วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558

เรื่องสั้น:ศาลรัฐธรรมนูญกับ Hate Speech

บล็อกแรกของปีนี้ขอแต่งเรื่องสั้นให้อ่านสักเรืองหนึ่งนะครับ เรื่องสั้นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากข่าวนี้ http://news.voicetv.co.th/thailand/154995.html คือข่าวที่จะมีการบรรจุเรื่อง Hate Speech ซึ่งก็คือคำพูดหรือความเห็นที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังซึ่งกันและกันลงในรัฐธรรมนูญ โดยให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้กำหนดบรรทัดฐาน พออ่านข่าวปุ๊บผมก็ได้พล็อตเรื่องสั้นในหัวเลยครับ เลยจะลองเขียนมาให้อ่านกันเผื่อจะยึดเป็นอาชีพหลังเกษียณได้ ขอย้ำนะครับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นทั้งหมด ตัวละครที่ปรากฏอยู่ในเรื่องนี้มิได้มีความสัมพันธ์กับบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง

แนะนำตัวละคร
นายเหลือง: ผู้นำกลุ่มการเมืองที่เกลียดอีปูวและครอบครัวเป็นอย่างมาก
นายแดง: ผู้นำกลุ่มการเมืองที่รักชอบอีปูวและครอบครัว และเกลียดนายมากเป็นอย่างยิ่ง
อีปูว: นักการเมืองหญิงที่นายเหลืองเกลียดชังเป็นอย่างมาก
นายมาก: นักการเมืองขั้วตรงข้ามกับอีปูว ซึ่งนายแดงเกลียดเป็นอย่างมาก นายเหลืองก็ไม่ได้ชอบนายมากเท่าไร แต่ก็ยังเกลียดน้อยกว่าอีปูว
ศาล1 และศาล2: ตัวแทนของ ตลก. ศาลรัฐธรรมนูญแห่งประเทศสารขัณฑ์

เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศสารขัณฑ์ หลังจากที่ประชาชนชาวสารขัณฑ์ได้ลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับริดรอนสิทธิ โดยให้คนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งมีสิทธิเหนือกว่าคนที่มาจากการเลือกตั้ง และเรื่อง Hate Speech ก็ถูกบรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย โดยมอบให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ดูแลเรื่อง Hate Speech นี้ การที่ชาวสารขัณฑ์จำเป็นต้องรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็เพราะเริ่มเบื่อหน่ายกับการฟังเพลงจำได้ไหม... หลังหกโมงเย็นเกือบทุกวัน และต้องฟังท่านผู้นำทุกสองทุ่มวันศุกร์ ถ้าไม่รับรัฐธรรมนูญท่านผู้นำก็จะอยู่ต่อไป ก็เลยออกไปลงมติรับรัฐธรรมนูญกัน

เรื่องนี้เริ่มจากนายเหลืองได้โพสต์ข้อความลงในเครือข่ายสังคมที่เป็นที่นิยมในประเทศสารขัณฑ์ได้แก่ FeetBook ว่า "อีปูว อีโง่" และนายแดงได้เห็นข้อความนี้จึงได้นำเรื่องไปยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในประเด็น Hate Speech โดยได้กล่าวหานายเหลืองว่าได้โพสต์ข้อความที่แสดงความกลียดชังต่ออีปูว และจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในชาติ ศาลรัฐธรรมนูญจึงได้เรียกนายแดงมาไต่สวน

ศาล1: "ศาลคิดว่าเรื่องที่โจทย์ยื่นมาน่าจะหมดอายุความแล้วนะ"
นายแดง: "ยังไม่หมดมั้งครับ เขาโพสต์เมื่อวานวันนี้ผมก็ยื่นเลย"
ศาล1: "เออจริง ขอโทษทีศาลดูปฏิทินผิดไป"
ศาล2: "ทำไมโจทย์ถึงรีบยื่นฟ้องจัง ทำไมไม่รอให้ถนนลูกรังในประเทศหมดไปก่อนล่ะ"
นายแดง: ????
ศาล1: "คงไม่เกี่ยวกับถนนลูกรังมั้งครับท่าน มันคนละคดีกัน คดีนั้นมันรถไฟความเร็วสูง"
ศาล2: "เออจริง ผมเผลอไป เอาอย่างนี้ศาลขอรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาสัก 6 เดือนนะ มันเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้เวลาพิจารณา"

6 เดือนผ่านไป ถึงวันพิพากษา

ศาล1: "โจทย์และจำเลยรับฟังคำพิพากษา หลังจากที่ได้พิจารณาอย่างกว้างขวางมา 6 เดือน โดยศาลได้สอบถามจากภรรยา และลูกสาวของศาลได้ความว่าในหนังซีรีย์ต่างประเทศการใช้คำว่าโง่นั้นไม่ได้มีความหมายเป็นคำด่า แต่เป็นคำเรียกกันด้วยความเอ็นดูเช่นเด็กโง่เอ๊ย หรือรักนะเด็กโง่เป็นต้น ดังนั้นการที่นายเหลืองโพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ FeetBook ว่าอีปูว อีโง่นั้นจึงเป็นการเรียกอีปูวด้วยความเอ็นดูไม่ใช่การใช้ Hate Speech แต่อย่างใด ดังนั้นพิพากษายกฟ้อง"

หลังจากนั้นนายแดงจึงไปโพสต์ข้อความใน FeetBook ว่า "นายมาก ไอ้โง่" เมื่อนายเหลืองเห็นข้อความดังกล่าวจึงไปบื่นฟ้องศาลรัฐธรรมนูญด้วยข้อหาเดียวกัน

นายแดง: "แกจะไปยื่นฟ้องฉันทำไม ศาลก็เพิ่งตัดสินมาว่าคำว่าโง่เป็นการเรียกด้วยความเอ็นดู"
นายเหลือง: "แกคอยดูก็แล้วกัน"

ซึ่งเมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื่องก็รีบดำเนินการทันที เนื่องจากมีความเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ซึ่งอาจสร้างความขัดแย้งในชาติได้ โดยได้นัดกันประชุมตอนเช้าและรีบเขียนคำพิพากษาให้เสร็จในตอนบ่าย ซึ่งคำพิพากษามีดังนี้

ศาล1: "ศาลพิเคราะห์จากคำฟ้อง และดูจากละครไทยที่ตัวละครมักจะด่ากันด้วยคำว่าโง่ ดังนั้นคำว่าโง่จึงมีความหมายทำให้ผู้ที่ถูกด่าและผู้ที่สนับสนุนเกิดความไม่พอใจ จนอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในชาติ ดังนั้นการที่นายแดงไปโพสต์ข้อความในเครือข่ายสังคมอย่าง FeetBook ว่านายมาก ไอ้โง่ จึงเข้าข่ายการใช้ Hate Speech สร้างความขัดแย้งในชาติ พิพากษาให้นายแดงมีความผิดต้องประหารชีวิต หวังเฉา หม่าฮั่น เตรียมเครื่องประหารหัวสุนัข"

อ้าวไปกันใหญ่แล้ว ทำไมมาจบที่ศาลไคฟงได้ สงสัยเราคงหากินทางนักเขียนไม่ได้จริง ๆ แฮะ จบตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ...