วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

มุมุมองของผมจากเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2553

จริง ๆ เรื่องน้ำท่วมนี้มีอะไรอยู่ในใจผมและตั้งใจว่าจะเขียนนานแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เขียนสักที จนตอนนี้พอจะมีเวลาบ้างก็ขอเขียนเลยแล้วกัน เพราะถ้าไม่เขียนตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เขียนเมื่อไหร่ สำหรับเหตุูการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ก็มีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป เอาสิ่งที่ดีก่อนแล้วกันสิ่งดีประการแรกก็คือผมยังเห็นว่าคนไทยยังรักกันครับ เราพร้อมที่จะช่วยเหลือกันเมื่อยามเดือดร้อนไม่ต้องคิดว่าใครเป็นสีไหน และหลังจากเหตุการณ์นี้ผมก็หวังว่าเราจะไม่ยอมให้พวกนักการเมืองหรือผู้ที่ต้องการครองอำนาจในบ้านเมืองมาชักนำให้พวกเราต้องมาแบ่งสีกันอีกนะครับ ผมมองเห็นการทำงานที่แข็งขันของภาคประชาชน การใช้เครือข่ายสังคมให้เกิดประโยชน์ ผมรู้สึกว่าประเทศเรายังมีความหวัง และขอขอบคุณอาสาสมัครทุกคนด้วยใจจริงครับ อีกสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกดีแต่อาจจะเป็นส่วนตัวสักเล็กน้อยนะครับก็คือลูก ๆ ของผมทั้งสองคนซึ่งยังไม่โตมากนัก แต่เขาก็มีความรู้สึกและพร้อมที่จะช่วยเหลือด้วย คือเมื่อวันเสาร์ (23 ต.ค. 2553) ที่ผ่านมา ผมและลูกได้ดูรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมไป และผมก็ได้พูดเปรย ๆ ว่า "คราวนี้น้ำท่วมหนัก สงสัยที่บริจาคไปแล้วจะน้อยไปพ่อจะไปบริจาคเงินช่วยเพิ่มเติม" ลูกของผมทั้งสองคนได้ยินอย่างนั้น ก็เดินไปเปิดกระเป๋าเงินของเขาและหยิบเงินออกมาคนละพัน บอกว่าเงินนี้คุณยายให้มาให้เขาเอาไว้ใช้ตอนเปิดเทอมให้ผมเอาเงินนี้ไปบริจาคด้วย ซึ่งทำให้ผมรู้สึกปลื้มใจมาก

ส่วนสิ่งที่ผมมองว่ายังไม่ดีประการแรกก็คือการทำงานของรัฐบาลนี่แหละครับ รัฐบาลไม่ได้แสดงถึงความสามารถในการจัดการสถานการณ์วิกฤตเลย มันทำให้เห็นว่าตอนนี้การทำงานของภาครัฐนั้นล้าหลังภาคประชาชนไปมาก ผมว่าบล็อก ถ้าฉันเป็นนายกฯ ในประเทศที่กำลังมีน้ำท่วมหนัก เขียนสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลได้ดีมาก ก็ลองไปอ่านกันดูแล้วกันครับ ผมคงไม่เพิ่มเติมอะไรเพราะผมว่าบล็อกดังกล่าวได้สะท้อนสิ่งที่น่าจะอยู่ในใจของหลาย ๆ คนออกมาอยู่แล้ว

อีกจุดหนึ่งก็คือพวกส.ส.ทั้งหลายครับ ตอนนี้พวกคุณทำอะไรกันอยู่บ้างครับ ผมไม่เห็นบทบาทที่โดดเด่นของพวกคุณในสถานการณ์นี้เลยครับ ตกลงพวกคุณยังมีตัวตนอยู่ไหม จริง ๆ มันไม่สำคัญว่าคุณจะเป็น ส.ส. ฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ตอนนี้ประชาชนที่เขาเลือกพวกคุณมากำลังเดือดร้อน คุณได้ทำอะไรเพื่อช่วยเหลือพวกเขาบ้าง คุณเลิกทะเลาะเบาะแว้งทางการเมืองสักพักได้ไหม หรือจะตามสนใจแต่เรื่องคลิปจะยุบพรรคหรือไม่ยุบพรรค ก็ไม่ได้บอกว่าไม่สำคัญ แต่ตอนนี้ผมว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องรองนะครับ ส.ส. ฝ่ายค้านกับรัฐบาลลองทำเหมือนภาคประชาชนดูไหมครับ ลองหันมาจับมือกันเพื่อช่วยประชาชนให้ผ่านความทุกข์ยากครั้งนี้ไปให้ได้ แล้วเรื่องอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง

สุดท้ายก็คือเรื่องการแก้ปัญหาระยะยาวครับ ลองถามตัวเองครับว่าประเทศของเราเกิดเหตูการณ์แล้ง-น้ำท่วมแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว ต้นปีก็ปัญหาภัยแล้ง พอกลางปีถึงปลายปีก็มีปัญหาน้ำท่วม ผมคงไม่สามารถให้ความเห็นที่ดีได้ในเรื่องวิธีแก้ปัญหาเพราะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ แต่คำถามก็คือประเทศเราไม่มีใครที่จะแก้ปัญหานี้ได้เลยหรือครับ หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงไม่สามารถทำอะไรได้ดีกว่านี้หรือครับ เท่าที่ผมฟังมาวิธีการหนึ่งที่อาจจะบรรเทาปัญหานี้ได้ก็คือการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น แต่ก็ถูกคัดค้านจาก NGO ซึ่งผมมองว่าถ้ามันแก้ได้จริง ๆ ก็น่าจะต้องทำนะครับ ก็ขอฝากรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องไว้ด้วยแล้วกันในเรื่องการแก้ปัญหาระยะยาว

นั่นคือบางสิ่งที่อยู่ในใจผมจากสถานการณ์นี้ สำหรับท่านใดมีความเห็นอื่นใดต้องการจะมาแบ่งปันกันก็ยินดีครับ อ้อขอให้ลิงก์ไปยังเว็บที่ถือว่าเป็นศูนย์ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำท่วมครั้งนี้ไว้ด้วยนะครับ เผื่อใครยังไม่ทราบ และต้องการข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ http://www.thaiflood.com/

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

PhoneTouch

มีการสร้างต้นแบบของอุปกรณ์แบบ Microsoft's Surface โดยใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สัมผัสจอภาพครับ โดยประโยชน์ของการใช้มือถือเป็นตัวสัมผัสนี้ก็คือจะเป็นการยืนยันตัวผู้ใช้งานผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และยังสามารถถ่ายโอนข้อมูลระหว่างมือถือกับอุปกรณ์อีกด้วย ระบบต้นแบบนี้เขาเรียกว่า PhoneTouch ครับ

ตกลงมือถือนี่เป็นอุปกรณ์สารพัดประโยชน์เลยนะครับ ทำได้ทุกอย่างจริง ๆ

ที่มา: Technology Review

สอนให้คอมพิวเตอร์เรียนด้วยตัวเอง

นักวิจัยจาก Carnegie Mellon University (CMU)ได้พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า Never-Ending Language Learning (NELL) โดยนักวิจัยได้ป้อนความรู้พื้นฐานให้กับ NELL จากนั้นก็ให้มันอ่านข้อมูลจากเว็บและเรียนด้วยตัวเอง ปัจจุบันนี้ NELL อ่านหน้าเว็บไปแล้วเป็นล้าน ๆ หน้า เพื่อหาแบบรูปของข้อความ (text pattern) เพื่อนำมาเก็บเป็นข้อมูล โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาจัดกลุ่มเช่น ชื่อเมือง ชื่อบริษัท ทีมกีฬา เป็นต้น ตัวอย่างของการเก็บข้อมูลก็เช่นกรุงเทพเป็นชื่อเมือง ดอกทานตะวันเป็นดอกไม้ และ NELL ก็ยังสามารถเรียนรู้ความสัมพันธ์ของข้อมูลระหว่างกลุ่มได้ จากข่าวเขายกตัวอย่างว่า NELL สามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง Peyton Manning กับทีมเอมริกันฟุตบอล Indianapolis Colt ได้ว่า Peyton Manning เป็นผู้เล่นของ Indianapolis Colt โดยมันไม่เคยอ่านข้อมูลนี้มาก่อน

เอาละ่ครับ ตอนนี้คอมพิวเตอร์ก็สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองแล้ว เราเป็นคนก็อย่าให้อายคอมพิวเตอร์นะครับ

ที่มา: The New York Times

ระบบไฟจราจรอัจฉริยะ

วันศุกร์นี้มีเรื่องข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการจราจรโดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ ๆ มาเล่าให้ฟังกันครับ คือได้มีการวิจัยระบบไฟจราจรแบบใหม่แทนแบบตั้งเวลา ซึ่งมักจะตั้งเวลาคงที่ไว้ว่าจะปล่อยรถฝั่งไหนนานเท่าใด มาเป็นระบบที่ฉลาดมากขึ้นโดยระบบนี้จะใช้การคำนวณจากปริมาณรถว่าควรจะให้ไฟเขียวกับฝั่งไหน ซึ่งนักวิจัยบอกว่าระบบนี้น่าจะลดความคับคั่งลงได้ร้อยละ 30 และแน่นอนครับการที่จะให้สัญญาณไฟตามแยกต่าง ๆ ทำงานไปโดยลำพังก็อาจจะเกิดความสับสนได้ พูดง่าย ๆ ก็คือปล่อยรถไม่ประสานจังหวะกันแบบที่จรารจรเมือง...ชอบทำ ดังนั้นนักวิจัยจึงได้เสนอระบบควบคุมซึ่งจะประสานการทำงานระหว่างไฟแดงตามแยกต่าง ๆ ด้วย

แหมอ่านจบแล้วอยากให้ระบบนี้สำเร็จและใช้ได้เร็ว ๆ เลยครับ

ที่มา: Network World

วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การเขียนโปรแกรมแบบมัลติคอร์กำลังจะลงสู่อุปกรณ์แบบโมบาล์ยแล้ว

มีการคาดการณ์ว่าในปีหน้าจะเริ่มมีการผลิตชิปแบบมัลติคอร์สำหรับอุปกรณ์โมบาล์ย ดังนั้นเพื่อที่จะให้ซอฟต์แวร์สามารถใช้ความสามารถของฮาร์แวร์ได้เต็มที่ นักเขียนโปรแกรมก็จะต้องเขียนโปรแกรมกันใหม่เพื่อใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ให้มากที่สุด แต่ปัญหาก็คือปัญหาเดิม ๆ ซึ่งเคยเกิดกับบนเครื่องพีซีมาแล้วก็คือนักเขียนโปรแกรมส่วนใหญ่ยังคงเคยชินกับการเขียนโปรแกรมแบบเรียงลำดับไม่ใช่การเขียนโปรแกรมแบบขนาน ในบทความบอกว่าระบบปฏิบัติการอย่างแอนดรอยนั้นพร้อมรองรับซีพียูคู่ (dual-CPU) ในระดับระับบปฏิบัติการแล้ว ก็อาจจะช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ในการพัฒนาโปรแกรมนั้นยิ่งมีคอร์มากก็จะยิ่งมีความยุ่งยากในการเขียนโปรแกรมมากขึ้น ดังนั้นก็อย่างที่ผมเคยเขียนบล็อกเอาไว้เมื่อสองปีที่แล้วในเรื่อง การเขียนโปรแกรมแบบเรียงลำดับกำลังจะตาย ว่าถึงเวลาพวกเราควรจะหันมาสนใจการเขียนโปรแกรมแบบขนานกันได้แล้วนะครับ

ที่มา: Computerworld

ใช้เครือข่ายสังคมเพื่อแก้ปัญหาโรคนอนไม่หลับ

นักวิจัยจาก Lincoln University กำลังทำวิจัยที่จะนำเครือข่ายสังคมยอดนิยมอย่าง Twitter และ Facebook มารักษาโรคนอนไม่หลับ โดยในปัจจุบันเขามีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า computer-based cognitive behavioral therapy (CBT) อยู่แล้ว เพียงแต่โปรแกรมดังกล่าวไม่ได้ดึงดูดให้คนไข้เข้ามาใช้เป็นประจำเหมือน Twitter และ Facebook ดังนั้นถ้ามีการพัฒนาโปรแกรมในลักษณะที่เป็นเกมให้เล่นผ่านเครือข่ายสังคมดังกล่าวจะทำให้การรักษาโรคได้ผลดีขึ้น

ที่มา: BBC News