราออกมาใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วเท่าไหร่ เศรษฐกิจก็ยิ่งเสียหายน้อยลงเท่านั้น และรัฐบาลก็ใช้เงินในการเยียวยาน้อยลงด้วย ไม่ใช่เอาแต่ออกมาขู่ ถ้ายังไม่ลดก็ปิดต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันฟังแล้วไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย นอกจากจะเกลียดมากขึ้น เวรกรรม ว่าจะไม่แขวะแล้ว อดไม่ได้จริง ๆ
วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2563
ฟังเพลงกันวันศุกร์: Perfect ของ Ed Sheeran
จริง ๆ วันนี้ก็วันเสาร์แล้วนะครับ มัวแต่เตรียมสอนเผลออีกทีตีหนึ่งกว่าแล้ว เอาเป็นว่าฟังเพลงกันก่อนอนสักเพลงแล้วกันนะครับ หลังจากไปขุดเพลงเก่าสมัยตัวเองบ้างพ่อตัวเองบ้างมาหลายครั้งแล้ว วันนี้ก็เอาเพลงที่วัยรุ่นเขาฟังกันบ้างแล้วนะครับ เพลงนี้ลูกเอามาเปิดให้ฟังครับ ฟังแล้วก็ชอบครับ ฟังแล้วผ่อนคลายเหมาะกับช่วงกักตัวแบบนี้ดีครับ ไปฟังเพลงกันครับ และราตรีสวัสดิ์ครับ
I found a love for me
Darling just dive right in
And follow my lead
Well I found a girl beautiful and sweet
I never knew you were the someone waiting for me
'Cause we were just kids when we fell in love
Darling just dive right in
And follow my lead
Well I found a girl beautiful and sweet
I never knew you were the someone waiting for me
'Cause we were just kids when we fell in love
Not knowing what it was
I will not give you up this time
But darling, just kiss me slow, your heart is all I own
And in your eyes you're holding mine
I will not give you up this time
But darling, just kiss me slow, your heart is all I own
And in your eyes you're holding mine
Baby, I'm dancing in the dark with you between my arms
Barefoot on the grass, listening to our favorite song
When you said you looked a mess, I whispered underneath my breath
But you heard it, darling, you look perfect tonight
Barefoot on the grass, listening to our favorite song
When you said you looked a mess, I whispered underneath my breath
But you heard it, darling, you look perfect tonight
Well I found a woman, stronger than anyone I know
She shares my dreams, I hope that someday I'll share her home
I found a love, to carry more than just my secrets
To carry love, to carry children of our own
We are still kids, but we're so in love
Fighting against all odds
I know we'll be alright this time
Darling, just hold my hand
Be my girl, I'll be your man
I see my future in your eyes
She shares my dreams, I hope that someday I'll share her home
I found a love, to carry more than just my secrets
To carry love, to carry children of our own
We are still kids, but we're so in love
Fighting against all odds
I know we'll be alright this time
Darling, just hold my hand
Be my girl, I'll be your man
I see my future in your eyes
Baby, I'm dancing in the dark, with you between my arms
Barefoot on the grass, listening to our favorite song
When I saw you in that dress, looking so beautiful
I don't deserve this, darling, you look perfect tonight
Barefoot on the grass, listening to our favorite song
When I saw you in that dress, looking so beautiful
I don't deserve this, darling, you look perfect tonight
Baby, I'm dancing in the dark, with you between my arms
Barefoot on the grass, listening to our favorite song
I have faith in what I see
Now I know I have met an angel in person
And she looks perfect
I don't deserve this
You look perfect tonight
Barefoot on the grass, listening to our favorite song
I have faith in what I see
Now I know I have met an angel in person
And she looks perfect
I don't deserve this
You look perfect tonight
Source: LyricFind
Songwriters: Edward Christopher Sheeran
Perfect lyrics © Sony/ATV Music Publishing LLC
วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2563
เรื่องเล่าช่วง Covid-19
เมื่อวันพุธตัว Mesh ที่บ้านเข้าอินเทอร์เน็ตไม่ได้ เลยโทรไป AIS call center ทาง call center บอกว่าไม่เห็นสัญญาณจากตัว MESH เลย จะส่งช่างมาดูให้ และจะเปลี่ยน router และ MESH ตัวใหม่ให้เลย ไอ้เราก็ถามว่าตัวที่ใช้อยู่ก็เพิ่งมาติดให้ไม่กี่เดือนเองนะ ผมทำอะไรเองไม่ได้เลยเหรอ ทาง AIS บอกว่าตัวที่จะให้นี้เป็นรุ่นใหม่ และจะมาติดตั้งให้ นัดช่างให้แล้วเป็นคิวแรก 9 โมงเช้า โอเคนัดแล้วก็มาแล้วกัน จริง ๆ ส่วนหนึ่งก็กังวลนะ ยังไม่อยากให้ใครมาบ้านช่วงนี้ อย่างน้อยคนในบ้านก็เห็น ๆ กันว่าไปไหนมาไหนบ้าง แลัวก็ช่วยกันระวังตัวอยู่แล้ว และเน็ตมันก็ยังใช้ได้ แค่ตัว MESH ที่ใช้ช่วยกระจายสัญญาณที่มันใช้ไม่ได้
วันพฤหัส
ช่าง AIS มาตอนเกือบบ่ายโมง (นัดไว้เก้าโมง โทรมาเลื่อนเกือบ 11 โมง) เข้ามาแป๊บหนึ่ง เอาสายแลนเสียบเครื่อง สักครู่หันมาถาม
ช่าง AIS : พี่อยู่บ้านถึงกี่โมง
sarun: วันนี้อยู่ทั้งวัน มีอะไรเหรอ
ช่าง AIS: ผมลืมเอาอะแดปเตอร์จาก USB เป็นสาย LAN มา พอร์ตแลนผมเสีย
sarun: อ้อ มี เดี๋ยวไปเอามาให้ (ในใจคิดว่า ถ้าไปบ้านอื่นแล้วเขาไม่มี จะทำยังไงนี่)
ไปเอามาให้ใช้
ช่าง AIS: ลองเสียบดู ใช้ไม่ได้พี่ สงสัยต้องลง driver ผมกลับไปเอาของผมมาก่อน
sarun: (คิดจะถามแล้วว่าทำไมไม่โหลด driver แต่คิดอีกทีอาจเห็นว่าใช้แค่ครั้งเดียว สงสัยอยู่แถวนี้) กลับไปเอาที่ไหนเหรอ
ช่าง AIS: ศรีนครินทร์พี่ นี่ที่ผมมาช้าก็เพราะมาจากศรีนครินทร์นี่แหละ
sarun: (นั่งคิดนิดหนึ่ง นัดกันไว้เลทไปสี่ชั่วโมง ถ้ากลับไปกลับมาสงสัยมาอีกทีสองทุ่ม เอาไงดีวะ) ใช้คอมผมได้ไหม (ถ้าช่างจะปฏิเสธเราเพราะกลัว Covid ก็เข้าใจได้นะ)
ช่าง AIS: ได้พี่ เดี๋ยวผมส่งไฟล์ที่ต้องใช้เข้าไลน์พี่
sarun: ส่งเมลได้ไหม เครื่องที่จะให้ใช้ไม่ได้ลงไลน์ไว้ (คือจะเอาเครื่องสำรองมาให้ใช้ ไม่ให้ใช้เครื่องที่ใช้งานหลัก)
จากนั้นขึ้นไปเอาเครื่องลงมา
จากนั้นขึ้นไปเอาเครื่องลงมา
ช่าง AIS: Line พี่อะไร เดี๋ยวผมส่งไฟล์ที่ต้องใช้ให้ เออแล้วพี่มีไขควงหัวเล็ก ๆ ไหม
sarun: (สงสัยไม่ได้ฟัง แต่ชินแล้ว เวลาสอน นักศึกษาบางคนก็ไม่ได้ฟัง เหมือนกัน line ก็ line) พอได้ไฟล์มาก็จัดการเอาลงเครื่องใช้หลายขั้นตอนหน่อย แล้วก็ไปเอาไขควงมาให้
ช่าง AIS : พิมพ์คอมของ sarun เพื่อติดตั้งไป แล้วก็จามสามคร้ง (มี mask มา แต่เอามือมาปิดปาก สงสัยเตรียมตัวไม่ทัน)
sarun และลูก sarun มองหน้ากัน เครื่องคอมลูกตั้งอยู่ใก้ล ๆ จุดสัญญาณเน็ต และเขาก็ลุกออกมาเพื่อให้ช่างเข้าไปทำงาน
sarun และลูก sarun มองหน้ากัน เครื่องคอมลูกตั้งอยู่ใก้ล ๆ จุดสัญญาณเน็ต และเขาก็ลุกออกมาเพื่อให้ช่างเข้าไปทำงาน
ช่าง AIS : พิมพ์คอม sarun ต่อไป, เสร็จแล้วพี่
sarun: ตกลงมันเป็นอะไร ทำไมต้องเปลี่ยน
ช่าง AIS: อ๋อจริง ๆ มันไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้พี่ แต่ Call Center เขาบอกให้เปลี่ยนเลย เป็นรุ่นใหม่ให้พี่เลย
sarun: (ซาบซึ้งใจมาก) แล้วทำไมมันหลุดล่ะ ถ้าเครื่องนี้หลุดอีกจะแก้ปัญหายังไง
ช่าง AIS: พี่กดปุ่ม reset ที่ตัว mesh จนไฟขึ้น
sarun: เฉพาะรุ่นนี้หรือเปล่า แล้วตัวเก่าที่มาเปลี่ยนให้ล่ะ
ช่าง AIS: ได้เหมือนกันพี่
sarun: (จริงหรือเปล่านี่ ถ้ามันทำง่ายอย่างนี้ ทำไมเขาไม่บอกให้เราทำ ช่างที่มาติดให้ครั้งแรก บอกว่ายุ่งยาก ต้องกดนู่นนี่นั้น ตอนช่างติดให้ก็เหมือนต้องโทรไปให้ AIS ปล่อยสัญญาณมา) เหรอ แล้วทำไมไม่บอกให้ผมทำนะ
ช่าง AIS: สงสัยเขาอยากเปลี่ยนให้พี่
sarun: (ซาบซึ้งอีกครั้ง แต่เอาจริง ๆ ถ้ามันทำได้เองช่วงนี้อยากทำเองไปก่อนนะ ยังไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้) แล้วมีไปที่ไหนอีกไหม
ช่าง AIS: อีกสองที่พี่ วัชรพลแล้วก็สายไหม
sarun: โอเค ขอบคุณมาก (ในใจคิดว่าถ้าปล่อยให้กลับไปเอาอุปกรณ์มา สองบ้านนั้นคงรอไปอีกนาน และภาวนาว่าสองบ้านนั้นคงมีคอมให้ยืมใช้ มีไขควง และรู้วิธีเอาไฟล์จาก line ลงคอมนะ เอหรือเขาจะกลับไปเอาของที่ศรีนครินทร์ก่อน)
หลังจากนั้นด้วยสถานการณ์ Covid
sarun และลูกก็บิ๊กคลีนนิง เครื่องคอมสำรอง sarun ก็เช็ดแอลกอฮอล์ แล้วก็ว่าจะ Quarantine สักเดือนหนึ่ง ส่วนเครื่องลูกและอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็เอาแอลกอฮอล์ไล่เช็ด และก็หวังว่าเขาคงจามเพราะแพ้ฝุ่นที่บ้าน ไม่ใช่เพราะเหตุอื่น และเอาจริง ๆ ไม่แน่ว่าพนักงานก็อาจรีบไปหาเจลล้างมือเพราะมาใช้คอมของเราเช่นกัน
สุดท้ายก็ขอขอบคุณ AIS ที่ช่างมาอย่างน้อยก็ในวันเดียวกัน ถึงแม้จะช้าไป 4 ชั่วโมง ช่างทำงานดีครับ เมื่ออุปกรณ์ (จากลูกค้า) พร้อมก็ใช้เวลาไม่นาน และขอบคุณที่เอาอุปกรณ์รุ่นใหม่มาเปลี่ยนให้
วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563
ศรัทธาเกิดจากผลงาน
วันศุกร์กลับมาอีกแล้วครับ และเป็นศุกร์ 13 ซะด้วย แต่ไม่ว่าจะศุกร์อะไรผมว่าช่วงนี้ประชาชนคงไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่นะครับ ศุกร์นี้เห็นนายกออกมาพูดด้วยมุมความคิดเดิม ๆ ขอให้เชื่อใจรัฐบาล ขอให้ช่วยกัน ขออย่าด่าทุกเรื่อง ผมถามจริง ๆ เถอะครับ ถ้าคนเราทำดี แสดงให้เห็นว่าสามารถแก้ปัญหาได้ ยังไม่ต้องสำเร็จก็ได้ แต่แสดงให้เห็นว่ามาถูกทางแล้ว ใครมันจะออกมาด่าครับ อาจจะยกเว้นพวกอคติ หลับหูหลับตาด่าอย่างเดียว อย่างพวกเกลียดทักษิณ ซึ่งก็คงมีอย่างนั้นเช่นกันในฝั่งเกลียดประยุทธ์
แต่ตอนนี้หลายคนที่เขาออกมาพูดออกมาตำหนิ บางคนเคยเชียร์ด้วยซ้ำ เพราะเขาเห็นแล้วว่าสิ่งที่ทำอยู่มันแก้ปัญหาไม่ถูกทาง มันไม่เป็นระบบ มันมั่ว จะให้เขาทำยังไง ผมถามจริง ๆ เหอะ สมมติประชาชนหุบปาก ไม่โวยวายเรื่องฝุ่น เรื่องหน้ากาก ถามจริง ๆ เถอะว่าพวกท่านจะรู้สึกรู้สม จะออกมาแก้ปัญหากันหูตาเหลือกอย่างนี้จริง ๆ หรือ ขนาดประชาชนออกมาโวยวายตอนแรก ยังหาว่าเป็น Fake News เกิดจากการทำลายกันทางการเมือง ถึงตอนนี้พรรคพวกท่านบางคนยังคิดแบบนี้อยู่เลย
แล้วก็ไอ้แนวคิดว่าประชาชนต้องช่วยตัวเองด้วยนี่ ท่านคิดว่าประชาชนเขางอมืองอเท้าไม่ทำอะไรเลย รอท่านอย่างเดียวจริง ๆ หรือครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมว่าดีไม่ดีตายกันไปหลายคนแล้ว ประชาชนเขาช่วยตัวเองเท่าที่จะทำได้แล้วครับ แต่บางเรื่องมันก็เกินความสามารถของเขา เอาง่าย ๆ เรื่องหน้ากากเรื่องเจลล้างมือนี่ ผมว่าประชาชนก็ไม่ได้คิดจะรอแจกจากท่าน หลายคนเขาก็พร้อมจะซื้อ แต่เขาไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหน จะให้เขาเดินทางไปทั่วเมืองโดยไม่รู้ว่าจะซื้อได้หรือเปล่านี่มันใช่ไหมล่ะครับ ถ้าต้องทำเรื่องที่มันไม่ควรจะลำบากแบบนี้ด้วยความยากลำบาก มันก็สมควรไหมที่เขาจะตั้งคำถามว่า แล้วเราจะมีรัฐบาลไปทำไม ทางแก้ปัญหาหลายอย่างก็มาจากภาคประชาชน หรือพรรคที่เพิ่งถูกยุบไป อย่างเว็บไซต์แสดงจุดที่มีหน้ากากขายอะไรแบบนี้ หน่วยงานที่ควรจะเป็นตัวตั้งตัวตีในการทำเรื่องนี้อย่างกระทรวง DE ทำอะไรอยู่ครับ หรือกระทรวงนี้มีหน้าที่แค่ไปเที่ยวไล่ฟ้องคนที่ด่ารัฐบาล ยัดเยียดข้อหาสร้าง Fake News ตั้งแต่ไวรัสเริ่มระบาด พวกท่านทำอะไร ท่านคิดแต่ห่วงรายได้จากการท่องเที่ยว ท่านคิดแต่ห่วงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่ประเทศบางประเทศเขาเล็กกว่าเราอีก เขายังมีมาตรการที่เด็ดขาดกว่าในการคัดกรองคนเข้าประเทศ
ท่านขอความเชื่อใจและศรัทธา มาตั้งแต่ท่านยึดอำนาจ ท่านบริหารด้วยอำนาจพิเศษมากว่า 5 ปี ผมบอกเลยนะท่านทำลายความศรัทธามากกว่าสร้างความศรัทธา ผมคิดว่าตอนที่ท่านเข้ามาใหม่ ๆ คนคงคาดหวังกับท่านไว้มาก แต่ยิ่งอยู่ไปคนยิ่งเสื่อมศรัทธา และหลังจากเลือกตั้ง ท่านคิดว่าท่านชนะเลือกตั้ง ท่านคิดอย่างนี้จริง ๆ หรือครับ หรือท่านชอบหลอกตัวเอง พรรคที่สนับสนุนท่าน ไม่ใช่พรรคที่ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งนะครับ พรรคที่สนับสนุนท่านแพ้ แพ้พรรคที่ที่ท่านยึดอำนาจเขามานั่นแหละ แต่ด้วยกลไกต่าง ๆ ที่ท่านวางไว้ ท่านจึงได้เป็นนายก ถ้าไม่มีกลไกเหล่านี้ ท่านไม่ได้กลับมาเป็นนายกหรอก แต่เอาเถอะท่านก็มาตามกติกาที่ท่านร่างขึ้นมาเองละนะ แต่ท่านบริหารยังไงล่ะครับมันถึงได้เป็นแบบนี้ ท่านขอให้เชื่อใจมาแล้ว 5 ปี ซึ่งก็เห็นแล้วว่ามันไม่ได้เรื่อง ท่านยังจะขอให้เชื่อใจไปอีกกี่ปีหรือครับ 20 ปี ตามยุทธศาสตร์ชาติของท่านหรือครับ ถึงตอนนั้นคนไทยจะจนกันหมดประเทศ หรือตายกันหมดประเทศดีล่ะครับ
ผมขอยกตัวอย่างคนที่สร้างความศรัทธาให้เกิดสักคนหนึ่งก็แล้วกัน เจอร์เกน คลอปป์ครับ ผู้จัดการทีมทีมรักของผมลิเวอร์พูล ก่อนที่เจอร์เกน คลอปป์เข้ามา ลิเวอร์พูลอยู่ในสภาพยักษ์หลับ และดูเหมือนไม่มีใคร แม้แต่แฟนบางคนของทีมจะเชื่อว่ายักษ์ตัวนี้จะกลับมาผงาดได้อีกครั้ง เมื่อคลอปป์เข้ามา เขาบอกว่า เขาจะเปลี่ยนให้คนที่สงสัยไม่เชื่อมั่นกลับมาเป็นคนที่เชื่อมั่นในทีมให้ได้ From Doubters to Believers คือคำที่คลอปป์ใช้ ซึ่งก็คงไม่ต่างจากเพลง "ขอเธอจงเชื่อใจและศรัทธา" หรอก แต่ความแตกต่างคือคลอปป์ทำให้มันเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่แต่งเพลง คลอปป์สร้างทีมตามแนวทาง ลิเวอร์พูลไม่ได้แชมป์อะไรเลยในช่วงสองสามปีแรกที่คลอปป์เข้ามา แต่สิ่งที่แฟน ๆ เห็น คือแนวทางการเล่นของทีม แฟน ๆ เห็นการพัฒนาของทีม ดังนั้นแฟน ๆ ก็กลับมาเชียร์มาศรัทธาและเชื่อมั่น คลอปป์ไม่เคยออกมาเรียกร้องว่าแฟน ๆ อย่ามาด่าเขานะ ขอให้เชื่อใจนะ แต่เขาแสดงให้เห็นด้วยผลงาน และสุดท้ายปีที่แล้วลิเวอร์พูลก็ได้แแชมป์ถ้วยใบใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็นรองแชมป์พรีเมียร์ลีกที่มีแต้มสูงสุดในประวติศาสตร์ ได้แชมป์โลก ได้รับการยกย่องว่าเป็นทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดทีมหนึ่งในขณะนี้ และปีนี้กำลังจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยผลงานที่ทิ้งคู่แข่งในลีกไปไกลมาก เห็นไหมล่ะครับว่าผลงานเท่านั้นเป็นตัวสร้างศรัทธา
พูดถึงลิเวอร์พูลก็อดกังวลไม่ได้ มันจะอะไรนักนะ กำลังจะเป็นแชมป์ลีกสูงสุดหนแรกในรอบ 30 ปี ก็มีไอ้ไวรัสบ้าบออะไรไม่รู้มาทำเรื่องจนต้องลุ้นว่าจะแข่งจนจบได้แชมป์หรือเปล่าซะอีก อ้าวเริ่มด้วยการเมือง ดันมาจบด้วยเรื่องบอลซะได้ เฮ้อ แสดงว่ามันกังวลอยู่ในจิตใต้สำนึกนะนี่...
แต่ตอนนี้หลายคนที่เขาออกมาพูดออกมาตำหนิ บางคนเคยเชียร์ด้วยซ้ำ เพราะเขาเห็นแล้วว่าสิ่งที่ทำอยู่มันแก้ปัญหาไม่ถูกทาง มันไม่เป็นระบบ มันมั่ว จะให้เขาทำยังไง ผมถามจริง ๆ เหอะ สมมติประชาชนหุบปาก ไม่โวยวายเรื่องฝุ่น เรื่องหน้ากาก ถามจริง ๆ เถอะว่าพวกท่านจะรู้สึกรู้สม จะออกมาแก้ปัญหากันหูตาเหลือกอย่างนี้จริง ๆ หรือ ขนาดประชาชนออกมาโวยวายตอนแรก ยังหาว่าเป็น Fake News เกิดจากการทำลายกันทางการเมือง ถึงตอนนี้พรรคพวกท่านบางคนยังคิดแบบนี้อยู่เลย
แล้วก็ไอ้แนวคิดว่าประชาชนต้องช่วยตัวเองด้วยนี่ ท่านคิดว่าประชาชนเขางอมืองอเท้าไม่ทำอะไรเลย รอท่านอย่างเดียวจริง ๆ หรือครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมว่าดีไม่ดีตายกันไปหลายคนแล้ว ประชาชนเขาช่วยตัวเองเท่าที่จะทำได้แล้วครับ แต่บางเรื่องมันก็เกินความสามารถของเขา เอาง่าย ๆ เรื่องหน้ากากเรื่องเจลล้างมือนี่ ผมว่าประชาชนก็ไม่ได้คิดจะรอแจกจากท่าน หลายคนเขาก็พร้อมจะซื้อ แต่เขาไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหน จะให้เขาเดินทางไปทั่วเมืองโดยไม่รู้ว่าจะซื้อได้หรือเปล่านี่มันใช่ไหมล่ะครับ ถ้าต้องทำเรื่องที่มันไม่ควรจะลำบากแบบนี้ด้วยความยากลำบาก มันก็สมควรไหมที่เขาจะตั้งคำถามว่า แล้วเราจะมีรัฐบาลไปทำไม ทางแก้ปัญหาหลายอย่างก็มาจากภาคประชาชน หรือพรรคที่เพิ่งถูกยุบไป อย่างเว็บไซต์แสดงจุดที่มีหน้ากากขายอะไรแบบนี้ หน่วยงานที่ควรจะเป็นตัวตั้งตัวตีในการทำเรื่องนี้อย่างกระทรวง DE ทำอะไรอยู่ครับ หรือกระทรวงนี้มีหน้าที่แค่ไปเที่ยวไล่ฟ้องคนที่ด่ารัฐบาล ยัดเยียดข้อหาสร้าง Fake News ตั้งแต่ไวรัสเริ่มระบาด พวกท่านทำอะไร ท่านคิดแต่ห่วงรายได้จากการท่องเที่ยว ท่านคิดแต่ห่วงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่ประเทศบางประเทศเขาเล็กกว่าเราอีก เขายังมีมาตรการที่เด็ดขาดกว่าในการคัดกรองคนเข้าประเทศ
ท่านขอความเชื่อใจและศรัทธา มาตั้งแต่ท่านยึดอำนาจ ท่านบริหารด้วยอำนาจพิเศษมากว่า 5 ปี ผมบอกเลยนะท่านทำลายความศรัทธามากกว่าสร้างความศรัทธา ผมคิดว่าตอนที่ท่านเข้ามาใหม่ ๆ คนคงคาดหวังกับท่านไว้มาก แต่ยิ่งอยู่ไปคนยิ่งเสื่อมศรัทธา และหลังจากเลือกตั้ง ท่านคิดว่าท่านชนะเลือกตั้ง ท่านคิดอย่างนี้จริง ๆ หรือครับ หรือท่านชอบหลอกตัวเอง พรรคที่สนับสนุนท่าน ไม่ใช่พรรคที่ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งนะครับ พรรคที่สนับสนุนท่านแพ้ แพ้พรรคที่ที่ท่านยึดอำนาจเขามานั่นแหละ แต่ด้วยกลไกต่าง ๆ ที่ท่านวางไว้ ท่านจึงได้เป็นนายก ถ้าไม่มีกลไกเหล่านี้ ท่านไม่ได้กลับมาเป็นนายกหรอก แต่เอาเถอะท่านก็มาตามกติกาที่ท่านร่างขึ้นมาเองละนะ แต่ท่านบริหารยังไงล่ะครับมันถึงได้เป็นแบบนี้ ท่านขอให้เชื่อใจมาแล้ว 5 ปี ซึ่งก็เห็นแล้วว่ามันไม่ได้เรื่อง ท่านยังจะขอให้เชื่อใจไปอีกกี่ปีหรือครับ 20 ปี ตามยุทธศาสตร์ชาติของท่านหรือครับ ถึงตอนนั้นคนไทยจะจนกันหมดประเทศ หรือตายกันหมดประเทศดีล่ะครับ
ผมขอยกตัวอย่างคนที่สร้างความศรัทธาให้เกิดสักคนหนึ่งก็แล้วกัน เจอร์เกน คลอปป์ครับ ผู้จัดการทีมทีมรักของผมลิเวอร์พูล ก่อนที่เจอร์เกน คลอปป์เข้ามา ลิเวอร์พูลอยู่ในสภาพยักษ์หลับ และดูเหมือนไม่มีใคร แม้แต่แฟนบางคนของทีมจะเชื่อว่ายักษ์ตัวนี้จะกลับมาผงาดได้อีกครั้ง เมื่อคลอปป์เข้ามา เขาบอกว่า เขาจะเปลี่ยนให้คนที่สงสัยไม่เชื่อมั่นกลับมาเป็นคนที่เชื่อมั่นในทีมให้ได้ From Doubters to Believers คือคำที่คลอปป์ใช้ ซึ่งก็คงไม่ต่างจากเพลง "ขอเธอจงเชื่อใจและศรัทธา" หรอก แต่ความแตกต่างคือคลอปป์ทำให้มันเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่แต่งเพลง คลอปป์สร้างทีมตามแนวทาง ลิเวอร์พูลไม่ได้แชมป์อะไรเลยในช่วงสองสามปีแรกที่คลอปป์เข้ามา แต่สิ่งที่แฟน ๆ เห็น คือแนวทางการเล่นของทีม แฟน ๆ เห็นการพัฒนาของทีม ดังนั้นแฟน ๆ ก็กลับมาเชียร์มาศรัทธาและเชื่อมั่น คลอปป์ไม่เคยออกมาเรียกร้องว่าแฟน ๆ อย่ามาด่าเขานะ ขอให้เชื่อใจนะ แต่เขาแสดงให้เห็นด้วยผลงาน และสุดท้ายปีที่แล้วลิเวอร์พูลก็ได้แแชมป์ถ้วยใบใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็นรองแชมป์พรีเมียร์ลีกที่มีแต้มสูงสุดในประวติศาสตร์ ได้แชมป์โลก ได้รับการยกย่องว่าเป็นทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดทีมหนึ่งในขณะนี้ และปีนี้กำลังจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยผลงานที่ทิ้งคู่แข่งในลีกไปไกลมาก เห็นไหมล่ะครับว่าผลงานเท่านั้นเป็นตัวสร้างศรัทธา
พูดถึงลิเวอร์พูลก็อดกังวลไม่ได้ มันจะอะไรนักนะ กำลังจะเป็นแชมป์ลีกสูงสุดหนแรกในรอบ 30 ปี ก็มีไอ้ไวรัสบ้าบออะไรไม่รู้มาทำเรื่องจนต้องลุ้นว่าจะแข่งจนจบได้แชมป์หรือเปล่าซะอีก อ้าวเริ่มด้วยการเมือง ดันมาจบด้วยเรื่องบอลซะได้ เฮ้อ แสดงว่ามันกังวลอยู่ในจิตใต้สำนึกนะนี่...
วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2563
หรือเมาส์ไร้สายควรจะถูกเรียกว่าแฮมสเตอร์
วันศุกร์กลับมาอีกแล้วนะครับ จริง ๆ ผมกะว่าจะเขียนเรื่องนี้มาเมื่อสักสองศุกร์ก่อนหน้านี้แล้วครับ แต่บังเอิญมีเรื่องการเมืองร้อนแรงให้เขียนถึงซะก่อน คือเมื่อสองศุกร์ก่อน Facebook ฟีดเรื่องนี้ขึ้นมาให้ผมครับ ไม่รู้ทำไม คือมีคนไปสร้าง campaing ใน change.org ว่าทำไมเราถึงยังเรียกเมาส์ไร้สายว่าเมาส์กันอยู่ ในเมื่อหนูที่ไม่มีหางมาตั้งแต่เกิดน่ะมันคือแฮมสเตอร์ ดังนั้นเปลี่ยนมาเรียกเมาส์ไร้สายว่าแฮมสเตอร์กันเถอะ เห็นด้วยกับเขาไหมครับ ถ้าเห็นด้วยก็ไปร่วมลงชื่อกับเขาได้นะครับที่
https://www.change.org/p/donald-trump-rename-the-wireless-mouse-to-hamster-66da426f-0238-4d2d-b9ac-f070cab9d5b4?use_react=false
https://www.change.org/p/donald-trump-rename-the-wireless-mouse-to-hamster-66da426f-0238-4d2d-b9ac-f070cab9d5b4?use_react=false
แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครสนใจสักเท่าไรนะครับ เพราะเท่าที่ดู campaign นี้สร้างมาสองปีแล้ว แต่มีคนลงชื่อสนับสนุนไปแค่ 5000 กว่าคน
คราวนี้ผมก็เลยคิดว่าเราลองไปค้นเรื่องของเมาส์หน่อยดีไหมและทำไมเขาถึงเรียกมันว่าเมาส์ ก็เลยลองไปค้นดูครับ แล้วก็ค้นพบว่าคนแรกที่สร้างเมาส์ขึ้นมาคือคุณ Doug Engelbart และเขาตั้งชื่อมันว่าเมาส์ก็เพราะมันมีรูปร่างเหมือนหนูที่มีหางนั่นเองครับ อ้างอิงจากเว็บนี้นะครับ https://www.devinedesign.net/why-is-a-mouse-called-a-mouse/ ซึ่งก็ตรงตามที่รณรงค์ใน campaing สำหรับใครที่อยากอ่านประวัติของเมาส์แบบมี timeline เข้าใจง่าย และมี quiz เช็คความเข้าใจด้วยก็ดูที่ประวัติของคอมพิวเตอร์เมาส์ ได้เลยครับ
สำหรับผมก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าดีใจที่ไทยเราไม่เรียกเมาส์ว่าหนู เพราะมันอาจจะมีความหมายอย่างอื่นในบางบริบท ลองคิดภาพดูครับ สมมติมีนิยายเรื่องหนึ่ง เขียนเล่าถึงการใช้งานคอมพิวเตอร์ของผู้ร้ายว่า
"เขาจับหนู กดหนูค้างไว้แล้วลากหนูไปจนถึงจุดที่ต้องการ แตะปุ่มซ้ายของหนูอย่างรวดเร็วสองครั้ง จากนั้นแตะปุ่มขวาของหนู และคำรามออกมาอย่างไม่พอใจเมื่อรู้สึกว่าหนูตอบสนองช้าเกินไป..."
ไป ๆ มา ๆ มันจะพาลนึกถึงนิยาย 18+ นะครับ
คราวนี้สมมติว่าถ้าเราเปลี่ยนมาเรียกเมาส์ไร้สายว่าแฮมสเตอร์ ลองมาดูนิยายเรื่องเดิมนะครับ
คราวนี้สมมติว่าถ้าเราเปลี่ยนมาเรียกเมาส์ไร้สายว่าแฮมสเตอร์ ลองมาดูนิยายเรื่องเดิมนะครับ
"เขาจับแฮมสเตอร์ ลากแฮมสเตอร์ไปจนถึงจุดที่ต้องการ แตะปุ่มซ้ายของแฮมสเตอร์อย่างรวดเร็วสองครั้ง จากนั้นแตะปุ่มขวาของแฮมสเตอร์ และคำรามออกมาอย่างไม่พอใจเมื่อรู้สึกว่าแฮมสเตอร์ตอบสนองช้าเกินไป..."
แบบนี้อาจนึกถึงเรื่องการทรมานสัตว์นะครับ
สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าไม่ต้องไปเปลี่ยนชื่อมันหรอกนะครับ เพราะคำว่าเมาส์ตอนนี้ก็เป็นที่ยอมรับกันแล้วในอีกหนึ่งความหมาย คืออุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์นำข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ และจริง ๆ เราก็ไม่เคยเรียกสายเมาส์ว่าหางหนูอยู่แล้วจริงไหมครับ ดังนั้นผมว่าเมาส์ไร้สายก็ดีแล้วนะครับ
สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าไม่ต้องไปเปลี่ยนชื่อมันหรอกนะครับ เพราะคำว่าเมาส์ตอนนี้ก็เป็นที่ยอมรับกันแล้วในอีกหนึ่งความหมาย คืออุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์นำข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ และจริง ๆ เราก็ไม่เคยเรียกสายเมาส์ว่าหางหนูอยู่แล้วจริงไหมครับ ดังนั้นผมว่าเมาส์ไร้สายก็ดีแล้วนะครับ
วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ผมไม่เห็นด้วยกับการลงถนนประท้วง
วันศุกร์เวียนกลับมาอีกครั้งนะครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่หลายเรื่อง เลือกยากเหมือนกันครับว่าจะเขียนเรื่องอะไร ตอนแรกอยากเขียนถึงคุณสุเทพ วงศ์กำแหง นักร้องระดับตำนานของเมืองไทยที่เพิ่งเสียชีวิตไป แต่สุดท้ายตัดสินใจเขียนเรื่องการเมืองก่อนแล้วกัน ก่อนอื่นผมคิดว่าคนที่รู้จักผมทั้งทางส่วนตัวและโซเชียลจะรู้ว่าผมไม่ชอบพลเอกประยุทธ์เลย (จะเรียกคุณประยุทธ์ เดี๋ยวก็จะมีคนมาบอกว่าไม่สุภาพอีก) ในความเห็นส่วนตัวนี่คือนายกที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมติดตามการเมืองมา และที่มาในตอนแรกก็ยังมาจากการยึดอำนาจ และก็ทำทุกวิถีทางที่จะสืบทอดอำนาจต่อไป (ใครจะคิดว่าไม่จริง ก็ตามใจนะครับ) ที่น่ารำคาญที่สุดก็คือมักจะอ้างว่าเป็นบุญเป็นคุณเหลือเกินที่เขาเข้ามาเป็นนายก ประเทศมันจะล่มจมนะถ้าเขาไม่เข้ามา และก็ยังมีความหลงผิดว่าตัวเองนี่เป็นนายกที่เก่งที่สุด ทำอะไรก็ไม่เคยผิด โทษโน่นนี่นั่น อย่างเดียวที่ไม่โทษคือโทษตัวเอง แต่สุดท้ายเขาและพรรคพวกก็ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้ตามคาด และที่น่าเศร้าคือมีฝ่ายค้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นพรรคเพื่อไทยไม่ยอมร่วมโหวตด้วย และที่น่าเศร้ากว่าก็คือ รัฐมนตรีที่ได้ฉายาว่าสีเทา ก็ยังผ่านการอภิปราย โดยพรรคที่อ้างนักอ้างหนาว่าเกลียดการทุจริต เกลียดคนไม่ดี ก็ออกเสียงไว้วางใจให้เขาด้วย พรรคนี้ยังไงก็ไม่สามารถสร้างความหวังอะไรได้เลยครับ
แต่ผมก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นพลังของเด็กนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่ออกมารวมตัวกันส่งเสียงว่าจะทำอะไรก็เห็นหัวพวกเขาบ้าง แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มนะครับ ที่ยังคิดว่าเด็กพวกนี้ถูกชักจูงออกมา เป็นพวกถูกล้างสมอง บางคนก็หาว่าเป็นพวกทักษิณไปซะอีก ทั้ง ๆ ที่เด็กพวกนี้ไม่น่าจะทันยุคทักษิณด้วยซ้ำ และถ้าจะถูกล้างสมอง เด็กพวกนี้น่าจะถูกล้างสมองจากพวกพ่อแม่ที่มียังผีทักษิณฝังอยู่ในหัวมากกว่า คนที่ให้ความเห็นแบบนี้ส่วนใหญ่ก็พวกที่ประท้วง เขาให้เลือกตั้งก็ไม่ไปเลือก จนพลเอกประยุทธ์เข้ามายึดอำนาจ แล้วลากยาวมาจนถึงทุกวันนี้แหละครับ คนพวกนี้คงคิดว่ามีแต่พวกตัวเองที่ฉลาดซะเหลือเกิน รู้เท่าทันทักษิณและพวก ออกมาด้วยความรักชาติ แต่คนอื่นที่ออกมาเป็นพวกรับจ้าง โง่ ถูกล้างสมอง ถูกพวกล้มเจ้าหลอก น่าแปลกครับที่คนพวกนี้สามารถเข้าใจกลโกงอันแยบยลของทักษิณได้ทุกประการ แต่กลับมองไม่เห็นการกระทำที่มันเข้าใจง่ายกว่าอีกมากมายที่เกิดขึ้นมาตลอดในช่วง 5-6 ปีมานี้ คนพวกนี้มักจะอ้างว่าที่ออกมาไล่ยิ่งลักษณ์ เพราะโกง ออกพรบ.นิรโทษกรรมจะเอาทักษิณกลับบ้าน แล้วก็หยุดแค่นี้ โดยไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ต่อมาว่า ยิ่งลักษณ์ได้ยุบสภาให้ไปเลือกตั้งกันแล้ว ตัวยิ่งลักษณ์เองก็ถูกสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ไปแล้ว แต่คนพวกนี้ก็ยังไม่หยุด ไปพยายามป่วนทุกวิถีทาง จนการเลือกตั้งมันเป็นโมฆะ ทั้ง ๆ ที่ บอกว่าตัวเองเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ดันกลัวเลือกตั้งแล้วแพ้ ถึงตอนนี้พอเด็ก ๆ ออกมาแสดงพลังกันบ้างก็ไปด่าว่าพวกเขา
ยังไงก็ตามครับ ถึงผมจะดีใจที่ได้เห็นพลังของเด็ก ๆ แต่ผมอยากให้แค่แสดงพลังแบบนี้ก็พอแล้วครับ แสดงพลังกันในสถานที่ปิดแบบนี้ เอาให้แค่พอบอกพวกมีอำนาจว่าเห็นหัวพวกเราบ้าง อย่าเพิ่งลงถนนกัน เหตุผลที่ผมไม่อยากให้ลุกลามบานปลายไปจนถึงต้องลงถนนไล่กันก็คือ ความผิดพลาดของรัฐบาลนี้มันก็ยังไม่ชัดเจนพอที่จะไล่นะครับ ถึงแม้จะเป็นรัฐบาลที่ค่อนข้างด้อยประสิทธิภาพในแทบทุกด้านก็ตาม แต่มันก็คงไม่ใช่เหตุผลที่เราจะต้องไปขับไล่เขาอย่างเอาเป็นเอาตายนะครับ ในประเทศที่เจริญแล้ว เขาไล่รัฐบาลห่วย ๆ ด้วยการไม่เลือกเข้ามาอีกในครั้งต่อไปนะครับ อีกอย่างที่เราว่าเขาว่าเป็นเผด็จการ ในตอนนี้ถึงเราจะรู้สึกว่ามันเป็น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามาในระบบ ถึงจะเป็นระบบที่เขาออกแบบมาเอง และคนคุมกฎ (กกต.) ก็เป็นคนที่เขาคัดสรรมากับมือก็ตาม ดังนั้นออกมาแสดงพลังให้เขาแก้กฎให้มันยุติธรรมดีกว่าครับ แล้วก็ให้แก้กฎหมายในส่วนของการยุบพรรคโดยคนเก้าคน (ซึ่งบางคนนั่งยุบพรรคมานี่น่าจะเป็นพรรคที่สี่หรือห้าแล้ว) หรือไม่ก็ผลักดันให้ยกเลิกคนเก้าคนนี้ไปเลยก็ได้นะครับ รวมถึงคนคุมกฎด้วย
รัฐธรรมนูญที่ใช้กันอยู่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีคนส่วนใหญ่รับมัน ถึงแม้ในช่วงโหวตมันจะดูไม่ยุติธรรม เพราะมีการปิดปากไม่ให้วิจารณ์ข้อเสียของรัฐธรรมนูญนี้ แต่ข้อดีพูดได้หมด คนพูดว่าไม่รับออกสื่อนี่สุ่มเสี่ยงจะถูกจับไปปรับทัศนคติ ส่วนคนบอกว่ารับนี่พูดได้ตามสบาย นอกจากไม่ให้พูดแล้ว ยังส่งร่างไปให้คนรับไม่ทั่วถึงอีก และร่างฉบับสรุปก็ดูจะเอนเอียงไปแต่ข้อดีของรัฐธรรมนูญ พูดง่าย ๆ หลายคนโหวตรับไปโดยไม่ได้อ่าน หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจ มันจึงเกิดปรากฎการณ์ที่มีหลายคนเพิ่งรู้ว่าตัวเองโหวตรับอะไรแบบนี้ไปได้ยังไง แต่ยังไงก็ตามเสียงรับมันก็มากกว่าไม่รับ และทุกพรรคการเมืองก็ยอมลงเลือกตั้งกันตามกติกานี้ อ้อพูดถึงรัฐธรรมนูญมีคนชมนักชมหนาว่าปราบโกง คนโกงย้ายค่ายก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้นะ หรือแค่ย้ายค่ายก็ไม่โกงแล้ว
อีกอย่างที่พลเอกประยุทธ์ได้เป็นนายก ส่วนหนึ่งก็คงต้องบอกว่าเพราะพวกนักการเมืองด้วยนะครับ พวกนักการเมืองของพรรคที่ตอนหาเสียงบอกไม่เอาแล้วเปลี่ยนไปเข้าข้างสนับสนุนนี่แหละตัวดี อย่าลืมว่าถ้าไม่มีพรรคเหล่านี้ทำตรงข้ามกับที่หาเสียงเอาไว้ ต่อให้มีสว. 250 คน พลเอกประยุทธ์เต็มที่ก็เป็นนายกที่เป็นเสียงข้างน้อย นอกจากนี้ยังมีพวกสส.ปัดเศษทั้งหลายอีก คนพวกนี้ทำให้พลเอกประยุทธ์ถึงกับหลงตัวเองและเอาไปอ้างว่าเขาชนะเลือกตั้งโดยได้คะแนนเสียงเยอะกว่า เขาไม่ต้องใช้สว.ที่เขาตั้งมาเองก็ได้ ผมอยากให้จำคนและพรรคเหล่านี้ไว้ครับ ถ้าได้เลือกตั้งกันครั้งหน้า ช่วยกันตอบแทนให้มันสาสมเลยนะครับ
ถ้าถามว่าแล้วถ้าไม่ลงถนนแล้วจะต้องทนไปอย่างนี้หรือ ผมคงต้องตอบว่าใช่ครับ เพราะนี่คือระบอบประชาธิปไตย เราต้องรู้จักอดทนครับ อีกเต็มที่ 4 ปี เราก็จะได้เลือกตั้งใหม่ อย่าทำตัวแบบที่พวกกลัวแพ้เลือกตั้งทำมาจนทำประเทศไม่เดินหน้ามา 6-7 ปีกันเลยครับ อีกอย่างจากการติดตามการอภิปรายในสภาผมเห็นว่าคนที่ได้ทำหน้าที่อภิปรายจากพรรคที่มีคนเลือก 6.3 ล้าน และถูกยุบไปแล้ว ทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดีนะครับ ถ้าไม่เปลี่ยนอุดมการณ์ซะก่อนก็น่าจะพอฝากความหวังได้
ส่วนเพื่อไทยจากเหตุการณ์ที่มีการออกมาแฉการทำหน้าที่ของเพื่อไทย ถ้าเป็นจริงก็ถือว่าไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย ได้อำนาจมากี่ครั้งก็ทำตัวเองพังทุกครั้ง มาครั้งนี้เป็นฝ่ายค้านก็ยังไม่จริงใจกับการทำหน้าที่ แล้วมันก็ทำให้ตัวเลือกในครั้งหน้ามีน้อยลงไปอีก แต่ก็อย่างว่านะพรรคนี้เอาจริง ๆ มันก็ไม่ต่างจากประชาธิปัตย์ คือฝากความหวังอะไรไว้ไม่ได้เลย
กลับมาถึงการแสดงออกของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ผมหวังว่าพลังการแสดงออกครั้งนี้ น่าจะทำให้พวกที่มีอำนาจอยู่นี้ได้รู้สึกบ้าง และจงพยายามทำความเข้าใจซะด้วยว่า ที่เขาออกมาชุมนุมนี่มันไม่ใช่เพราะพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบอย่างเดียว แต่มันสะสมมา การยุบอนาคตใหม่อาจเป็นเพียงฟางเส้นสุดท้าย เขาเห็นว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมันมีความไม่ยุติธรรม แทบจะทุกขั้นตอน ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง ดังนั้นลองตั้งสติรับฟัง แล้วแก้กติกาการเลือกตั้งให้มันยุติธรรม ให้มันเป็นสากลเหมือนประเทศอื่นในโลก แก้กฎหมายเรื่องยุบพรรค หา กกต.ที่เป็นกลางจริง ๆ หาวิธีสรรหาตลก.ศาลรัฐธรรมนูญใหม่ หรือไม่ก็ยกเลิกมันไปเลย เวลามีปัญหาเรื่องต้องการตีความรัฐธรรมนูญ ก็คัดเลือกบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญจากหลายสาขามาถกกัน อย่างกรณียุบอนาคตใหม่นี่ ลองคิดดูเถอะเรื่องเดียวกัน แต่ตีความกันไปได้ไกลคนละทาง ผมว่ากฎหมายแบบนี้มันมีปัญหานะ และถ้ามันกว้างขวางแบบนี้ มันต้องใช้นักบัญชี นักกฎหมายมหาชน และอื่น ๆ มาช่วยกันถกไหม กรณียุบพรรคและตัดสิทธินี่มันเปรียบได้กับกฎหมายตัดหัวเจ็ดชั่วโคตรเลยนะ พวกตุลาการศาลแต่ละคนนี่รู้และเข้าใจทุกเรื่องจริง ๆ หรือเปล่า นอกจากนี้ยังมีพวกกสทช. ที่คอยปิดหูปิดตาประชาชนอีก พวกนี้ก็น่าจะสรรหาใหม่ หรือไม่ต้องมีมันไปเลยดีไหม
ถ้าแก้ประเด็นที่เป็นปัญหาแล้วแล้วก็ยุบสภาไปเลือกตั้งกัน ไม่ต้องแก้ประเด็นอื่นที่คิดว่ามันจะช่วยปราบโกงก็ได้ (เขียนตรงนี้ก็อยากอ้วกออกมา รัฐธรรมนูญปราบโกง คนโกงก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่เห็นจะทำอะไรมั) ผมอยากบอกถึงคนที่ไม่อยากแก้เพราะชอบอ้างว่ามันเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกงว่า ถ้ากติกาที่จะคัดคนเข้ามาในระบบมันยังไม่เที่ยงตรงมีปัญหาสารพัดอย่างแล้ว คือมันโกงมาตั้งแต่แรกแล้ว มันจะไปปราบโกงอะไรได้
สุดท้ายถึงแม้ถ้าก่อนเลือกตั้งยังแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ พวกเราก็รู้แล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มันเป็นยังไง กติกามันเป็นยังไง จะเลือกยังไงเพื่อไม่เปิดโอกาสให้พลเอกประยุทธ์กับพวกกลับมาอีกง่าย ๆ พรรคไหนที่บอกจะเอาพลเอกประยุทธ์เป็นนายกก็อย่าไปเลือก พรรคที่ทำตัวเป็นอีแอบตอนเลือกตั้งพูดอย่าง หลังเลือกตั้งทำอีกอย่างตอนนี้เราก็รู้แล้วก็อย่าเลือก แต่พูดถึงตรงนี้ก็ว้าเหว่นะครับ เพราะตัวเลือกมันเหลือน้อยจริง ๆ นะครับ เพื่อไทยก็ยังฝากความหวังไม่ได้เหมือนเดิม ก็คงต้องดูพรรคกล้า (ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเชื่อว่าจะดี) พรรคที่อนาคตใหม่เดิมจะตั้งขึ้น ก็ไม่รู้จะเจอวิบากกรรมอะไรอีก และประสบการณ์ก็น้อยมาก ๆ หรือพรรคอ.วันนอร์ (ซึ่งก็ดูจะเป็นพรรคในเชิงพื้นที่ซะมากกว่า) พรรคของเสรีก็จะฮาร์ดคอร์อย่างเดียว แต่ถึงตอนนั้นอาจจะมีพรรคที่โดดเด่นขึ้นมาก็ได้ครับ ต้องตั้งความหวังกัน
แต่ถ้าเลือกตั้งแล้วยังได้คนเดิมกลับเข้ามาก็คงต้องยอมรับและทำใจครับ เพราะมันอาจไม่มีตัวเลือกจริง ๆ หรืออาจเกิดจากการที่รัฐบาลนี้บริหารประเทศได้ดีขึ้นจริง ๆ ซึ่งเราควรจะเอาใจช่วยเขานะครับ เพราะถ้าเขายังคงทำได้แค่นี้อยู่ เราจะตายกันหมดประเทศจริง ๆ ในระบอบประชาธิปไตยเราไม่สามารถจะยอมรับเฉพาะตอนที่เราชนะได้ แต่ต้องยอมรับตอนที่เราแพ้ด้วย ประเทศเราที่มาถึงจุดนี้ เพราะคนที่ชนะเหลิงอำนาจ และคนที่แพ้ซ้ำซากหาทางเอาชนะในระบบไม่ได้ เลยหาวิธีลัดจนประเทศเดินมาถึงจุดนี้นี่แหละครับ
แต่ผมก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นพลังของเด็กนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่ออกมารวมตัวกันส่งเสียงว่าจะทำอะไรก็เห็นหัวพวกเขาบ้าง แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มนะครับ ที่ยังคิดว่าเด็กพวกนี้ถูกชักจูงออกมา เป็นพวกถูกล้างสมอง บางคนก็หาว่าเป็นพวกทักษิณไปซะอีก ทั้ง ๆ ที่เด็กพวกนี้ไม่น่าจะทันยุคทักษิณด้วยซ้ำ และถ้าจะถูกล้างสมอง เด็กพวกนี้น่าจะถูกล้างสมองจากพวกพ่อแม่ที่มียังผีทักษิณฝังอยู่ในหัวมากกว่า คนที่ให้ความเห็นแบบนี้ส่วนใหญ่ก็พวกที่ประท้วง เขาให้เลือกตั้งก็ไม่ไปเลือก จนพลเอกประยุทธ์เข้ามายึดอำนาจ แล้วลากยาวมาจนถึงทุกวันนี้แหละครับ คนพวกนี้คงคิดว่ามีแต่พวกตัวเองที่ฉลาดซะเหลือเกิน รู้เท่าทันทักษิณและพวก ออกมาด้วยความรักชาติ แต่คนอื่นที่ออกมาเป็นพวกรับจ้าง โง่ ถูกล้างสมอง ถูกพวกล้มเจ้าหลอก น่าแปลกครับที่คนพวกนี้สามารถเข้าใจกลโกงอันแยบยลของทักษิณได้ทุกประการ แต่กลับมองไม่เห็นการกระทำที่มันเข้าใจง่ายกว่าอีกมากมายที่เกิดขึ้นมาตลอดในช่วง 5-6 ปีมานี้ คนพวกนี้มักจะอ้างว่าที่ออกมาไล่ยิ่งลักษณ์ เพราะโกง ออกพรบ.นิรโทษกรรมจะเอาทักษิณกลับบ้าน แล้วก็หยุดแค่นี้ โดยไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ต่อมาว่า ยิ่งลักษณ์ได้ยุบสภาให้ไปเลือกตั้งกันแล้ว ตัวยิ่งลักษณ์เองก็ถูกสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ไปแล้ว แต่คนพวกนี้ก็ยังไม่หยุด ไปพยายามป่วนทุกวิถีทาง จนการเลือกตั้งมันเป็นโมฆะ ทั้ง ๆ ที่ บอกว่าตัวเองเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ดันกลัวเลือกตั้งแล้วแพ้ ถึงตอนนี้พอเด็ก ๆ ออกมาแสดงพลังกันบ้างก็ไปด่าว่าพวกเขา
ยังไงก็ตามครับ ถึงผมจะดีใจที่ได้เห็นพลังของเด็ก ๆ แต่ผมอยากให้แค่แสดงพลังแบบนี้ก็พอแล้วครับ แสดงพลังกันในสถานที่ปิดแบบนี้ เอาให้แค่พอบอกพวกมีอำนาจว่าเห็นหัวพวกเราบ้าง อย่าเพิ่งลงถนนกัน เหตุผลที่ผมไม่อยากให้ลุกลามบานปลายไปจนถึงต้องลงถนนไล่กันก็คือ ความผิดพลาดของรัฐบาลนี้มันก็ยังไม่ชัดเจนพอที่จะไล่นะครับ ถึงแม้จะเป็นรัฐบาลที่ค่อนข้างด้อยประสิทธิภาพในแทบทุกด้านก็ตาม แต่มันก็คงไม่ใช่เหตุผลที่เราจะต้องไปขับไล่เขาอย่างเอาเป็นเอาตายนะครับ ในประเทศที่เจริญแล้ว เขาไล่รัฐบาลห่วย ๆ ด้วยการไม่เลือกเข้ามาอีกในครั้งต่อไปนะครับ อีกอย่างที่เราว่าเขาว่าเป็นเผด็จการ ในตอนนี้ถึงเราจะรู้สึกว่ามันเป็น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามาในระบบ ถึงจะเป็นระบบที่เขาออกแบบมาเอง และคนคุมกฎ (กกต.) ก็เป็นคนที่เขาคัดสรรมากับมือก็ตาม ดังนั้นออกมาแสดงพลังให้เขาแก้กฎให้มันยุติธรรมดีกว่าครับ แล้วก็ให้แก้กฎหมายในส่วนของการยุบพรรคโดยคนเก้าคน (ซึ่งบางคนนั่งยุบพรรคมานี่น่าจะเป็นพรรคที่สี่หรือห้าแล้ว) หรือไม่ก็ผลักดันให้ยกเลิกคนเก้าคนนี้ไปเลยก็ได้นะครับ รวมถึงคนคุมกฎด้วย
รัฐธรรมนูญที่ใช้กันอยู่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีคนส่วนใหญ่รับมัน ถึงแม้ในช่วงโหวตมันจะดูไม่ยุติธรรม เพราะมีการปิดปากไม่ให้วิจารณ์ข้อเสียของรัฐธรรมนูญนี้ แต่ข้อดีพูดได้หมด คนพูดว่าไม่รับออกสื่อนี่สุ่มเสี่ยงจะถูกจับไปปรับทัศนคติ ส่วนคนบอกว่ารับนี่พูดได้ตามสบาย นอกจากไม่ให้พูดแล้ว ยังส่งร่างไปให้คนรับไม่ทั่วถึงอีก และร่างฉบับสรุปก็ดูจะเอนเอียงไปแต่ข้อดีของรัฐธรรมนูญ พูดง่าย ๆ หลายคนโหวตรับไปโดยไม่ได้อ่าน หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจ มันจึงเกิดปรากฎการณ์ที่มีหลายคนเพิ่งรู้ว่าตัวเองโหวตรับอะไรแบบนี้ไปได้ยังไง แต่ยังไงก็ตามเสียงรับมันก็มากกว่าไม่รับ และทุกพรรคการเมืองก็ยอมลงเลือกตั้งกันตามกติกานี้ อ้อพูดถึงรัฐธรรมนูญมีคนชมนักชมหนาว่าปราบโกง คนโกงย้ายค่ายก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้นะ หรือแค่ย้ายค่ายก็ไม่โกงแล้ว
อีกอย่างที่พลเอกประยุทธ์ได้เป็นนายก ส่วนหนึ่งก็คงต้องบอกว่าเพราะพวกนักการเมืองด้วยนะครับ พวกนักการเมืองของพรรคที่ตอนหาเสียงบอกไม่เอาแล้วเปลี่ยนไปเข้าข้างสนับสนุนนี่แหละตัวดี อย่าลืมว่าถ้าไม่มีพรรคเหล่านี้ทำตรงข้ามกับที่หาเสียงเอาไว้ ต่อให้มีสว. 250 คน พลเอกประยุทธ์เต็มที่ก็เป็นนายกที่เป็นเสียงข้างน้อย นอกจากนี้ยังมีพวกสส.ปัดเศษทั้งหลายอีก คนพวกนี้ทำให้พลเอกประยุทธ์ถึงกับหลงตัวเองและเอาไปอ้างว่าเขาชนะเลือกตั้งโดยได้คะแนนเสียงเยอะกว่า เขาไม่ต้องใช้สว.ที่เขาตั้งมาเองก็ได้ ผมอยากให้จำคนและพรรคเหล่านี้ไว้ครับ ถ้าได้เลือกตั้งกันครั้งหน้า ช่วยกันตอบแทนให้มันสาสมเลยนะครับ
ถ้าถามว่าแล้วถ้าไม่ลงถนนแล้วจะต้องทนไปอย่างนี้หรือ ผมคงต้องตอบว่าใช่ครับ เพราะนี่คือระบอบประชาธิปไตย เราต้องรู้จักอดทนครับ อีกเต็มที่ 4 ปี เราก็จะได้เลือกตั้งใหม่ อย่าทำตัวแบบที่พวกกลัวแพ้เลือกตั้งทำมาจนทำประเทศไม่เดินหน้ามา 6-7 ปีกันเลยครับ อีกอย่างจากการติดตามการอภิปรายในสภาผมเห็นว่าคนที่ได้ทำหน้าที่อภิปรายจากพรรคที่มีคนเลือก 6.3 ล้าน และถูกยุบไปแล้ว ทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดีนะครับ ถ้าไม่เปลี่ยนอุดมการณ์ซะก่อนก็น่าจะพอฝากความหวังได้
ส่วนเพื่อไทยจากเหตุการณ์ที่มีการออกมาแฉการทำหน้าที่ของเพื่อไทย ถ้าเป็นจริงก็ถือว่าไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย ได้อำนาจมากี่ครั้งก็ทำตัวเองพังทุกครั้ง มาครั้งนี้เป็นฝ่ายค้านก็ยังไม่จริงใจกับการทำหน้าที่ แล้วมันก็ทำให้ตัวเลือกในครั้งหน้ามีน้อยลงไปอีก แต่ก็อย่างว่านะพรรคนี้เอาจริง ๆ มันก็ไม่ต่างจากประชาธิปัตย์ คือฝากความหวังอะไรไว้ไม่ได้เลย
กลับมาถึงการแสดงออกของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ผมหวังว่าพลังการแสดงออกครั้งนี้ น่าจะทำให้พวกที่มีอำนาจอยู่นี้ได้รู้สึกบ้าง และจงพยายามทำความเข้าใจซะด้วยว่า ที่เขาออกมาชุมนุมนี่มันไม่ใช่เพราะพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบอย่างเดียว แต่มันสะสมมา การยุบอนาคตใหม่อาจเป็นเพียงฟางเส้นสุดท้าย เขาเห็นว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมันมีความไม่ยุติธรรม แทบจะทุกขั้นตอน ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง ดังนั้นลองตั้งสติรับฟัง แล้วแก้กติกาการเลือกตั้งให้มันยุติธรรม ให้มันเป็นสากลเหมือนประเทศอื่นในโลก แก้กฎหมายเรื่องยุบพรรค หา กกต.ที่เป็นกลางจริง ๆ หาวิธีสรรหาตลก.ศาลรัฐธรรมนูญใหม่ หรือไม่ก็ยกเลิกมันไปเลย เวลามีปัญหาเรื่องต้องการตีความรัฐธรรมนูญ ก็คัดเลือกบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญจากหลายสาขามาถกกัน อย่างกรณียุบอนาคตใหม่นี่ ลองคิดดูเถอะเรื่องเดียวกัน แต่ตีความกันไปได้ไกลคนละทาง ผมว่ากฎหมายแบบนี้มันมีปัญหานะ และถ้ามันกว้างขวางแบบนี้ มันต้องใช้นักบัญชี นักกฎหมายมหาชน และอื่น ๆ มาช่วยกันถกไหม กรณียุบพรรคและตัดสิทธินี่มันเปรียบได้กับกฎหมายตัดหัวเจ็ดชั่วโคตรเลยนะ พวกตุลาการศาลแต่ละคนนี่รู้และเข้าใจทุกเรื่องจริง ๆ หรือเปล่า นอกจากนี้ยังมีพวกกสทช. ที่คอยปิดหูปิดตาประชาชนอีก พวกนี้ก็น่าจะสรรหาใหม่ หรือไม่ต้องมีมันไปเลยดีไหม
ถ้าแก้ประเด็นที่เป็นปัญหาแล้วแล้วก็ยุบสภาไปเลือกตั้งกัน ไม่ต้องแก้ประเด็นอื่นที่คิดว่ามันจะช่วยปราบโกงก็ได้ (เขียนตรงนี้ก็อยากอ้วกออกมา รัฐธรรมนูญปราบโกง คนโกงก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่เห็นจะทำอะไรมั) ผมอยากบอกถึงคนที่ไม่อยากแก้เพราะชอบอ้างว่ามันเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกงว่า ถ้ากติกาที่จะคัดคนเข้ามาในระบบมันยังไม่เที่ยงตรงมีปัญหาสารพัดอย่างแล้ว คือมันโกงมาตั้งแต่แรกแล้ว มันจะไปปราบโกงอะไรได้
สุดท้ายถึงแม้ถ้าก่อนเลือกตั้งยังแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ พวกเราก็รู้แล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มันเป็นยังไง กติกามันเป็นยังไง จะเลือกยังไงเพื่อไม่เปิดโอกาสให้พลเอกประยุทธ์กับพวกกลับมาอีกง่าย ๆ พรรคไหนที่บอกจะเอาพลเอกประยุทธ์เป็นนายกก็อย่าไปเลือก พรรคที่ทำตัวเป็นอีแอบตอนเลือกตั้งพูดอย่าง หลังเลือกตั้งทำอีกอย่างตอนนี้เราก็รู้แล้วก็อย่าเลือก แต่พูดถึงตรงนี้ก็ว้าเหว่นะครับ เพราะตัวเลือกมันเหลือน้อยจริง ๆ นะครับ เพื่อไทยก็ยังฝากความหวังไม่ได้เหมือนเดิม ก็คงต้องดูพรรคกล้า (ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเชื่อว่าจะดี) พรรคที่อนาคตใหม่เดิมจะตั้งขึ้น ก็ไม่รู้จะเจอวิบากกรรมอะไรอีก และประสบการณ์ก็น้อยมาก ๆ หรือพรรคอ.วันนอร์ (ซึ่งก็ดูจะเป็นพรรคในเชิงพื้นที่ซะมากกว่า) พรรคของเสรีก็จะฮาร์ดคอร์อย่างเดียว แต่ถึงตอนนั้นอาจจะมีพรรคที่โดดเด่นขึ้นมาก็ได้ครับ ต้องตั้งความหวังกัน
แต่ถ้าเลือกตั้งแล้วยังได้คนเดิมกลับเข้ามาก็คงต้องยอมรับและทำใจครับ เพราะมันอาจไม่มีตัวเลือกจริง ๆ หรืออาจเกิดจากการที่รัฐบาลนี้บริหารประเทศได้ดีขึ้นจริง ๆ ซึ่งเราควรจะเอาใจช่วยเขานะครับ เพราะถ้าเขายังคงทำได้แค่นี้อยู่ เราจะตายกันหมดประเทศจริง ๆ ในระบอบประชาธิปไตยเราไม่สามารถจะยอมรับเฉพาะตอนที่เราชนะได้ แต่ต้องยอมรับตอนที่เราแพ้ด้วย ประเทศเราที่มาถึงจุดนี้ เพราะคนที่ชนะเหลิงอำนาจ และคนที่แพ้ซ้ำซากหาทางเอาชนะในระบบไม่ได้ เลยหาวิธีลัดจนประเทศเดินมาถึงจุดนี้นี่แหละครับ
วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
มุมมองส่วนตัวหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ
วันศุกร์นี้มีข่าวใหญ่อีกแล้วครับ สำหรับศุกร์นี้คือการตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งบอกตามตรงมันไม่ผิดจากความคาดหมายของผมหรอกนะครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะแสดงความเห็นบ้าง เพราะมันไม่ได้มีกฎหมายห้ามแตะศาลรัฐธรรมนูญเหมือนปัจจุบันนี้ ถึงแม้เขาจะบอกว่าวิจารณ์อย่างสุจริตได้ แต่บอกตามตรงผมไม่ไว้ใจกับการตีความของผู้คนในประเทศนี้ครับ ตราบใดที่คนหลายคนโดยเฉพาะพวกที่มีอำนาจอยู่ในมือ ยังแยกความแตกต่างระหว่างไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน กับไม่ยอมรับคำตัดสินไม่ได้ สามารถลากเอาการวิจารณ์รัฐบาล วิจารณ์ผู้นำกองทัพ ว่าเป็นพวกชังชาติ พวกหนักแผ่นดิน หรือการเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ เป็นการจะไม่ให้มีกองทัพ มันก็ยากที่จะพูดคุยกันต่อไป
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะอยู่ในประเทศนี้ในยุคนี้ น่าจะเป็นพยายามอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ หุบปาก ก้มหน้าก้มตาทำงานไป อ้ออาจแลกเงินเป็นสกุลต่างประเทศที่มีความมั่นคงไว้ด้วยก็คงดีนะครับ เพราะหลังจากก้มหน้าก้มตาทำงานไป ไม่สนใจอะไรพวกนี้แล้วเพราะมันสิ้นหวัง ถ้าเงยหน้ามาอีกทีเงินเรามีค่าเป็นกระดาษไปแล้ว เราจะได้ไม่ลำบากมาก หรือถ้าใครอายุยังน้อยอยู่ ยังมีเรี่ยวมีแรง และรู้สึกทนไม่ไหวลองย้ายไปอยู่ต่างประเทศสักพักก็ได้ครับ เก็บเงินจนคิดว่าจะกลับมาอยู่ประเทศนี้ได้โดยไม่เดือดร้อนไม่ว่ารัฐบาลมันจะเป็นยังไงค่อยกลับมาก็ได้ครับ
คราวนี้ผมอยากเสนอมุมมองส่วนตัวหลังจากกรณียุบพรรคอนาคตใหม่ครับ
1. ที่ผมเป็นห่วงคือคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะพวกที่เคยไปเลือกตั้งครั้งแรก และคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เลือกอนาคตใหม่ คนกลุ่มนี้อาจหันหลังให้การเมืองไปเลยก็ได้ เพราะเขาอาจไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมพรรคที่เขาเลือกโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ดูเหมือนจะมีข้อยกเว้นเต็มไปหมด
2. ผมยังยืนยันว่ากฎหมายยุบพรรคนี่เป็นเรื่องแย่มาก บางคนอาจคิดว่ามันเป็นยาแรง เพราะคนจะได้ไม่ทำผิด แต่ผมกลับมองว่ามันเหมือนพ่อไปค้ายา ลูกเมียไม่รู้เรื่อง แต่แทนที่จะตัดสินให้พ่อติดคุกคนเดียว แต่ดันตัดสินให้ทุกคนในบ้านติดคุกไปด้วย กรณีนี้ถ้ากรรมการบริหารทำผิดก็ลงโทษกรรมการไป หรือจริง ๆ ถ้าจะยุบพรรคมันก็ต้องเป็นคดีที่ร้ายแรงจริง ๆ อย่างพยายามล้มล้างการปกครอง ไอ้พรรคที่แพ้เลือกตั้งซ้ำซาก แล้วลากคนไปลงถนน ขัดขวางการเลือกตั้ง จนทหารเข้ามายึดอำนาจ แบบนั้นน่าจะโดนยุบมากกว่า
3. อนาคตการเมืองไทยต่อจากนี้น่าจะว้าเหว่ครับ เรามีนักการเมืองที่มีความคิดแบบเก่า ๆ ทำการเมืองแบบเก่า ๆ อยู่เต็มสภาไปหมด คุณภาพของสส.พลังประชารัฐก็เห็นกันอยู่ คนที่อยู่เพื่อไทยที่ด่า ๆ กันพลังประชารัฐก็อ้าแขนรับ แถมยังไม่ได้มีความคิดที่จะศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย หันไปดูเพื่อไทยก็เศร้าครับ นักการเมืองรุ่นเก่า ๆ ความคิดเก่า ๆ แทบทั้งนั้น คนที่มีประวัติไม่ดีก็ยังมีอยู่เยอะ ประชาธิปัตย์ไม่ต้องพูดถึง เมื่อก่อนก็แย่อยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก ส่วนพรรคกล้าที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ บอกตามตรงไม่ศรัทธาครับ ส่วนตัวคิดว่ากรณ์ก็ไม่ต่างอะไรกับอภิสิทธิ์ ยิ่งมีอรรถวิชด้วย บอกตามตรงยิ่งสิ้นหวัง ก็ขอให้คิดผิดแล้วกัน ส่วนพรรคอื่นไม่อยากพูดถึงครับ อย่างภูมิใจไทยพอให้จับงานใหญ่ก็ไม่ได้แสดงความมีประสิทธิภาพอะไร ยิ่งชาติไทยพัฒนาอะไรนี่พรรคตัวประกอบคอยเสียบเข้ากับฝ่ายชนะ ที่พูดนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพรรคอนาคตใหม่จะดีเลิศอะไรนะครับ พรรคนี้ก็มีจุดอ่อนอยู่เยอะ แต่ก็ดูพอที่จะเป็นทางเลือกได้ ถ้าให้โอกาสเขาได้ทำงานการเมืองสักพัก
4. อ.ปิยบุตรในช่วงถูกตัดสิทธิ์นี่ ถ้าจะกลับไปสอนหนังสือนี่คงต้องไปสอนต่างประเทศครับ เพราะหลักกฎหมายที่อ.เอามาพูดเอามาโต้แย้งมันดูจะไม่เข้ากับกฎหมายไทยนะครับ ประเทศนี้คงต้องให้อย่างวิษณุ หรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนสอน
5. อย่าได้คาดหวังว่าการตัดสินวันนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้มีการยุบพรรคอื่น ๆ ที่มีกรณีการกู้เงินเหมือนกันนะครับ เพราะคุณจะได้รับคำวินิจฉัย (ที่คุณห้ามแตะต้อง) ว่ามันไม่เหมือนกัน ดูกรณีเสียบบัตรแทนกันที่ผ่านมาเป็นตัวอย่างก็ได้ครับ
6. รัฐบาลนี้ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็คงอยู่ไปอีกนานละครับ ยิ่งฝ่ายค้านเหลือเสียงน้อยลงแบบนี้ และพรรคเพื่อไทยไม่น่าจะเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งอะไร ผมไม่เห็นด้วยที่จะไปลงถนนกันอีกแล้วนะครับ ก็หวังว่าเราจะได้ให้ระบอบประชาธิปไตยมันทำงานของมัน ถ้ารัฐบาลมันห่วยจริง ผมก็หวังว่าประชาชนจะเห็น และคงคิดได้ระหว่างกลัวแต่ทักษิณจะกลับมา กับประเทศดิ่งลงเหวเราจะเลือกอะไร
7. สุดท้ายผมอยากให้เราเอาใจช่วยรัฐบาลให้ประคองตัวให้ผ่านปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาไวรัส ปัญหาฝุ่น และปัญหาอื่น ๆ แบบไม่บอบช้ำเกินไปนะครับ ช่วยกันภาวนาให้มีคนในรัฐบาลนี้มีคนที่มีความคิดดี ๆ ก้าวหน้าในการแก้ปัญหาประเทศชาติกันบ้าง เพราะยังไงนี่มันก็ประเทศของเรา และถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมันก็กระทบกับเราซึ่งไม่ใช่คนรวย 0.01% ของประเทศนี้แน่ เพราะถ้ามันแย่มาก ๆ ต่อให้สุดท้ายได้คนเก่ง ๆ เข้ามา มันอาจจะสายเกินแก้ หรืออาจต้องใช้เวลาเหมือนกับทีมรักของผมคือลิเวอร์พูล ซึ่งแม้จะได้คนเก่งสุด ๆ อย่างเจอร์เกน คลอปป์มา ก็ต้องใช้เวลาตั้ง 4 ปี กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนตอนนี้
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะอยู่ในประเทศนี้ในยุคนี้ น่าจะเป็นพยายามอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ หุบปาก ก้มหน้าก้มตาทำงานไป อ้ออาจแลกเงินเป็นสกุลต่างประเทศที่มีความมั่นคงไว้ด้วยก็คงดีนะครับ เพราะหลังจากก้มหน้าก้มตาทำงานไป ไม่สนใจอะไรพวกนี้แล้วเพราะมันสิ้นหวัง ถ้าเงยหน้ามาอีกทีเงินเรามีค่าเป็นกระดาษไปแล้ว เราจะได้ไม่ลำบากมาก หรือถ้าใครอายุยังน้อยอยู่ ยังมีเรี่ยวมีแรง และรู้สึกทนไม่ไหวลองย้ายไปอยู่ต่างประเทศสักพักก็ได้ครับ เก็บเงินจนคิดว่าจะกลับมาอยู่ประเทศนี้ได้โดยไม่เดือดร้อนไม่ว่ารัฐบาลมันจะเป็นยังไงค่อยกลับมาก็ได้ครับ
คราวนี้ผมอยากเสนอมุมมองส่วนตัวหลังจากกรณียุบพรรคอนาคตใหม่ครับ
1. ที่ผมเป็นห่วงคือคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะพวกที่เคยไปเลือกตั้งครั้งแรก และคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เลือกอนาคตใหม่ คนกลุ่มนี้อาจหันหลังให้การเมืองไปเลยก็ได้ เพราะเขาอาจไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมพรรคที่เขาเลือกโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ดูเหมือนจะมีข้อยกเว้นเต็มไปหมด
2. ผมยังยืนยันว่ากฎหมายยุบพรรคนี่เป็นเรื่องแย่มาก บางคนอาจคิดว่ามันเป็นยาแรง เพราะคนจะได้ไม่ทำผิด แต่ผมกลับมองว่ามันเหมือนพ่อไปค้ายา ลูกเมียไม่รู้เรื่อง แต่แทนที่จะตัดสินให้พ่อติดคุกคนเดียว แต่ดันตัดสินให้ทุกคนในบ้านติดคุกไปด้วย กรณีนี้ถ้ากรรมการบริหารทำผิดก็ลงโทษกรรมการไป หรือจริง ๆ ถ้าจะยุบพรรคมันก็ต้องเป็นคดีที่ร้ายแรงจริง ๆ อย่างพยายามล้มล้างการปกครอง ไอ้พรรคที่แพ้เลือกตั้งซ้ำซาก แล้วลากคนไปลงถนน ขัดขวางการเลือกตั้ง จนทหารเข้ามายึดอำนาจ แบบนั้นน่าจะโดนยุบมากกว่า
3. อนาคตการเมืองไทยต่อจากนี้น่าจะว้าเหว่ครับ เรามีนักการเมืองที่มีความคิดแบบเก่า ๆ ทำการเมืองแบบเก่า ๆ อยู่เต็มสภาไปหมด คุณภาพของสส.พลังประชารัฐก็เห็นกันอยู่ คนที่อยู่เพื่อไทยที่ด่า ๆ กันพลังประชารัฐก็อ้าแขนรับ แถมยังไม่ได้มีความคิดที่จะศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย หันไปดูเพื่อไทยก็เศร้าครับ นักการเมืองรุ่นเก่า ๆ ความคิดเก่า ๆ แทบทั้งนั้น คนที่มีประวัติไม่ดีก็ยังมีอยู่เยอะ ประชาธิปัตย์ไม่ต้องพูดถึง เมื่อก่อนก็แย่อยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก ส่วนพรรคกล้าที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ บอกตามตรงไม่ศรัทธาครับ ส่วนตัวคิดว่ากรณ์ก็ไม่ต่างอะไรกับอภิสิทธิ์ ยิ่งมีอรรถวิชด้วย บอกตามตรงยิ่งสิ้นหวัง ก็ขอให้คิดผิดแล้วกัน ส่วนพรรคอื่นไม่อยากพูดถึงครับ อย่างภูมิใจไทยพอให้จับงานใหญ่ก็ไม่ได้แสดงความมีประสิทธิภาพอะไร ยิ่งชาติไทยพัฒนาอะไรนี่พรรคตัวประกอบคอยเสียบเข้ากับฝ่ายชนะ ที่พูดนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพรรคอนาคตใหม่จะดีเลิศอะไรนะครับ พรรคนี้ก็มีจุดอ่อนอยู่เยอะ แต่ก็ดูพอที่จะเป็นทางเลือกได้ ถ้าให้โอกาสเขาได้ทำงานการเมืองสักพัก
4. อ.ปิยบุตรในช่วงถูกตัดสิทธิ์นี่ ถ้าจะกลับไปสอนหนังสือนี่คงต้องไปสอนต่างประเทศครับ เพราะหลักกฎหมายที่อ.เอามาพูดเอามาโต้แย้งมันดูจะไม่เข้ากับกฎหมายไทยนะครับ ประเทศนี้คงต้องให้อย่างวิษณุ หรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนสอน
5. อย่าได้คาดหวังว่าการตัดสินวันนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้มีการยุบพรรคอื่น ๆ ที่มีกรณีการกู้เงินเหมือนกันนะครับ เพราะคุณจะได้รับคำวินิจฉัย (ที่คุณห้ามแตะต้อง) ว่ามันไม่เหมือนกัน ดูกรณีเสียบบัตรแทนกันที่ผ่านมาเป็นตัวอย่างก็ได้ครับ
6. รัฐบาลนี้ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็คงอยู่ไปอีกนานละครับ ยิ่งฝ่ายค้านเหลือเสียงน้อยลงแบบนี้ และพรรคเพื่อไทยไม่น่าจะเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งอะไร ผมไม่เห็นด้วยที่จะไปลงถนนกันอีกแล้วนะครับ ก็หวังว่าเราจะได้ให้ระบอบประชาธิปไตยมันทำงานของมัน ถ้ารัฐบาลมันห่วยจริง ผมก็หวังว่าประชาชนจะเห็น และคงคิดได้ระหว่างกลัวแต่ทักษิณจะกลับมา กับประเทศดิ่งลงเหวเราจะเลือกอะไร
7. สุดท้ายผมอยากให้เราเอาใจช่วยรัฐบาลให้ประคองตัวให้ผ่านปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาไวรัส ปัญหาฝุ่น และปัญหาอื่น ๆ แบบไม่บอบช้ำเกินไปนะครับ ช่วยกันภาวนาให้มีคนในรัฐบาลนี้มีคนที่มีความคิดดี ๆ ก้าวหน้าในการแก้ปัญหาประเทศชาติกันบ้าง เพราะยังไงนี่มันก็ประเทศของเรา และถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมันก็กระทบกับเราซึ่งไม่ใช่คนรวย 0.01% ของประเทศนี้แน่ เพราะถ้ามันแย่มาก ๆ ต่อให้สุดท้ายได้คนเก่ง ๆ เข้ามา มันอาจจะสายเกินแก้ หรืออาจต้องใช้เวลาเหมือนกับทีมรักของผมคือลิเวอร์พูล ซึ่งแม้จะได้คนเก่งสุด ๆ อย่างเจอร์เกน คลอปป์มา ก็ต้องใช้เวลาตั้ง 4 ปี กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนตอนนี้
วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
จากนี้ตราบนิรันดร์(ฉัน)รักเธอเสมอ
ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะเขียนมุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับกรณีกราดยิงที่โคราชเสียหน่อย แต่บังเอิญศุกร์นี้ตรงกับวันวาเลนไทน์พอดี เลยคิดว่าเขียนอะไรเบา ๆ เข้ากับบรรยากาศดีกว่า ส่วนเรื่องโคราชอาจจะสัปดาห์หน้าหรืออาจไม่เขียนแล้ว เพราะใครต่อใครก็คงพูดกันเยอะแล้ว
มาเรื่องวันนี้กันดีกว่าครับ ดูจากหัวข้อแล้วหลายคนอาจมีคำถามว่าอะไรเลี่ยนจัง คนที่รู้จักผมก็อาจจะถามว่าแก่ขนาดนี้จะมาเขียนเรื่องรักหวานแหววอะไรอีกเหรอ :) ไม่ใช่นะครับ วันนี้ผมจะมาเขียนถึงเพลงสองเพลง ซึ่งเป็นเพลงรักเข้ากับบรรยากาศวาเลนไทน์ เพลงหนึ่งเป็นเพลงสากล อีกเพลงเป็นเพลงไทย เพลงสากลก็คือเพลง Now and Forever ของ Richar Marx ซึ่งถ้าแปลเป็นไทยก็น่าจะได้ชื่อว่า จากนี้ตราบนิรันดร์ ส่วนเพลง(ฉัน)รักเธอเสมอเป็นเพลงไทยชื่อนี้เลยครับ
สำหรับเพลง Now and Forever น่าจะเป็นเพลงที่รู้จักกันดีนะครับ ที่ผมนึกถึงเพลงนี้ในวันนี้ เพราะมันเป็นเพลงที่อยู่ในวีดีโองานแต่งงานของผม 24 ปีมาแล้ว เรามาฟังเพลงกันก่อนนะครับ
ฟังทีไรก็เพราะนะครับ คราวนี้มาดูเนื้อเพลงกันนะครับ
Whenever I'm weary
เมื่อใดที่ฉันล้า
From the battles that rage in my head
จากเรื่องราวต่าง ๆ ที่วุ่นวายอยู่ในหัว
You make sense of madness
คุณสามารถแยกแยะความจริงออกจากความเพ้อเจ้อ
When my sanity hangs by a thread
ในวันที่สภาพจิตใจของฉันแขวนอยู่บนเส้นด้าย
I lose my way but still you seem to understand
แม้ฉันหลงทางแต่คุณก็ยังคงเข้าใจ
Now and forever
จากนี้ตราบนิรันดร์
I will be your man
ฉันจะเป็นคนของคุณ
Sometimes I just hold you
บางครั้งฉันได้กอดคุณไว้
Too caught up in me to see
แต่ก็จมอยู่กับตัวเองเสียจนมองไม่เห็นว่า
I'm holding a fortune
ฉันกำลังกอดสมบัติอันมีค่า
That heaven has given to me
ที่สวรรค์ได้ประทานมาให้
I'll try to show you each and every way I can
ฉันจะแสดงให้คุณเห็นในทุกโอกาสและในทุกวิถีทางที่ฉันสามารถทำได้ว่า
Now and forever
จากนี้ตราบนิรันดร์
I will be your man
ฉันจะเป็นคนของคุณ
Now I can rest my worries and always be sure
ถึงตอนนี้ฉันก็สามารถวางความกังวลต่าง ๆ ลงได้ และยังมั่นใจได้เสมอว่า
That I won't be alone anymore
ฉันจะไม่เดียวดายอีกต่อไป
If I'd only known you were there all the time
เพียงฉันได้รู้ว่าคุณอยู่กับฉันมาตลอด
All this time
มาจนถึงตอนนี้
Until the day the ocean doesn't touch the sand
จนถึงวันที่มหาสมุทรไม่พัดพามาบรรจบกับผืนทรายอีกต่อไป
Now and forever
จากนี้ตราบนิรันดร์
I will be your man
ฉันจะเป็นคนของคุณ
Now and forever
จากนี้ตราบนิรันดร์
I will be your man
ฉันจะเป็นคนของคุณ
จริง ๆ ผมตั้งใจจะเขียนถึงเพลงนี้เพลงเดียวแหละครับ แต่พอนั่งเขียนเนื้อเพลงประโยค
Until the day the ocean doesn't touch the sand
จนถึงวันที่มหาสมุทรไม่พัดพามาบรรจบกับผืนทรายอีกต่อไป
มันทำให้เพลงรักอีกเพลงหนึ่ง ที่เป็นเพลงไทย และผมคิดว่าเป็นเพลงที่มีเนื้อร้องที่ไพเราะมากที่สุดเพลงหนึ่ง นั่นคือเพลง(ฉัน)รักเธอเสมอ สำหรับชื่อเพลงเพลงนี้ผมไม่แน่ใจว่ามันมีคำว่าฉันด้วยไหมนะครับ เพราะเวอร์ชันที่หามาที่เป็นต้นฉบับชื่อเพลงไม่มีคำว่าฉัน แต่เวอร์ชันที่นักร้องรุ่นหลังเอามา cover ใหม่ มีคำว่าฉันด้วย สำหรับเพลงนี้แต่งโดยบรมครูเพลงของไทย เนื้อร้องโดยครูชาลี อินทรวิจิตร ทำนองโดยครูประสิทธ์ พยอมยงค์ และคนที่ร้องเป็นต้นฉบับน่าจะเป็นคุณสวลี ผกาพันธ์ ครับ รู้จักกันไหมครับนี่ไปฟังเพลงกันครับ
ส่วนเวอร์ชัน cover ที่ผมชอบที่สุดร้องโดยคุณศรัณยา ส่งเสริมสวัสดิ์ ครับ
ไม่ว่าเวอร์ชันไหนก็เพราะนะครับ และนี่คือเนื้อเพลงครับ
หากตราบใดสายนทียังรี่ไหล
สู่มหาชลาลัยกระแสสินธุ์
เกลียวคลื่นยังกระทบฝั่งดังอาจิณ
เป็นนิจสินตราบนั้นฉันรักเธอ
เช่นตะวันนั้นยังคงตรงต่อเวลา
แน่นอนนักรักท้องฟ้าสม่ำเสมอ
เช่นกับฉันมั่นคงตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ ชั่วนิจนิรันดร์
ประโยคที่ทำให้ผมเชื่อมโยงเพลง Now and Forever เข้ากับเพลงนี้คืออันนี้ครับ
Until the day the ocean doesn't touch the sand
เกลียวคลื่นยังกระทบฝั่งดังอาจิณ
ซึ่งผมว่ามันให้อารมณ์เดียวกันนะครับ
ก็หวังว่าจะมีความสุขกับเพลงรักเพราะ ๆ ในวันวาเลนไทน์นะครับ เอาเพลงมาให้ฟังสองสัปดาห์ติดแล้ว หรือผมควรเปลี่ยนหัวข้อจาก #ศรัณย์วันศุกร์ เป็น #ฟังเพลงกันวันศุกร์ ดีครับ :)
มาเรื่องวันนี้กันดีกว่าครับ ดูจากหัวข้อแล้วหลายคนอาจมีคำถามว่าอะไรเลี่ยนจัง คนที่รู้จักผมก็อาจจะถามว่าแก่ขนาดนี้จะมาเขียนเรื่องรักหวานแหววอะไรอีกเหรอ :) ไม่ใช่นะครับ วันนี้ผมจะมาเขียนถึงเพลงสองเพลง ซึ่งเป็นเพลงรักเข้ากับบรรยากาศวาเลนไทน์ เพลงหนึ่งเป็นเพลงสากล อีกเพลงเป็นเพลงไทย เพลงสากลก็คือเพลง Now and Forever ของ Richar Marx ซึ่งถ้าแปลเป็นไทยก็น่าจะได้ชื่อว่า จากนี้ตราบนิรันดร์ ส่วนเพลง(ฉัน)รักเธอเสมอเป็นเพลงไทยชื่อนี้เลยครับ
สำหรับเพลง Now and Forever น่าจะเป็นเพลงที่รู้จักกันดีนะครับ ที่ผมนึกถึงเพลงนี้ในวันนี้ เพราะมันเป็นเพลงที่อยู่ในวีดีโองานแต่งงานของผม 24 ปีมาแล้ว เรามาฟังเพลงกันก่อนนะครับ
ฟังทีไรก็เพราะนะครับ คราวนี้มาดูเนื้อเพลงกันนะครับ
Whenever I'm weary
เมื่อใดที่ฉันล้า
From the battles that rage in my head
จากเรื่องราวต่าง ๆ ที่วุ่นวายอยู่ในหัว
You make sense of madness
คุณสามารถแยกแยะความจริงออกจากความเพ้อเจ้อ
When my sanity hangs by a thread
ในวันที่สภาพจิตใจของฉันแขวนอยู่บนเส้นด้าย
I lose my way but still you seem to understand
แม้ฉันหลงทางแต่คุณก็ยังคงเข้าใจ
Now and forever
จากนี้ตราบนิรันดร์
I will be your man
ฉันจะเป็นคนของคุณ
Sometimes I just hold you
บางครั้งฉันได้กอดคุณไว้
Too caught up in me to see
แต่ก็จมอยู่กับตัวเองเสียจนมองไม่เห็นว่า
I'm holding a fortune
ฉันกำลังกอดสมบัติอันมีค่า
That heaven has given to me
ที่สวรรค์ได้ประทานมาให้
I'll try to show you each and every way I can
ฉันจะแสดงให้คุณเห็นในทุกโอกาสและในทุกวิถีทางที่ฉันสามารถทำได้ว่า
Now and forever
จากนี้ตราบนิรันดร์
I will be your man
ฉันจะเป็นคนของคุณ
Now I can rest my worries and always be sure
ถึงตอนนี้ฉันก็สามารถวางความกังวลต่าง ๆ ลงได้ และยังมั่นใจได้เสมอว่า
That I won't be alone anymore
ฉันจะไม่เดียวดายอีกต่อไป
If I'd only known you were there all the time
เพียงฉันได้รู้ว่าคุณอยู่กับฉันมาตลอด
All this time
มาจนถึงตอนนี้
Until the day the ocean doesn't touch the sand
จนถึงวันที่มหาสมุทรไม่พัดพามาบรรจบกับผืนทรายอีกต่อไป
Now and forever
จากนี้ตราบนิรันดร์
I will be your man
ฉันจะเป็นคนของคุณ
Now and forever
จากนี้ตราบนิรันดร์
I will be your man
ฉันจะเป็นคนของคุณ
จริง ๆ ผมตั้งใจจะเขียนถึงเพลงนี้เพลงเดียวแหละครับ แต่พอนั่งเขียนเนื้อเพลงประโยค
Until the day the ocean doesn't touch the sand
จนถึงวันที่มหาสมุทรไม่พัดพามาบรรจบกับผืนทรายอีกต่อไป
มันทำให้เพลงรักอีกเพลงหนึ่ง ที่เป็นเพลงไทย และผมคิดว่าเป็นเพลงที่มีเนื้อร้องที่ไพเราะมากที่สุดเพลงหนึ่ง นั่นคือเพลง(ฉัน)รักเธอเสมอ สำหรับชื่อเพลงเพลงนี้ผมไม่แน่ใจว่ามันมีคำว่าฉันด้วยไหมนะครับ เพราะเวอร์ชันที่หามาที่เป็นต้นฉบับชื่อเพลงไม่มีคำว่าฉัน แต่เวอร์ชันที่นักร้องรุ่นหลังเอามา cover ใหม่ มีคำว่าฉันด้วย สำหรับเพลงนี้แต่งโดยบรมครูเพลงของไทย เนื้อร้องโดยครูชาลี อินทรวิจิตร ทำนองโดยครูประสิทธ์ พยอมยงค์ และคนที่ร้องเป็นต้นฉบับน่าจะเป็นคุณสวลี ผกาพันธ์ ครับ รู้จักกันไหมครับนี่ไปฟังเพลงกันครับ
ส่วนเวอร์ชัน cover ที่ผมชอบที่สุดร้องโดยคุณศรัณยา ส่งเสริมสวัสดิ์ ครับ
ไม่ว่าเวอร์ชันไหนก็เพราะนะครับ และนี่คือเนื้อเพลงครับ
หากตราบใดสายนทียังรี่ไหล
สู่มหาชลาลัยกระแสสินธุ์
เกลียวคลื่นยังกระทบฝั่งดังอาจิณ
เป็นนิจสินตราบนั้นฉันรักเธอ
เช่นตะวันนั้นยังคงตรงต่อเวลา
แน่นอนนักรักท้องฟ้าสม่ำเสมอ
เช่นกับฉันมั่นคงตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ ชั่วนิจนิรันดร์
ประโยคที่ทำให้ผมเชื่อมโยงเพลง Now and Forever เข้ากับเพลงนี้คืออันนี้ครับ
Until the day the ocean doesn't touch the sand
เกลียวคลื่นยังกระทบฝั่งดังอาจิณ
ซึ่งผมว่ามันให้อารมณ์เดียวกันนะครับ
ก็หวังว่าจะมีความสุขกับเพลงรักเพราะ ๆ ในวันวาเลนไทน์นะครับ เอาเพลงมาให้ฟังสองสัปดาห์ติดแล้ว หรือผมควรเปลี่ยนหัวข้อจาก #ศรัณย์วันศุกร์ เป็น #ฟังเพลงกันวันศุกร์ ดีครับ :)
วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
เพลง Pretend
เคยไหมครับที่มันมีเพลง ๆ หนึ่งแว่บเข้ามาในหัว แล้วเหมือนเรากำจัดมันออกไปไม่ได้ ต้องฮัมเพลง ต้องร้องพลงนั้นอยู่ตลอด สิ่งนี้เกิดกับผมมาตลอดสัปดาห์นี้ครับ เพลงที่แว๋บเข้ามาในหัวผมคือ Pretend ของ Nat King Cole (รู้จักกันไหมครับ 55) ที่น่าประหลาดคือเพลงนี้จริง ๆ ไม่ใช่เพลงโปรดของผม เคยฟังตอนสมัยเด็ก ๆ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะจากแผ่นเสียงของพ่อ และก็เคยร้องเล่นในสมัยที่ยังเล่นกีตาร์อยู่ และในช่วงหลัง ๆ มานี้ก็แทบไม่ได้นึกถึงเพลงนี้เลย แต่เมื่อสักวันอาทิตย์หรือวันจันทร์ที่ผ่านมาเพลงนี้ก็เหมือนดังอยู่ในหัวผม ทั้งเนื้อร้อง ทั้งทำนองแจ่มชัดมาก แล้วก็อย่างที่บอก ทั้งร้องทั้งฮัมมาตลอดทั้งสัปดาห์ ก็เลยสงสัยว่าหรือเราจะต้องเขียนถึงเพลงนี้สักหน่อยแล้วมั้ง เราไปฟังเพลงกันก่อนแล้วกันนะครับ
เพราะดีนะครับ คราวนี้ลองไปดูเนื้อเพลงกัน
Pretend you're happy when you're blue
จงแสร้งทำว่าคุณมีสุข ในยามที่ทุกข์เหงาเศร้า
It isn't very hard to do มันไม่ยากที่จะทำหรอกนะ
And you'll find happiness without an end
และคุณก็จะพบกับความสุขแบบไม่รู้จบ
Whenever you pretend เมื่อไรก็ตามที่คุณแสร้งทำ
Remember anyone can dream
จงรู้ไว้นะว่าใคร ๆ ก็ฝันกันได้
And nothing's bad as it may seem
และมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิดกันหรอกนะ (การฝันน่ะ)
The little things you haven't got
สิ่งละอันพันละน้อยที่คุณไม่เคยมี
Could be a lot if you pretend
คุณก็จะมีมันได้มหาศาลเลยล่ะ ถ้าเพียงแต่คุณแสร้งทำ
You'll find a love you can share
คุณจะได้พบกับรักที่คุณมีส่วนร่วมกับมันได้
One you can call all your own
เป็นรักที่คุณจะเรียกร้องอะไรได้ทุกอย่าง
Just close your eyes, she'll be there
เพียงแต่หลับตาลง เธอก็จะอยู่ตรงนั้น
You'll never be alone
คุณจะไม่มีวันอยู่เดียวดายอีกต่อไป And if you sing this melody
และถ้าคุณร้องเพลงนี้อยู่ละก็
You'll be pretending just like me
คุณก็คงกำลังแสร้งทำอยู่เหมือนผมนี่แหละ
The world is mine, it can be yours, my friend
โลกที่เป็นของผม มันก็จะเป็นของคุณด้วย เพื่อนเอ๋ย
So why don't you pretend?
แล้วทำไมคุณถึงจะไม่แสร้งทำล่ะ
พอฟังเพลงหรืออ่านเนื้อเพลงแล้ว หลายคนอาจคิดว่าผมกำลังอกหักอยู่หรือเปล่า :) ต้องบอกว่าผมเลยวัยที่จะอกหักมานานแล้วครับ ชีวิตตอนนี้ก็มีความสุขดี แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเพลงนี้มันถึงผุดขึ้นมา ถ้าจะมีเรื่องต้องแสร้งทำก็คงต้องแปลงเพลงสักท่อนหนึ่งนะครับ
Just close your eyes, he (who will not be named) won't be there
เพียงแต่หลับตาลง อีตาลุง (คนที่คุณก็รู้ว่าใคร) ก็จะไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
แต่แหมถ้ามันเป็นจริงได้ ผมก็คิดว่าคงจะมีความสุขมากขึ้นครับ :)
วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563
เดือนแรกของปีหนู(ดุ)
สวัสดีครับ หลังจากสร้างนิสัยสรุปข่าวแชร์ข่าวได้แล้วหนึ่งอย่าง ก็เลยคิดว่าจะลองเขียนบล็อกเรื่องอะไรที่อยากเขียน เล่าเรื่องอะไรที่อยากเล่า โดยเล่าให้ฟังทุกวันศุกร์ที่เป็นวันทำงานวันสุดท้ายของสัปดาห์ก็เลยเป็นที่มาของบล็อกนี้ครับ
วันแรกของบล็อกในหัวข้อนี้ก็บังเอิญเป็นศุกร์สิ้นเดือนของเดือนแรกของปีนี้พอดี จะว่ามันเร็วก็เร็วนะครับ เพราะเหมือนกับเพิ่งฉลองปีใหม่ไปได้แป๊ปเดียว แต่เอาจริง ๆ แล้วมันมีอะไรเกิดขึ้นมากมายและเป็นเรื่องใหญ่ ๆ ทั้งนั้นที่เกิดขึ้นในเดือนนี้ เริ่มตั้งแต่กรณีอเมริกากับอิหร่าน ไฟป่าที่ออสเตรเลีย ฝุ่น PM (อย่าไปแปลเป็น Prime Minister นะครับ :) ) จนมาถึงโคโรนาไวรัส บางเรื่องก็ทำท่าว่าอาจจบได้แล้ว บางเรื่องก็อาจต้องดูผลกระทบต่อไป เพราะมันเริ่มกระจายไปทั่วโลกจน WHO ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน และเห็นคุณหมอบางท่านคนออกมาบอกว่าต่อไปมันก็จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ประจำฤดูกาลเหมือนกับโรคอย่างไข้หวัดใหญ่ ต่อไปก็คงต้องฉีดวัคซีนเพิ่มกันอีก (หรือเปล่า) นอกจากนี้เรื่องฝุ่น PM เรื่องไวรัสมันก็ทำให้ได้เห็นถึงความสามารถในการจัดการปัญหาและภาวะผู้นำของผู้นำประเทศได้เหมือนกันนะครับ ยิ่งไปกว่านั้นด้านเศรษฐกิจ ซึ่งหลายคนก็คาดว่าปีนี้จะเป็นปีเผาจริงแล้ว (สาธุขอให้เขาคาดผิดกัน) เจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าไป ก็ไม่รู้ว่ามันจะแย่มากขึ้นหรือเปล่า และยังไม่พอยังมีข่าวนักบาสชื่อดังระดับตำนาน ซึ่งเป็นคนที่ผมชื่นชอบคนหนึ่งคือโคบี้ ไบรอัน ยังเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกอีก หรือมันจะเป็นปีหนูดุจริง ๆ
พูดมาเหมือนมีแต่เรืองไม่ดี มาลองดูสิว่ามันมีเรื่องดี ๆ อะไรบ้าง เหมือนจะคิดไม่ออก แต่จริง ๆ ก็มีนะครับ อันแรกก็คือทีมฟุตบอลที่ผมเชียร์มาตั้งแต่เด็กคือลิเวอร์พูล ก็ยังโชว์ฟอร์มดีต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยชนะมาได้ทั้งหมดตลอดเดือนมกราคม และนำห่างที่สองถึง 19 แต้ม ตามปกติเดือนมกราคมจะเป็นเดือนที่ลิเวอร์พูลมักจะทำแต้มหล่นหาย (อันนี้อาจจะดีแค่กองเชียร์ลิเวอร์พูล แต่กองเขียร์ทีมอื่นอาจคิดว่ามันน่าจะจัดกลุ่มอยู่ในย่อหน้าบนก็ได้นะครับ :) ) ตัวเองก็ยังมีงานทำ ยังพอมีเงินใช้ สุขภาพก็ยังพอใช้ได้ ครอบครัวก็ยังอยู่กันพร้อมหน้า
ส่วนหนึ่งก็อยากภาวนาว่าปัญหาร้ายแรงทั้งหลายที่มันเกิดขึ้นมันจะเป็นของทั้งปี และได้เกิดหมดไปแล้วในเดือนนี้ และตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ (ซึ่งปีนี้มี 29 วันนะครับ :) ) หวังว่าจะมีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาและที่เขาคาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจที่มันจะเป็นปีเผาจริงก็ขอให้คาดผิด หรือมีเหตุการณ์อะไรเข้ามาช่วยเรา
แต่คิดว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าเราหันมาบริหารจัดการตัวเอง เช่นตอนนี้ผมก็เริ่มบอกตัวเองให้ประหยัดมากขึ้น อะไรที่อยากได้แต่ไม่จำเป็นก็พักไว้ก่อน ช่วงนี้ก็หลีกเลี่ยงการไปในที่ที่มีคนเยอะ ๆ ออกกำลังกายให้มากขึ้น พักผ่อนให้มากขึ้น และพัฒนาตัวเอง ในเมื่อเราไม่สามารถรู้โชคชะตาข้างหน้าได้ และอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาล ซึ่งก็ไม่ได้ดีไปกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาในอดีตเลย (เสียเวลาไปห้าหกปี กับคำพูดหรู ๆ ของนักการเมืองที่หลอกคนออกมาบนถนน บอกว่าจะปฏิรูปประเทศ แต่จริง ๆ ต้องการให้ทหารมายึดอำนาจ) ออกจะแย่กว่าด้วยซ้ำ และจริง ๆ แล้วเราก็ไม่ควรไปหวังพึ่งรัฐบาลไหนอยู่แล้ว (เพียงแต่ถ้ารัฐบาลเก่งและเราดูแลตัวเองผลมันอาจจะดีกว่ารัฐบาลแย่ ๆ )
ก็ขอส่งท้ายบล็อกนี้ว่า อัตาหิอัตโนนาโถ ตนนั้นแลเป็นที่พึ่งแห่งตน บริหารจัดการตัวเองกันดี ๆ ไม่ว่าหนูจะดุแค่ไหนเราก็น่าจะผ่านกันไปได้ (อาจจะทุลักทุเลหน่อย ภายใต้รัฐบาลแบบนี้)) และช่วยกันตั้งความหวังว่าสุดท้ายเราจะได้รัฐบาลเก่ง ๆ มีความสามารถมากกว่านี้มาช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤติต่าง ๆ ไปได้ไปอย่างสบายกว่านี้แล้วกันครับ สาธุ
วันแรกของบล็อกในหัวข้อนี้ก็บังเอิญเป็นศุกร์สิ้นเดือนของเดือนแรกของปีนี้พอดี จะว่ามันเร็วก็เร็วนะครับ เพราะเหมือนกับเพิ่งฉลองปีใหม่ไปได้แป๊ปเดียว แต่เอาจริง ๆ แล้วมันมีอะไรเกิดขึ้นมากมายและเป็นเรื่องใหญ่ ๆ ทั้งนั้นที่เกิดขึ้นในเดือนนี้ เริ่มตั้งแต่กรณีอเมริกากับอิหร่าน ไฟป่าที่ออสเตรเลีย ฝุ่น PM (อย่าไปแปลเป็น Prime Minister นะครับ :) ) จนมาถึงโคโรนาไวรัส บางเรื่องก็ทำท่าว่าอาจจบได้แล้ว บางเรื่องก็อาจต้องดูผลกระทบต่อไป เพราะมันเริ่มกระจายไปทั่วโลกจน WHO ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน และเห็นคุณหมอบางท่านคนออกมาบอกว่าต่อไปมันก็จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ประจำฤดูกาลเหมือนกับโรคอย่างไข้หวัดใหญ่ ต่อไปก็คงต้องฉีดวัคซีนเพิ่มกันอีก (หรือเปล่า) นอกจากนี้เรื่องฝุ่น PM เรื่องไวรัสมันก็ทำให้ได้เห็นถึงความสามารถในการจัดการปัญหาและภาวะผู้นำของผู้นำประเทศได้เหมือนกันนะครับ ยิ่งไปกว่านั้นด้านเศรษฐกิจ ซึ่งหลายคนก็คาดว่าปีนี้จะเป็นปีเผาจริงแล้ว (สาธุขอให้เขาคาดผิดกัน) เจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าไป ก็ไม่รู้ว่ามันจะแย่มากขึ้นหรือเปล่า และยังไม่พอยังมีข่าวนักบาสชื่อดังระดับตำนาน ซึ่งเป็นคนที่ผมชื่นชอบคนหนึ่งคือโคบี้ ไบรอัน ยังเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกอีก หรือมันจะเป็นปีหนูดุจริง ๆ
พูดมาเหมือนมีแต่เรืองไม่ดี มาลองดูสิว่ามันมีเรื่องดี ๆ อะไรบ้าง เหมือนจะคิดไม่ออก แต่จริง ๆ ก็มีนะครับ อันแรกก็คือทีมฟุตบอลที่ผมเชียร์มาตั้งแต่เด็กคือลิเวอร์พูล ก็ยังโชว์ฟอร์มดีต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยชนะมาได้ทั้งหมดตลอดเดือนมกราคม และนำห่างที่สองถึง 19 แต้ม ตามปกติเดือนมกราคมจะเป็นเดือนที่ลิเวอร์พูลมักจะทำแต้มหล่นหาย (อันนี้อาจจะดีแค่กองเชียร์ลิเวอร์พูล แต่กองเขียร์ทีมอื่นอาจคิดว่ามันน่าจะจัดกลุ่มอยู่ในย่อหน้าบนก็ได้นะครับ :) ) ตัวเองก็ยังมีงานทำ ยังพอมีเงินใช้ สุขภาพก็ยังพอใช้ได้ ครอบครัวก็ยังอยู่กันพร้อมหน้า
ส่วนหนึ่งก็อยากภาวนาว่าปัญหาร้ายแรงทั้งหลายที่มันเกิดขึ้นมันจะเป็นของทั้งปี และได้เกิดหมดไปแล้วในเดือนนี้ และตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ (ซึ่งปีนี้มี 29 วันนะครับ :) ) หวังว่าจะมีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาและที่เขาคาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจที่มันจะเป็นปีเผาจริงก็ขอให้คาดผิด หรือมีเหตุการณ์อะไรเข้ามาช่วยเรา
แต่คิดว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าเราหันมาบริหารจัดการตัวเอง เช่นตอนนี้ผมก็เริ่มบอกตัวเองให้ประหยัดมากขึ้น อะไรที่อยากได้แต่ไม่จำเป็นก็พักไว้ก่อน ช่วงนี้ก็หลีกเลี่ยงการไปในที่ที่มีคนเยอะ ๆ ออกกำลังกายให้มากขึ้น พักผ่อนให้มากขึ้น และพัฒนาตัวเอง ในเมื่อเราไม่สามารถรู้โชคชะตาข้างหน้าได้ และอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาล ซึ่งก็ไม่ได้ดีไปกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาในอดีตเลย (เสียเวลาไปห้าหกปี กับคำพูดหรู ๆ ของนักการเมืองที่หลอกคนออกมาบนถนน บอกว่าจะปฏิรูปประเทศ แต่จริง ๆ ต้องการให้ทหารมายึดอำนาจ) ออกจะแย่กว่าด้วยซ้ำ และจริง ๆ แล้วเราก็ไม่ควรไปหวังพึ่งรัฐบาลไหนอยู่แล้ว (เพียงแต่ถ้ารัฐบาลเก่งและเราดูแลตัวเองผลมันอาจจะดีกว่ารัฐบาลแย่ ๆ )
ก็ขอส่งท้ายบล็อกนี้ว่า อัตาหิอัตโนนาโถ ตนนั้นแลเป็นที่พึ่งแห่งตน บริหารจัดการตัวเองกันดี ๆ ไม่ว่าหนูจะดุแค่ไหนเราก็น่าจะผ่านกันไปได้ (อาจจะทุลักทุเลหน่อย ภายใต้รัฐบาลแบบนี้)) และช่วยกันตั้งความหวังว่าสุดท้ายเราจะได้รัฐบาลเก่ง ๆ มีความสามารถมากกว่านี้มาช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤติต่าง ๆ ไปได้ไปอย่างสบายกว่านี้แล้วกันครับ สาธุ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)