#ศรัณย์วันศุกร์ วันนี้ อยากมาชวนฟังเพลงเก่าของวงไมโครสักเพลงครับ มันมีเนื้อท่อนหนึ่งซึ่งเขากัยสถานการณ์พรรคประชาชนในตอนนี้ครับ
------
ไม่ทำอะไรก็โดน ถึงจะทำก็โดน
สู้เกินไปก็โดน ถอยเกินไปก็โดน
แล้วยังไงต่อไป แล้วจะเอายังไง
-----
ไปฟังเพลงกันครับ
สถานการณ์การเมืองวันนี้ ที่น่าสงสารที่สุดนอกจากประชาชนคนไทยแล้ว ก็มีพรรคการเมืองที่ดันชื่อพรรคประชาชนอีกต่างหาก ที่ต้องมารับกรรมกับสิ่งที่ตัวเองก็ไม่ได้ก่อขึ้น อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วนะครับว่าแพทองธารถูกคน 9 คน สั่งถอดถอนอกจากตำแหน่งนายก ในคดีคลิปเสียงที่คุยกับฮุนเซน ซึ่งต้องบอกว่าผมก็ไม่พอใจในสิ่งที่แพทองธารทำ แต่ถามว่าเห็นด้วยกับคำตัดสินของคน 9 คนไหม ก็คงต้องบอกว่าไม่เห็นด้วย แต่ขอไม่พูดอะไรแล้วกันนะครับ เพราะเป็นอีกสิ่งหนึ่งในประเทศนี้ที่แตะไม่ได้
จริง ๆ ถ้าแพทองธารตัดสินใจยุบสภาให้ประชาชนตัดสินซะ คือมีสปิริตทางการเมืองซะหน่อย เพราะมันก็มีทั้งคนที่เห็นว่าไม่เป็นไร และคนที่เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มาก ให้ประชาชนตัดสินกันไปเลยว่าประชาชนส่วนไหนที่มากกว่ากัน แต่ก็ไม่ทำ พอมาถึงทางตันถึงจะมาทำ ซึ่งก็เป็นปัญหาอีกว่ารักษาการอย่างภูมิธรรมทำได้ไหม ซึ่งไปไปมา ๆ ดูเหมือนจะทำไม่ได้
พูดถึงเรื่องนี้ก็ประหลาดดี นี่ถ้าแคนดิเดตนายกที่เหลือมีอันเป็นไปหมด จะทำกันยังไง เป็นรัฐธรรมนูญที่มีปัญหามีจุดอ่อนเต็มไปหมด ทำให้ได้รัฐบาลผสม ซึ่งมีความอ่อนแอ เลือกตั้งสว. ก็อะไรไม่รู้ องค์กรอิสระก็แตะต้องไม่ได้ เรื่องคุณธรรมจริยธรรมก็เอามาใช้ ทั้ง ๆ ที่เรื่องพวกนี้หลาย ๆ ครั้งมันก็คือการตีความ ซึ่งมาตรฐานก็ไม่มี มันแล้วแต่คนเลย บอกว่าปราบโกง ก็ไม่เห็นมันจะปราบอะไร นักการเมืองตัวจริงมาไม่ได้ ก็ส่งเครือญาติมา แล้วตัวจริงก็ยังนั่งบงการอยู่หลังฉาก ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะรัฐธรรมนูญนี้แหละ คนชนะเลือกตั้งไม่ได้เป็นนายก ทั้ง ๆ ที่ดูแล้วน่าจะเป็นคนที่มีความพร้อมที่สุดในรอบสิบปี น่าจะได้โอกาสมาลองทำงานดู ก็ไม่ได้ทำ แล้วยังเขี่ยเขาออกจากวงไปอีก สุดท้ายก็ได้คนอย่างที่เห็น แล้วก็เป็นปัญหามาถึงตอนนี้
ดังนั้นถ้ามีโอกาสจะแก้รัฐธรรมนูญก็ขอร้องอย่าขวางกันเลย เลิกซะทีกับคำว่าฉันโหวตชนะมา ปากบอกว่าไม่ชอบประชาธิปไตย แต่ถ้าชนะฉันเอา อะไรที่เคยรับมาแล้ว ถ้ามันเป็นปัญหาก็ต้องแก้ และการแก้ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะแก้เลย ถ้าเขาแก้แล้วไม่พอใจก็ไม่ต้องโหวตรับ แล้วก็ใช้รัฐธรรมนูญเดิมไป ไม่ใช่แหกปากอย่างเดียวว่าฉันโหวตชนะมาอย่ามาแตะนะ
กลับมาที่ว่าทำพรรคประชาชนถึงกลายเป็นพรรคที่น่าสงสารที่สุดตอนนี้ก็คือ ทำอะไรก็โดน โหวตให้ฝั่งเพื่อไทยก็โดนด่า โหวตให้ภูมิใจไทยก็โดนด่า อยู่เฉย ๆ แล้วเดี๋ยวเกิดได้ประยุทธ์มาก็โดนด่า คือทำหรือไม่ทำก็โดนจริง ๆ ตรงกับเนื้อเพลงเลย
นอกจากนี้ยังมีคนรู้มากคอยแซะอีกว่าจริง ๆ ไม่อยากให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่หรอก ทำไปอย่างนั้นแหละ และนี่ก็คงเข้าทางคนที่คิดแบบนี้พอดี เพราะเพื่อไทยเสนอว่าถ้าโหวตชัยเกษม ยุบเลย ไม่ต้องรอ 4 เดือน แต่พรรคประชาชนเขาตัดสินใจไปแล้วไง จะให้เขาพลิกไปพลิกมาเหมือนพรรคการเมืองทั่ว ๆ ไปเขาก็คงไม่ทำ
ซึ่งจุดนี้ต้องบอกว่าเพื่อไทยทำตัวเองจนกลายเป็นพรรคการเมืองที่เชื่อถือไม่ได้ เคยไม่รักษาสัญญากับประชาชน (ทั้งประชาชนจริง ๆ และพรรคประชาชน) มาแล้ว ตอนจะข้ามขั้วมา มีคนถามว่าทำไมทำแบบนี้ก็บอกว่าเป็น "เทคนิคการหาเสียง" แล้วตอนนี้ออกมารับปาก ทำไมถึงจะพลิกอีกไม่ได้ ที่มายื่นข้อเสนอว่าจะยุบสภาเลยตอนนี้ มีอะไรที่จะรับประกันว่า จะไม่พูดว่าก็เป็นแค่ "เทคนิคการขอเสียง" ยิ่งนางแบกตัวใหญ่ ออกมาพูดว่า คำพูดที่ออกมาจากปากตัวเอง ไม่ต้องยึดถือ ยึดถือผลประโยชน์มากกว่า ยิ่งสะท้อนความเป็นตัวตนของพรรคนี้เข้าไปใหญ่
อีกอย่างข้อเสนอที่บอกจะยุบสภาเลย ก็ออกมาสุดท้าย เหมือนไม่มีทางไปแล้ว ที่เขาเรียกกันว่าเป็นโปรไฟไหม้ คือไม่เคยมาคุยอย่างจริงใจ แคนดิเดตนายกก็ไม่เอามาคุยกับเขา ขนาดตัวแคนดิเดตนายกเองยังออกมาพูดเหมือนกับว่าพรรคก็ไม่เคยติดต่อตัวเองมาด้วยซ้ำ แล้วมันจะให้เชื่อได้ยังไง ถ้าเป็นนิทานอีสป ก็คงเรืองเด็กเลี้ยงแกะนั่นแหละ โกหกจนตอนพูดจริงก็ไม่มีใครเชื่อแล้ว
ถ้าต้องการเวลาคุย อยากให้เลื่อนโหวต ในสภาวันนี้ก็ควรจะแสดงพฤติกรรมดี ๆ แต่ที่เห็นคือจะหักอย่างเดียว เอะอะก็จะฟ้องทำการขัดรัฐธรรมนูญ คือเรื่องดีลเหมือนกัน ถ้าโหวตเพื่อไทยไม่เป็นไร ถ้าไปโหวตภูมิใจไทย นี่ผิดมาก เหมือนในพรรคหาทางออกมาแล้วว่าจะมาทางนี้ คือพยายามบอกว่าการทำแบบพรรคประชาชนคือโหวตแล้วไม่ร่วมรัฐบาล โดยมีเงื่อนไขให้แก้รัฐธรรมนูญ แล้วยุบสภาในสี่เดือนมันผิดมาก แต่ตัวเองก็ประกาศว่ายอมรับเงื่อนไขพรรคประชาชนทุกข้อเหมือนกัน ถ้าเป็นตัวเองทำได้ แต่ถ้าเป็นคนอื่นทำไม่ได้ ทำแบบนี้เขาคงจะยอมกลับไปเจรจาด้วยหรอก
ส่วนตัวมองว่าที่เพื่อไทยดิ้นมาก ๆ นี่ไม่ใช่เห็นแก่ประเทศชาติหรอกนะ เพราะถ้าเห็นแก่ประเทศชาติคงไม่เดินมาถึงจุดนี้ แต่ดิ้นเพราะไม่อยากให้ภูมิใจไทยได้อำนาจการปกครอง และก็ที่ด่าพรรคประชาชนแรง ๆ ถึงกับป้ายสีบางเรื่องด้วย ก็เพราะกลัวว่าการทำแบบนี้ของพรรคประชาชนจะทำให้เขาได้คะแนน และจะชนะการเลือกตั้งครั้งหน้าอีกครั้ง ก็เลยพยายามเอาสิ่งที่เขาทำ และตัวเองก็ยอมรับ แต่พอเขาไม่เลือกตัวเอง ก็เอามาบอกว่ามันเป็นเรื่องที่แย่ ถ้ามันแย่จริงตัวเองจะยอมรับทำไม ทำตัวแบบนี้ ยังหวังจะให้คนอื่นมาไว้ใจตัวเองอีก มีคำกล่าวฝรั่งบอกว่า ถ้าถูกหลอกครั้งที่หนึ่ง ด่าคนหลอก แต่ถ้ายังถูกหลอกครั้งที่สองก็ด่าตัวเองเถอะ (Fool me once, shame on you; fool me twice, shame on me)
จริง ๆ ฝั่งภูมิใจไทย ก็เชื่อถือไม่ได้พอ ๆ กันแหละ (เพียงแต่เขายังไม่เคยหลอกครั้งที่หนึ่ง) ไม่ได้ดีกว่าเพื่อไทยหรอก ถ้าไม่ขัดผลประโยชน์กันกับเพื่อไทย ก็คงอยู่กันยาวไปเรื่อย ๆ ไม่เคยแสดงความจริงใจจะแก้รัฐธรรมนูญอะไรหรอก มารับเงื่อนไขก็เพราะอยากเป็นรัฐบาล และตอนนี้ก็เห็นหน้าตาคนที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีบางคน โดยเฉพาะคนที่เคยอยู่พลังประชารัฐกับประยุทธ์ แล้วบอกตามตรงว่าเซ็ง นอกจากนี้หลายคนก็มีมลทินติดตัว แม้แต่ตัวว่าที่นายกเองก็ตาม เรื่องคดีฮั้วสว. เรื่องที่เดินเขากระโดง ซึ่งก็หวังว่าพรรคประชาชนจะควบคุมไม่ให้ภูมิใจไทยเข้าไปแทรกแซงได้
คือเลือกทางไหนมันก็แย่ทั้งนั้น แต่พรรคประชาชนก็จำเป็นต้องเลือก และเขาก็ได้บอกเหตุผลแล้วว่า ทำไมถึงเลือกภูมิใจไทย หลัก ๆ ก็คือเหตุผลทางจำนวนสส. คือถ้าเลือกเพื่อไทย เพื่อไทยอาจสามารถรวมจำนวนสส. ให้เกินครึ่งได้ง่ายกว่า และมันเป็นงานถนัดเพื่อไทยด้วย
ส่วนตัวไม่ชอบภูมิใจไทย และอนุทินมาก ๆ แต่ก็เข้าใจว่าพรรคประชาชนก็ต้องเลือกสักทางหนึ่ง ดังนั้นก็รู้สึกไม่เข้าใจกองเชียร์พรรคเค้าเอง ที่ออกมาร่วมด่าสาดเสียเทเสีย เพราะเลือกทางที่ตัวเองไม่เห็นด้วย จริง ๆ ควรจะรับฟังเหตุผล แล้วก็ติดตามดูว่าทางเลือกนี้มันเป็นยังไง แล้วก็หวังว่าเค้าจะเลือกถูก ส่วนตัวมองว่าเขาแสดงความกล้าตัดสินใจด้วยซ้ำ
ส่วนกองเชียร์เพื่อไทยจะออกมาด่าก็เข้าใจได้ แต่อยากให้มองตัวเองว่า ที่สถานการณ์มันเดินมาถึงตรงนี้มันก็เกิดจากพรรคเพื่อไทยเองทั้งนั้น แต่อย่างว่าชี้นิ้วโทษคนอื่น มันง่ายกว่าโทษตัวเองอยู่แล้ว
พรรคประชาชนต้องโดนด่าเพราะสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เขาเป็นพรรคที่ได้ผลเลวร้ายจากรัฐธรรมนูญฉบับบ้าบอนี้ที่สุด ชนะเลือกตั้งก็ไม่ได้เป็นนายก คนดี ๆ เก่ง ๆ ก็ถูกเขี่ยออกจากระบบไปทีละชุด แล้วคนเชียร์รัฐธรรมนูญนี้ ก็แกล้งมองไม่เห็นความไม่ปกติ เพราะมันทำให้ตัวเองที่เลือกตั้งแพ้ แต่คนชนะที่ตัวเองไม่ชอบก็ไม่สามารถเข้ามาทำงานได้ คนเหล่านี้ต้องให้เหตุการณ์มันเกิดกับพรรคที่ตัวเองเชียร์ก่อนถึงจะเห็นปัญหา
สรุปพรรคประชาชนไม่ได้อะไรจากเหตุการณ์นี้เลย มีแต่โดนกับโดน ต่อให้ได้ไปเลือกตั้ง หลายคนบอกว่าเขาได้เปรียบ แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ พรรคการเมืองอย่างเพื่อไทย กับภูมิใจไทย จะไม่ร่วมงานกับเขา แต่สองพรรคนี้พร้อมจะกลับมาร่วมมือกันเสมอ พรรคประชาชนถ้าอยากเป็นรัฐบาลจะต้องได้คะแนนพรรคเดียวให้เกินครึ่ง เขาจะได้คะแนนหลัก ๆ จากระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนเขตค่อนข้างยาก สู้บ้านใหญ่ไม่ได้ และคนที่เขาคัดเลือกมาลงเขตก็เป็นสาเหตุด้วย และยิ่งเกิดเหตุการณ์นี้อาจจะมีคนที่ไม่เข้าใจ เลยไม่โหวตให้อีก คือยังไงก็คิดว่าไม่ถึงครึ่ง โอกาสเดียวที่จะได้เป็นรัฐบาลก็ผ่านไปแล้ว คือต้องยอมร่วมรัฐบาลกับอนุทิน แต่จริง ๆ สมมติบอกว่าจะร่วมรัฐบาลด้วย อนุทินอาจไม่เอาก็ได้นะ ทั้งภูมิใจไทย และเพื่อไทย อาจยอมไปเอาประยุทธ์กลับมาก็ได้
สรุปโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง และอาจไม่ได้ประโยชน์อะไรมากกกว่าเดิมด้วย ติดแล้วก็เศร้าเนอะ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น