วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

มุมมองคำพิพากษากรณียิ่งลักษณ์ และ True ล่ม

#ศรัณย์วันศุกร์ สัปดาห์นี้มีสองเรื่องที่จัดว่าเป็นเรื่องน่าสนใจครับ และก็เกิดวันเดียวกันซะด้วย คือวันพฤหัสบดี ที่ 22 พ.ค. 25668 ครับ ก็เลยจะมาแชร์มุมมองสองเรื่องนี้ครับ 


Yingluck_Shinawatra
By Kremlin.ru, CC BY 4.0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=59021177

เรื่มจากเรื่องของอดีตนายกยิ่งลักษณ์ก่อนแล้วกันนะครับ ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ยิ่งลักษณ์ต้องจ่ายเงินชดเชยหมื่นกว่าล้านบาท ในฐานะที่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตจำนำข้าวในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) ซึ่งคำตัดสินนี้ก็สร้างความตื่นเต้นดีใจให้กับคนเกลียดทักษิณและครอบครัวเป็นอย่างมาก ออกมาแสดงความเห็น เห็นด้วยกันใหญ่ ส่วนคนที่เป็นกองเชียร์ยังไม่เห็นออกมาแสดงอะไรนะ นอกจากตัวยิ่งลักษณ์เองที่้โพสต์ชี้แจง (ตัดพ้อแล้ว) แล้วก็มีแฟนคลับไปแสดงความเห็นใจ

คือต้องบอกนะครับว่าเรื่องจำนำข้าวนี่ ในความเห็นผมมันก็คือโครงการพยายามจะช่วยชาวนา แบบไม่ยั่งยืนเหมือนแทบทุกรัฐบาลที่ผ่านมาแหละ จะประกัน จะจำนำ มันก็คือกัน แต่โครงการจำนำข้าว เป็นโครงการที่บริหารจัดการได้แย่มาก เป็นโครงการที่คิดไม่สุดทาง ไม่มีแผนการ ไม่มีคนที่มีความสามารถมาดำเนินการ จนเปิดทางให้มีการทุจริต

และคดีนี้ในทางอาญามีการตัดสินไปแล้ว โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหนึ่งก็ได้ตัดสินลงโทษคนที่เกี่ยวข้องไปแล้ว พร้อมทั้งปรับเงินค่าเสียหายด้วย ยิ่งลักษณ์ก็โดนห้าปี แต่หนีไปก่อน แต่ศาลนี้ใช้ 157 กับยิ่งลักษณ์ ไม่ระงับยับยั้งจนเกิดความเสียหาย เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

ซึ่งผมก็ตั้งคำถามมาตั้งแต่ศาลนี้แล้วว่า ตกลงมาตรฐานการไม่ระงับยับยั้งนี่มันแค่ไหน เพราะเหตุผลมันก็เดิม ๆ เหมือนตอนนี้คือ มีการเตือนจาก สตง. ปปช. (สององค์กรนี้ ตอนนี้ก็...) หรือฝ่ายค้าน แต่ไม่เห็นว่าใครจะมีหลักฐานชัด ๆ ว่ามันโกงยังไง ฝ่ายค้านที่อภิปราย ถ้ามีหลักฐานทำไมไม่ยื่นฟ้องไปเลย และเมื่อมีคำเตือน เขาก็ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ซึ่งศาลอาญานี้ก็คงเห็นว่ามันไม่พอ ก็ลงโทษไปห้าปี 

ในความเห็นผม ยิ่งลักษณ์ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง ไม่มีมือไม้ที่ไว้ใจได้มาช่วย เพราะคนที่เป็นตัวหลักตอนนั้นหลายคนก็ถูกตัดสิทธิทางการเมืองอยู่ ถ้าได้คนกลุ่มที่โดนตัดสิทธิอยู่มาทำโครงการ ส่วนตัวเชื่อว่ามันจะออกมาดีกว่านี้ ทักษิณก็อยู่ไกลไม่ได้คุมคนด้วยตัวเอง คนที่พอไว้ใจได้อย่างณัฐวุฒิ ก็เก่งแต่พูดปราศรัยบนเวที พอถูกตั้งเข้ามาทำงานก็ไม่รู้เรื่องรู้อะไร อย่างที่เห็นถูกนักข่าวต้อนตอบอะไรไม่ได้สักอย่าง ซึ่งยิ่งลักษณ์ถ้าไม่พร้อมก็ไม่ควรเข้ามาแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นการที่โดนอย่างนี้ส่วนหนึ่งก็ต้องโทษตัวเองด้วย คือผมเชื่อว่ายิ่งลักษณ์ไม่ได้โกงเพื่อหาประโยชน์เข้าตัวเอง (อย่างที่ฝ่ายเกลี่ยด พยายามจะโยงให้ได้ว่าโกง) แต่ไม่มีความสามารถมากพอที่จะจัดการดูแลได้ 

ดังนั้นในคดีนี้มันก็ย้อนกลับมาเหมือนเดิม ซึ่งก็ไม่น่าประหลาดใจอะไร เพราะตัดสินกันแบบเดิม ๆ  คำว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ก็ไม่ต่างจากการไม่ระงับยับยั้งจนเกิดความเสียหาย  ความเห็นก็เดิม ๆ มีคนเตือนแล้วไม่ฟัง  ไม่หยุดโครงการ ตั้งกรรมการแต่ไม่ดูแลติดตามใกล้ชิด 

สิ่งที่นักกฎหมายหลายคนให้ความเห็น ซึ่งผมว่ามันก็คงไม่ต่างจากตอนตัดสินคดีอาญาเท่าไหร่ก็คือ หลาย ๆ เรื่อง มันไม่มีมาตรวัดที่แน่นอน ประมาทเลินเล่อร้ายแรง ระดับไหนถึงจะเรียกว่าร้ายแรง บางคนก็มองว่าการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบนี่ก็ถือว่าทำหน้าที่แล้ว ไม่ร้ายแรงแล้ว แต่ก็เห็นชัดว่าส่วนใหญ่ในศาลนี้เห็นว่าไม่ใช่ (มีส่วนน้อยที่ไม่เห็นด้วย) ศาลนี้บอกว่าต้องลงไปกำกับอย่างใกล้ชิด ก็ไม่รู้อีกว่าต้องใกล้ชิดแค่ไหน มันมีฝ่ายปฏิบัติการอยู่ คนอำนวยการนี่ต้องลงไปแค่ไหน ใครที่เคยทำงานก็คงรู้นะว่าจริง ๆ ฝ่ายอำนวยการนี่เขาเคยลงไปใกล้ชิดจริง ๆ แค่ไหน 

มันก็ไม่ต่างจากผิดจริยธรรมร้ายแรง แบบใช้คำว่าวิญญูชนพึงรู้ ใครคือวิญญูชน?  เรื่องระดับความดีความไม่ดีนี่คนแต่ละคนก็มีมุมมองที่ต่างกัน ถ้าเรื่องนี้เราว่าไม่ดี แต่คนอื่นเห็นว่าไม่เป็นไรรับได้ เราจะบอกได้ไหมว่าเราเป็นวิญญูชน แต่เขาไม่ใช่ อ้อถ้าใครอ่านเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร คงรู้จักวิญญูชนจอมปลอมนะ  

ฟังรายการวิทยุรายการหนึ่ง ค่อนข้างเห็นด้วยว่า มันถึงเวลาหรือยังที่เราจะต้องมีมาตรวัดให้มันชัดไปเลย ทำแบบนี้ประมาทเลินล่อร้ายแรง แบบนี้ประมาทเลินเล่อพอสมควร อะไรแบบนี้ แล้วก็ต้องรับผิดชอบกี่เปอร์เซนต์ ทุกคนจะได้รู้ และจะได้โดนแบบเดียวกัน ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ

เหมือนการเช็คล้ำหน้าในฟุตบอลตอนนี้ ซึ่งมีการพัฒนาจนตอนนี้มีระบบที่สามารถจะตัดสินได้เหมือน ๆ กันในทุกกรณีว่าล้ำหน้าหรือไม่ คือถึงแม้ผมจะไม่เห็นด้วยว่าการที่ปลายเท้าฝ่ายรุก มันเลยขาฝ่ายรับไปนิดหนึ่งมันจะทำให้ฝ่ายรุกได้เปรียบยังไง แต่ถ้าทุกคนอยู่ในกฎเดียวกัน ผมก็รับได้

ที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาก็ไม่ได้คิดจะเข้าข้างยิ่งลักษณ์ หรืออะไรนะครับ ผมไม่ได้ชอบเพื่อไทย นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของผม ซึ่งไม่ได้เอาความชอบหรือไม่ชอบส่วนตัวเข้าไป ผมเขียนบทความที่เกี่ยวกับการเมืองมา โดนคนสองฝั่งด่าก็มีมาแล้ว ที่เขียนขึ้นมาเพราะเห็นว่าเออระบบของเรามันยังมีปัญหานะ ที่มันขัดแย้งกันอยู่ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเรื่องนี้ ถ้าทำให้มันเคลียร์ ทำให้เห็นว่าทุกคนถูกตัดสินอยู่บนมาตรฐานเดียวกัน มันอาจจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น 

True-Logo

สำหรับกรณี True ระบบล่ม ไปเมื่อวานเกือบทั้งวันนี่ ต้องบอกว่าโชคดีที่ผมมีสองระบบ และระบบหลักที่ผมใช้คือ AIS และเน็ตที่บ้านใช้ AIS ผมเลยไม่ได้รับผลกระทบเท่าไหร่ แต่เข้าใจเลยครับว่าคนที่ใช้ True เสียหายมาก

ผู้ให้บริการควรตระหนักรู้ให้มากกว่านี้ได้แล้วนะครับว่าตอนนี้ระบบสื่อสารมันเป็นปัจจัยที่ 5 ของคนเราไปแล้ว คือมันไม่ได้ใช้แค่สื่ิอสารอย่างเดียว แต่การทำธุรกิจ และการดำเนินชีวิตประจำวัน มันขึ้นกับระบบสื่อสารนี้ บางคนเสียงานเสียการไปเลย บางคนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะมีเคสที่รถพยาบาลติดต่อกับโรงพยาบาลไม่ได้ โชคดีที่ยังมีระบบวิทยุสื่อสาร 

การชดเชย ก็ควรจะไม่ใช่แค่ให้โทรฟรี 100 นาที แต่ต้องใช้ให้หมดในวันเดียว บ้าหรือเปล่า บางคนไม่ได้โทรศัพท์ปกติมาเป็นชาติแล้ว ให้เน็ต 10 GB บางคนเขาใช้ unlimit หรือใช้ 20 GB ในแต่ละเดือนก็ไม่เคยหมดอยู่แล้ว ดูพฤติกรรมลูกค้าแต่ละราย แล้วเสริมให้เขาไป หรือกล้าไหมลดค่าบริการให้เลย บางคนเขาเดือดร้อนหนักมากนะ ลดค่าบริการแล้วก็อาจไม่คุ้มด้วยซ้ำ 

ช่วงที่เขียนอยู่นี้ก็พยายามค้นดูว่า True ออกมาบอกสาเหตุหรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น เหมือนเห็นแว็บ ๆ ตอนเช้าบอกว่าไฟขัดข้องกับอุปกรณ์อะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้หาไม่เจอแล้ว ถ้าเป็นแค่ไฟขัดข้องจริง ๆ นี่แย่มากเลยนะ คุณไม่มีระบบไฟสำรองเลยหรือ ตอนคุณจะควบรวมกับ DTAC เขายิ่งคิด ๆ กันอยู่ว่า เหลือผู้เล่นอยู่สองเจ้าแล้วต่อไปบริการมันจะไม่พัฒนา ราคาก็จะแพงเพราะการแข่งขันมันน้อย ประชาชนไม่มีทางเลือกอื่น ช่วยทำให้ดูหน่อยว่าประชาชนคิดผิด 

ส่วนกสทช. ครับ ช่วยทำอะไรให้ดูให้รู้ว่าองค์กรคุณยังมีประโยชน์ที่ควรจะมีต่อไปหน่อยนะครับ ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น