วันศุกร์เวียนกลับมาอีกครั้งนะครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่หลายเรื่อง เลือกยากเหมือนกันครับว่าจะเขียนเรื่องอะไร ตอนแรกอยากเขียนถึงคุณสุเทพ วงศ์กำแหง นักร้องระดับตำนานของเมืองไทยที่เพิ่งเสียชีวิตไป แต่สุดท้ายตัดสินใจเขียนเรื่องการเมืองก่อนแล้วกัน ก่อนอื่นผมคิดว่าคนที่รู้จักผมทั้งทางส่วนตัวและโซเชียลจะรู้ว่าผมไม่ชอบพลเอกประยุทธ์เลย (จะเรียกคุณประยุทธ์ เดี๋ยวก็จะมีคนมาบอกว่าไม่สุภาพอีก) ในความเห็นส่วนตัวนี่คือนายกที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมติดตามการเมืองมา และที่มาในตอนแรกก็ยังมาจากการยึดอำนาจ และก็ทำทุกวิถีทางที่จะสืบทอดอำนาจต่อไป (ใครจะคิดว่าไม่จริง ก็ตามใจนะครับ) ที่น่ารำคาญที่สุดก็คือมักจะอ้างว่าเป็นบุญเป็นคุณเหลือเกินที่เขาเข้ามาเป็นนายก ประเทศมันจะล่มจมนะถ้าเขาไม่เข้ามา และก็ยังมีความหลงผิดว่าตัวเองนี่เป็นนายกที่เก่งที่สุด ทำอะไรก็ไม่เคยผิด โทษโน่นนี่นั่น อย่างเดียวที่ไม่โทษคือโทษตัวเอง แต่สุดท้ายเขาและพรรคพวกก็ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้ตามคาด และที่น่าเศร้าคือมีฝ่ายค้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นพรรคเพื่อไทยไม่ยอมร่วมโหวตด้วย และที่น่าเศร้ากว่าก็คือ รัฐมนตรีที่ได้ฉายาว่าสีเทา ก็ยังผ่านการอภิปราย โดยพรรคที่อ้างนักอ้างหนาว่าเกลียดการทุจริต เกลียดคนไม่ดี ก็ออกเสียงไว้วางใจให้เขาด้วย พรรคนี้ยังไงก็ไม่สามารถสร้างความหวังอะไรได้เลยครับ
แต่ผมก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นพลังของเด็กนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่ออกมารวมตัวกันส่งเสียงว่าจะทำอะไรก็เห็นหัวพวกเขาบ้าง แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มนะครับ ที่ยังคิดว่าเด็กพวกนี้ถูกชักจูงออกมา เป็นพวกถูกล้างสมอง บางคนก็หาว่าเป็นพวกทักษิณไปซะอีก ทั้ง ๆ ที่เด็กพวกนี้ไม่น่าจะทันยุคทักษิณด้วยซ้ำ และถ้าจะถูกล้างสมอง เด็กพวกนี้น่าจะถูกล้างสมองจากพวกพ่อแม่ที่มียังผีทักษิณฝังอยู่ในหัวมากกว่า คนที่ให้ความเห็นแบบนี้ส่วนใหญ่ก็พวกที่ประท้วง เขาให้เลือกตั้งก็ไม่ไปเลือก จนพลเอกประยุทธ์เข้ามายึดอำนาจ แล้วลากยาวมาจนถึงทุกวันนี้แหละครับ คนพวกนี้คงคิดว่ามีแต่พวกตัวเองที่ฉลาดซะเหลือเกิน รู้เท่าทันทักษิณและพวก ออกมาด้วยความรักชาติ แต่คนอื่นที่ออกมาเป็นพวกรับจ้าง โง่ ถูกล้างสมอง ถูกพวกล้มเจ้าหลอก น่าแปลกครับที่คนพวกนี้สามารถเข้าใจกลโกงอันแยบยลของทักษิณได้ทุกประการ แต่กลับมองไม่เห็นการกระทำที่มันเข้าใจง่ายกว่าอีกมากมายที่เกิดขึ้นมาตลอดในช่วง 5-6 ปีมานี้ คนพวกนี้มักจะอ้างว่าที่ออกมาไล่ยิ่งลักษณ์ เพราะโกง ออกพรบ.นิรโทษกรรมจะเอาทักษิณกลับบ้าน แล้วก็หยุดแค่นี้ โดยไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ต่อมาว่า ยิ่งลักษณ์ได้ยุบสภาให้ไปเลือกตั้งกันแล้ว ตัวยิ่งลักษณ์เองก็ถูกสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ไปแล้ว แต่คนพวกนี้ก็ยังไม่หยุด ไปพยายามป่วนทุกวิถีทาง จนการเลือกตั้งมันเป็นโมฆะ ทั้ง ๆ ที่ บอกว่าตัวเองเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ดันกลัวเลือกตั้งแล้วแพ้ ถึงตอนนี้พอเด็ก ๆ ออกมาแสดงพลังกันบ้างก็ไปด่าว่าพวกเขา
ยังไงก็ตามครับ ถึงผมจะดีใจที่ได้เห็นพลังของเด็ก ๆ แต่ผมอยากให้แค่แสดงพลังแบบนี้ก็พอแล้วครับ แสดงพลังกันในสถานที่ปิดแบบนี้ เอาให้แค่พอบอกพวกมีอำนาจว่าเห็นหัวพวกเราบ้าง อย่าเพิ่งลงถนนกัน เหตุผลที่ผมไม่อยากให้ลุกลามบานปลายไปจนถึงต้องลงถนนไล่กันก็คือ ความผิดพลาดของรัฐบาลนี้มันก็ยังไม่ชัดเจนพอที่จะไล่นะครับ ถึงแม้จะเป็นรัฐบาลที่ค่อนข้างด้อยประสิทธิภาพในแทบทุกด้านก็ตาม แต่มันก็คงไม่ใช่เหตุผลที่เราจะต้องไปขับไล่เขาอย่างเอาเป็นเอาตายนะครับ ในประเทศที่เจริญแล้ว เขาไล่รัฐบาลห่วย ๆ ด้วยการไม่เลือกเข้ามาอีกในครั้งต่อไปนะครับ อีกอย่างที่เราว่าเขาว่าเป็นเผด็จการ ในตอนนี้ถึงเราจะรู้สึกว่ามันเป็น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามาในระบบ ถึงจะเป็นระบบที่เขาออกแบบมาเอง และคนคุมกฎ (กกต.) ก็เป็นคนที่เขาคัดสรรมากับมือก็ตาม ดังนั้นออกมาแสดงพลังให้เขาแก้กฎให้มันยุติธรรมดีกว่าครับ แล้วก็ให้แก้กฎหมายในส่วนของการยุบพรรคโดยคนเก้าคน (ซึ่งบางคนนั่งยุบพรรคมานี่น่าจะเป็นพรรคที่สี่หรือห้าแล้ว) หรือไม่ก็ผลักดันให้ยกเลิกคนเก้าคนนี้ไปเลยก็ได้นะครับ รวมถึงคนคุมกฎด้วย
รัฐธรรมนูญที่ใช้กันอยู่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีคนส่วนใหญ่รับมัน ถึงแม้ในช่วงโหวตมันจะดูไม่ยุติธรรม เพราะมีการปิดปากไม่ให้วิจารณ์ข้อเสียของรัฐธรรมนูญนี้ แต่ข้อดีพูดได้หมด คนพูดว่าไม่รับออกสื่อนี่สุ่มเสี่ยงจะถูกจับไปปรับทัศนคติ ส่วนคนบอกว่ารับนี่พูดได้ตามสบาย นอกจากไม่ให้พูดแล้ว ยังส่งร่างไปให้คนรับไม่ทั่วถึงอีก และร่างฉบับสรุปก็ดูจะเอนเอียงไปแต่ข้อดีของรัฐธรรมนูญ พูดง่าย ๆ หลายคนโหวตรับไปโดยไม่ได้อ่าน หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจ มันจึงเกิดปรากฎการณ์ที่มีหลายคนเพิ่งรู้ว่าตัวเองโหวตรับอะไรแบบนี้ไปได้ยังไง แต่ยังไงก็ตามเสียงรับมันก็มากกว่าไม่รับ และทุกพรรคการเมืองก็ยอมลงเลือกตั้งกันตามกติกานี้ อ้อพูดถึงรัฐธรรมนูญมีคนชมนักชมหนาว่าปราบโกง คนโกงย้ายค่ายก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้นะ หรือแค่ย้ายค่ายก็ไม่โกงแล้ว
อีกอย่างที่พลเอกประยุทธ์ได้เป็นนายก ส่วนหนึ่งก็คงต้องบอกว่าเพราะพวกนักการเมืองด้วยนะครับ พวกนักการเมืองของพรรคที่ตอนหาเสียงบอกไม่เอาแล้วเปลี่ยนไปเข้าข้างสนับสนุนนี่แหละตัวดี อย่าลืมว่าถ้าไม่มีพรรคเหล่านี้ทำตรงข้ามกับที่หาเสียงเอาไว้ ต่อให้มีสว. 250 คน พลเอกประยุทธ์เต็มที่ก็เป็นนายกที่เป็นเสียงข้างน้อย นอกจากนี้ยังมีพวกสส.ปัดเศษทั้งหลายอีก คนพวกนี้ทำให้พลเอกประยุทธ์ถึงกับหลงตัวเองและเอาไปอ้างว่าเขาชนะเลือกตั้งโดยได้คะแนนเสียงเยอะกว่า เขาไม่ต้องใช้สว.ที่เขาตั้งมาเองก็ได้ ผมอยากให้จำคนและพรรคเหล่านี้ไว้ครับ ถ้าได้เลือกตั้งกันครั้งหน้า ช่วยกันตอบแทนให้มันสาสมเลยนะครับ
ถ้าถามว่าแล้วถ้าไม่ลงถนนแล้วจะต้องทนไปอย่างนี้หรือ ผมคงต้องตอบว่าใช่ครับ เพราะนี่คือระบอบประชาธิปไตย เราต้องรู้จักอดทนครับ อีกเต็มที่ 4 ปี เราก็จะได้เลือกตั้งใหม่ อย่าทำตัวแบบที่พวกกลัวแพ้เลือกตั้งทำมาจนทำประเทศไม่เดินหน้ามา 6-7 ปีกันเลยครับ อีกอย่างจากการติดตามการอภิปรายในสภาผมเห็นว่าคนที่ได้ทำหน้าที่อภิปรายจากพรรคที่มีคนเลือก 6.3 ล้าน และถูกยุบไปแล้ว ทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดีนะครับ ถ้าไม่เปลี่ยนอุดมการณ์ซะก่อนก็น่าจะพอฝากความหวังได้
ส่วนเพื่อไทยจากเหตุการณ์ที่มีการออกมาแฉการทำหน้าที่ของเพื่อไทย ถ้าเป็นจริงก็ถือว่าไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย ได้อำนาจมากี่ครั้งก็ทำตัวเองพังทุกครั้ง มาครั้งนี้เป็นฝ่ายค้านก็ยังไม่จริงใจกับการทำหน้าที่ แล้วมันก็ทำให้ตัวเลือกในครั้งหน้ามีน้อยลงไปอีก แต่ก็อย่างว่านะพรรคนี้เอาจริง ๆ มันก็ไม่ต่างจากประชาธิปัตย์ คือฝากความหวังอะไรไว้ไม่ได้เลย
กลับมาถึงการแสดงออกของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ผมหวังว่าพลังการแสดงออกครั้งนี้ น่าจะทำให้พวกที่มีอำนาจอยู่นี้ได้รู้สึกบ้าง และจงพยายามทำความเข้าใจซะด้วยว่า ที่เขาออกมาชุมนุมนี่มันไม่ใช่เพราะพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบอย่างเดียว แต่มันสะสมมา การยุบอนาคตใหม่อาจเป็นเพียงฟางเส้นสุดท้าย เขาเห็นว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมันมีความไม่ยุติธรรม แทบจะทุกขั้นตอน ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง ดังนั้นลองตั้งสติรับฟัง แล้วแก้กติกาการเลือกตั้งให้มันยุติธรรม ให้มันเป็นสากลเหมือนประเทศอื่นในโลก แก้กฎหมายเรื่องยุบพรรค หา กกต.ที่เป็นกลางจริง ๆ หาวิธีสรรหาตลก.ศาลรัฐธรรมนูญใหม่ หรือไม่ก็ยกเลิกมันไปเลย เวลามีปัญหาเรื่องต้องการตีความรัฐธรรมนูญ ก็คัดเลือกบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญจากหลายสาขามาถกกัน อย่างกรณียุบอนาคตใหม่นี่ ลองคิดดูเถอะเรื่องเดียวกัน แต่ตีความกันไปได้ไกลคนละทาง ผมว่ากฎหมายแบบนี้มันมีปัญหานะ และถ้ามันกว้างขวางแบบนี้ มันต้องใช้นักบัญชี นักกฎหมายมหาชน และอื่น ๆ มาช่วยกันถกไหม กรณียุบพรรคและตัดสิทธินี่มันเปรียบได้กับกฎหมายตัดหัวเจ็ดชั่วโคตรเลยนะ พวกตุลาการศาลแต่ละคนนี่รู้และเข้าใจทุกเรื่องจริง ๆ หรือเปล่า นอกจากนี้ยังมีพวกกสทช. ที่คอยปิดหูปิดตาประชาชนอีก พวกนี้ก็น่าจะสรรหาใหม่ หรือไม่ต้องมีมันไปเลยดีไหม
ถ้าแก้ประเด็นที่เป็นปัญหาแล้วแล้วก็ยุบสภาไปเลือกตั้งกัน ไม่ต้องแก้ประเด็นอื่นที่คิดว่ามันจะช่วยปราบโกงก็ได้ (เขียนตรงนี้ก็อยากอ้วกออกมา รัฐธรรมนูญปราบโกง คนโกงก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่เห็นจะทำอะไรมั) ผมอยากบอกถึงคนที่ไม่อยากแก้เพราะชอบอ้างว่ามันเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกงว่า ถ้ากติกาที่จะคัดคนเข้ามาในระบบมันยังไม่เที่ยงตรงมีปัญหาสารพัดอย่างแล้ว คือมันโกงมาตั้งแต่แรกแล้ว มันจะไปปราบโกงอะไรได้
สุดท้ายถึงแม้ถ้าก่อนเลือกตั้งยังแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ พวกเราก็รู้แล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มันเป็นยังไง กติกามันเป็นยังไง จะเลือกยังไงเพื่อไม่เปิดโอกาสให้พลเอกประยุทธ์กับพวกกลับมาอีกง่าย ๆ พรรคไหนที่บอกจะเอาพลเอกประยุทธ์เป็นนายกก็อย่าไปเลือก พรรคที่ทำตัวเป็นอีแอบตอนเลือกตั้งพูดอย่าง หลังเลือกตั้งทำอีกอย่างตอนนี้เราก็รู้แล้วก็อย่าเลือก แต่พูดถึงตรงนี้ก็ว้าเหว่นะครับ เพราะตัวเลือกมันเหลือน้อยจริง ๆ นะครับ เพื่อไทยก็ยังฝากความหวังไม่ได้เหมือนเดิม ก็คงต้องดูพรรคกล้า (ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเชื่อว่าจะดี) พรรคที่อนาคตใหม่เดิมจะตั้งขึ้น ก็ไม่รู้จะเจอวิบากกรรมอะไรอีก และประสบการณ์ก็น้อยมาก ๆ หรือพรรคอ.วันนอร์ (ซึ่งก็ดูจะเป็นพรรคในเชิงพื้นที่ซะมากกว่า) พรรคของเสรีก็จะฮาร์ดคอร์อย่างเดียว แต่ถึงตอนนั้นอาจจะมีพรรคที่โดดเด่นขึ้นมาก็ได้ครับ ต้องตั้งความหวังกัน
แต่ถ้าเลือกตั้งแล้วยังได้คนเดิมกลับเข้ามาก็คงต้องยอมรับและทำใจครับ เพราะมันอาจไม่มีตัวเลือกจริง ๆ หรืออาจเกิดจากการที่รัฐบาลนี้บริหารประเทศได้ดีขึ้นจริง ๆ ซึ่งเราควรจะเอาใจช่วยเขานะครับ เพราะถ้าเขายังคงทำได้แค่นี้อยู่ เราจะตายกันหมดประเทศจริง ๆ ในระบอบประชาธิปไตยเราไม่สามารถจะยอมรับเฉพาะตอนที่เราชนะได้ แต่ต้องยอมรับตอนที่เราแพ้ด้วย ประเทศเราที่มาถึงจุดนี้ เพราะคนที่ชนะเหลิงอำนาจ และคนที่แพ้ซ้ำซากหาทางเอาชนะในระบบไม่ได้ เลยหาวิธีลัดจนประเทศเดินมาถึงจุดนี้นี่แหละครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น