แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การเมือง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การเมือง แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

คนที่ไม่สนับสนุนม็อบไม่ได้เห็นด้วยหรือยอมให้โกง

ในสัปดาห์ที่แล้วต่อเนื่องถึงสัปดาห์นี้ ผมถูกพิพากษาจากแกนนำผู้ชุมนุุมว่าเป็นพวกเลือกข้างคนชั่ว เป็นคนโลกสวย และยอมที่จะเป็นขี้ข้ารับใช้ระบอบทักษิณ ซึ่งผมไม่แคร์หรอกครับว่าแกนนำจะให้ผมเป็นอะไร เพราะสุดท้ายพวกเขาก็นับผมเป็นเสียงหนึ่งของพวกเขาอยู่ดีเวลาจะอ้างมติอะไรก็บอกว่าเป็นเสียงของคนส่วนใหญ่ซึ่งก็เหมารวมผมเข้าไปด้วยทุกที ไม่ว่าการชุมนุมของกลุ่มหรือสีไหน

แต่ที่อยากจะเขียนวันนี้เพราะอยากให้หลายคนที่ยังไม่เข้าใจและแบ่งฝ่ายว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมที่ออกมาขับไล่รัฐบาลนี่เป็นพวกที่ยอมรับการโกง โดยเอาเรื่องรัฐบาลได้รับเลือกตั้งเข้ามามาอ้าง จริง ๆ ผมอยากให้คนกลุ่มนี้ทำความเข้าใจเสียใหม่ก่อนนะครับว่าคนที่ไม่สนับสนุนการชุมนุมตอนนี้ หลายคนเป็นที่ร่วมชุมนุมหรือลงชื่อค้านพรบ.นิรโทษกรรมมาก่อนนะครับ ซึ่งหลายคนก็มองว่าได้แสดงพลังแล้ว และถ้าพูดถึงสถานการณ์ตอนนี้รัฐบาลก็ได้ยอมยุบสภาและคืนอำนาจให้ประชาชนแล้ว ทำไมแกนนำถึงไม่ยอมหยุดทำไมถึงไปเสนอแนวคิดที่อาจจะเป็นไปไม่ได้ และอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่ประเทศจะกลับมาเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง และทำไมถึงคิดว่าตัวเองสามารถเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศได้ว่าต้องการแบบนี้ แนวคิดหลายอย่างที่นำเสนอเช่นการให้เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ทำไมตอนที่แกนนำเป็นรัฐบาลอยู่ถึงไม่เสนอ และแนวคิดหลาย ๆ อย่างมันจะทำได้ก็อาจจะต้องแก้รัฐธรรมนูญแล้วทำไมตอนที่เขาให้เสนอแก้รัฐธรรมนูญถึงไม่เสนอเข้ามา

การอ้างว่าถ้าไปเลือกตั้งด้วยกติกาที่มีอยู่ก็จะแพ้การเลือกตั้งอยู่ดี เพราะมีการทุจริตทุกรูปแบบจนทำให้อดีตพรรคของแกนนำนั้นต้องแพ้การเลือกตั้ง ผมคิดว่าความคิดแบบนี้เป็นอันตรายมากนะครับ มันจริงหรือครับที่แพ้เพราะถูกโกง การคิดและการพูดแบบนี้ไม่มีทางที่อดีตพรรคของแกนนำจะกลับมาชนะได้แน่ครับเอาแต่โทษสิ่งอิ่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ลองคิดดูถ้าผมเป็นคนอีสานผมคงคิดว่าเอ๊ะพรรคนี้ชนะการเลือกตั้งที่ภาคใต้ แต่มาบอกว่าแพ้เพราะถูกโกง งั้นก็หมายความว่าคนใต้เป็นคนดี คนอีสานไม่ดีเพราะรับเงินพรรคอื่นอย่างนั้นหรือ และถ้าผมเป็นกกต. ผมคงคิดว่านี่พวกเราทำงานแย่มากจนทำให้เกิดการโกงทั้งประเทศจนพรรคพรรคหนึ่งต้องแพ้การเลือกตั้งเลยหรือ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าผมจำไม่ผิดก่อนการเลือกตั้งครั้งที่แล้วอดีตพรรคของแกนนำนี่แหละที่ขอแก้รัฐธรรมนูญเรื่องกฏเกณฑ์การเลือกตั้ง ซึ่งเขาก็วิจารณ์กันให้แซ่ดว่าแก้เพื่อให้ตัวเองได้เปรียบ แต่สุดท้ายก็ยังแพ้อยู่ดี (ซึ่งเพราะอันนี้หรือเปล่าเลยคิดว่าขนาดแก้อย่างนี้แล้วยังแพ้มันต้องโกงแน่)

ผมคิดว่าพวกเราที่เป็นประชาชนคงไม่เห็นด้วยกับนักวิชาการหลายคนที่ออกมาพูดเรื่องเสียงมีคุณภาพ เสียงด้อยคุณภาพนะครับ เป็นความเห็นที่แย่มาก ทุกเสียงควรจะมีค่าเท่ากันครับ และถ้าจะคิดว่าเสียงคนชนบทที่บอกว่าด้อยการศึกษาเท่านั้นที่เลือกเพื่อไทย เท่าที่ผมคุย ๆ มาคนที่มีการศึกษาสูง ๆ หลายคน ระดับปริญญาเอกก็เลือกเพื่อไทยนะครับ ดังนั้นถ้าอยากจะแก้ผมว่าไม่ใช่แก้กติกา ผมว่ามันดีอยู่แล้ว แต่ถ้าจะแก้มันต้องแก้ที่ว่าหลังจากเลือกมาแล้วจะทำให้ประชาชนมีบทบาทในการตรวจสอบมากขึ้นได้อย่างไรมากกว่า กฏเกณฑ์การเข้าชื่อถอดถอนเหมาะสมดีหรือยัง องค์กรอิสระทั้งหลายทำหน้าที่ได้ดีหรือยัง จะต้องแก้ตรงไหนไหมเพื่อให้ตรวจสอบได้มากขึ้น หรือจะถ่วงดุลอำนาจกันอย่างไร

ซึ่งถ้าแกนนำเสนอตรงนี้เข้าไปและทำสัญญาประชาคมกันว่า ไม่ว่าใครชนะเลือกตั้งเข้ามาจะมีการปฏิรูปตรงนี้ อย่างนี้จะไม่ดีกว่าหรือ การประท้วงก็จะได้จบ ประเทศเราก็จะได้เดินหน้า ช่วงนี้เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้มันยังต้นเดือนอยู่ ถ้าเราทำให้มันสงบได้เร็ว นักท่องเที่ยวอาจกลับเข้ามา อย่ามองว่าผลประโยชน์ตรงนี้มันจะไปตกกับรัฐบาลรักษาการ แต่ให้มองว่ามันเป็นผลประโยชน์ของประเทศ และนี่น่าจะเป็นทางออกที่อารยประเทศเขายอมรับ

อีกสักเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าควรจะทำความเข้าใจเสียใหม่เพราะเดี๋ยวจะเป็นการเถียงคนละเรื่อง คือมีคนพยายามบอกว่าทำไมคนทำผิดแล้วถึงไล่ไม่ได้ ไม่เข้าใจหรือไงว่าสถานะของการได่้มากับสถานะของการดำรงอยู่มันต่างกันนะ แล้วก็ยกตัวอย่างมาหลายตัวอย่าง ตัวอย่างหนึ่งที่ผมจำได้คือ สมมติว่ามีเด็กคนหนึ่งสอบเข้ามาได้เป็นอันดับหนึ่ง แต่เข้ามาแล้วโกงการสอบไล่ เด็กคนนี้จะต้องไม่ถูกไล่ออกใช่ไหม เพราะสอบเข้ามาได้ อ่านแล้วก็คิดว่าเขาช่างคิดยกตัวอย่างนะ แล้วก็มีคนเห็นด้วยมากมาย ก่อนอื่นต้องบอกว่าผมก็เห็นด้วยนะว่าสถานะของการได้มากับสถานะของการคงอยู่มันคนละเรื่องกัน และกลุ่มคนที่ไปชุมนุมต้านพรบ.และลงชื่อถอดถอนเขาก็คิดอย่างนี้แหละ ถ้าเปรียบเทียบก็คือการนำเด็กคนนี้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนนั่นเอง ซึ่งเด็กคนนี้ก็หน้าด้านไม่ยอมลาออก สมมติว่าประชาคมในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่เขาพอใจแค่นี้แล้วก็รอผลลัพธ์ แต่คราวนี้สมมติว่ามีเด็กคนหนึ่งซึ่งมีข้อมูลภายในหรืออาจไม่ชอบเด็กคนนั้นเป็นการส่วนตัว ก็ไปป่าวประกาศชักชวนใครต่อใครว่าเด็กคนที่โกงนี่จริง ๆ มันโกงตั้งแต่สอบเข้ามาแล้ว แล้วก็พาพรรคพวกมารวมตัวกันเรียกร้องขอตั้งกรรมการเฉพาะขึ้นมาเพื่อสอบสวนเด็กคนนี้ รวมถึงมีการพูดไปจนถึงว่าญาติพี่น้องของเด็กคนนี้ที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกันควรจะต้องถูกไล่ออกไปด้วย ถ้าเป็นแบบนี้ประชาคมที่เขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย ก็กลายเป็นว่าเขาออกมาปกป้องเด็กคนนี้อย่างนั้นหรือ

ดังนั้นผมอยากให้มองยาว ๆ ครับ ลองคิดว่าประเทศของเราต้องมีหลักการในการปกครองประเทศ เราไม่ควรจะยอมเสียหลักการเพราะใครไม่ว่าจะรัก จะเกลียดหรือกระแสความต้องการ ลองย้อนกลับไปวันที่มีการพิพากษาคดีซุกหุ้นภาคหนึ่งของทักษิณนะครับ วันนั้นกระแสความต้องการทักษิณแรงมากจากการชนะการเลือกตั้ง วันนั้นทักษิณรอดได้เป็นนายก และเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาในประเทศไทยมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งในความเห็นผมตอนนั้นผมเห็นว่าผิดนะรอดได้ไง และผมคิดว่าในวันนั้นอาจมีคนที่ต้านทักษิณอยู่ในตอนนี้ดีใจอยู่ด้วยก็ได้นะครับ...

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ถึงผู้ชุมนุมครับ

ขอการเมืองอีกสักวัน จริง ๆ ไม่อยากเขียนแล้วนะ ขนาดตัวเองโพสต์อะไรไปคิดว่าเป็นกลาง ๆ ที่สุดแล้วก็ยังถูกตีความว่าเป็นอีกข้างหนึ่งได้ ผมยังยืนยันความต้องการเดิมนะว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรมและควรยุบสภาหรือลาออก แต่วันนี้จะขอเขียนถึงผู้ชุมนุมบ้าง ผมได้อ่านโพสต์ของคนหลายคนที่ออกมาชุมนุมกันแล้วก็พยายามโน้มน้าวคนที่ยังไม่ได้ออกมาชุมนุมให้ออกมา โดยได้บอกว่าอย่าเพิ่งไปสนใจว่าผลลัพธ์หลังจากนี้จะเป็นยังไง ขอให้ล้มระบอบทักษิณให้ได้ก่อน เท่าที่ดูก็ดูเหมือนคนโพสต์และแชร์ต่อ ๆ มาก็มีความรู้มีการศึกษาดีนะ แต่บังเอิญผมเป็นคนรู้น้อย เป็นคนขี้สงสัย จะชวนผมออกไปทำอะไรผมต้องการที่จะรู้ให้สุดไปเลยว่าเราจะได้อะไรจากการทำครั้งนี้ สิ่งที่ได้มาจากการกระทำครั้งนี้คุ้มกับที่เสียไปไหม ปัญหาที่เราออกไปแก้จะจบไปไหมหรือแค่ยืดเวลาออกไปแล้วก็เวียนกลับมาใหม่

จากการที่ได้คุยและอ่านการโพสต์ของหลาย ๆ คนที่เห็นด้วยกับการชุมนุมครั้งนี้ (ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าคนเหล่านี้มีความรักความห่วงใยประเทศชาติอย่างแท้จริง) ว่าทำไมต้องออกมาคำตอบที่ผมได้ก็เป็นคำตอบเดิมที่ได้รับจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร คือเราต้องออกมาล้มระบอบทักษิณกัน ถ้าปล่อยไว้ประเทศชาติจะล่มสลายทักษิณจะโกงกินชาติไปจนหมด เราไม่มีวิธีอื่นใดแล้วนอกจากจะใช้วิธีการที่ผิดกฏหมายแบบนี้ ผมเคยตั้งคำถามว่าเราเชื่อถือสนธิ (ลิ้ม) ได้หรือเขามีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือเปล่า ดูเขาโหนเอาความรักที่เรามีต่อพ่อหลวงมาใช้ให้เป็นประโยชน์นะคำตอบที่ได้ก็คือก็รู้แหละว่าสนธิมีปัญหา แต่เราต้องกำจัดทักษิณให้ได้ก่อน ซึ่งก็ไม่ต่างกับตอนนี้คือสุเทพก็ไม่ดี แต่เราต้องแยกแยะนะจัดการทักษิณก่อน แล้วค่อยมาจัดการสุเทพ แต่ถึงตอนนี้สนธิก็ยังอยู่ดีมีสุข ระบอบทักษิณก็ยังตามมาหลอกหลอนเราจนถึงวันนี้ หลายคนคิดว่าผมไม่รู้เรื่องราวอะไร เพราะเป็นพวกไม่สนใจชาติบ้านเมืองบ้าแต่ลิเวอร์พูล ก็ส่งลิงก์ส่งวีดีโอที่แสดงความเลวร้ายของทักษิณและรัฐบาลมาให้ดู ซึ่งของพวกนี้ผมเห็นหมดแล้วเห็นมาตั้งนานแล้ว แต่คำถามคือมันใช้เป็นหลักฐานอะไรได้ไหม  ผมดูแล้วผมก็คิดว่ามันเป็นไปได้นะ แต่ความที่มันทำมาจากฝ่ายตรงข้ามของทักษิณ และหลักฐานที่เป็นรูปธรรมอะไรก็ไม่มี มันทำให้ยากที่จะดึงมวลชนฝ่ายตรงข้ามหรือที่อยู่กลาง ๆ มาร่วมได้ บางอันรัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร แต่ก็มีความวิตกกังวลกันล่วงหน้าว่ามันจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

ในวันนี้บางคนถึงกับบอกด้วยว่าคราวนี้ถ้ากำจัดระบอบทักษิณแล้วก็กำจัดสุเทพไปพร้อมกันเลย ผมก็ยังงงว่ามันจะทำได้ยังไง มาตั้งคำถามแรกกันก่อนอะไรคือกำจัดระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไป หลังจากยึดประเทศได้แล้ว เราจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมายึดทรัพย์ทั้งหมดของตระกูลชินวัตรหรือยังไง ถ้าจะทำอย่างนั้น เราจะใช้กฏหมายข้อไหน เรายึดรัฐธรรมนูญฉบับไหนอยู่ หรือเราจะใช้วิธีตั้งศาลเตี้ยเอา ถ้าเราทำอย่างนั้นเราจะยังเป็นประเทศที่เป็นอารยะ ได้รับการยอมรับจากนานาชาติอยู่ไหม ถ้าเราบอกว่าไม่แคร์ สิ่งที่เราจะสูญเสียคืออะไรคุ้มกับที่ได้มาไหม หรือเราจะจับลูกเมียทักษิณมาขังคุก แล้วยื่นคำขาดให้ทักษิณกลับมาติดคุก คือมันไม่ชัดเจนสักอย่างว่าระบอบทักษิณที่จะล้มมันคืออะไร แล้วบอกว่าจะกำจัดสุเทพจะทำยังไง หลังจากสุเทพประกาศชัยชนะ มวลหมู่มหาชนก็จะจับสุเทพขังคุกข้อหาเป็นกบฏต่อราชอาณาจักร หรือจะให้สุเทพลงสัตยาบรรณว่าจะวางมือจากการเมือง จะบังคับให้คืนที่ดินเขาแพงหรืออะไรยังไง

ทำสำเร็จแล้วใครจะมาเป็นนายก สุเทพบอกไม่ อภิสิทธ์กับกรณ์ก็ไม่ (ยิ่งรายหลังนี่ยิ่งไม่มีทางเพราะสุเทพคงไม่เอาแล้ว) เราโอเคไหมถ้าสุริยะใสอาจจะได้เป็นนายก อันนี้ไม่ได้ดูถูกอะไรเขานะ ถ้าเขาลงเลือกตั้งแล้วชนะเลือกตั้งเข้ามาผมโอเค แต่ถ้าเป็นแบบนี้จริงผมไม่โอเคนะ สภาประชาชนจะมีหน้าตายังไง ใครจะอยู่ในสภานี้ ใช่พวกมวลหมู่มหาชนนี่ไหม เลือกกันขึ้นมาหรือยังไง มีเงินเดือนไหม เงินเดือนกี่บาท และคำถามที่สำคัญคือมวลหมู่มหาชนที่ว่านี่เอาซะว่าประมาณล้านคน มีสิทธิอะไรที่จะมาพูดแทนคนที่เหลือของประเทศ อาศัยอำนาจมาจากทางใด

หลายคนชอบบอกว่านี่คือปฏิวัติโดยประชาชนและเป็นการปฏิวัติโดยสันติ ตกลงตอนนี้มันยังสันติอยู่ไหมนะ และก็บอกว่าหลายประเทศทำสำเร็จมาแล้ว อียิปต์ก็ทำสำเร็จมาแล้ว แต่ที่ผมอยากบอกก็คืออียิปต์ทำสำเร็จในครั้งแรกคือโค่นมูบารัค เพราะคนทั้งประเทศรวมใจเป็นหนึ่ง แต่ตอนโค่นมอร์ซีนีเกิดสงครามกลางเมืองจนยังไม่สงบมาถึงตอนนี้นะ เพราะมอร์ซีมาจากการเลือกตั้งเขาก็มีฐานของคนเลือกเขาอยู่ในมือ ซึ่งถ้าพวกเสื้อแดงเกิดรวมตัวกันขึ้นมาต่อต้านจริง ๆ เกิดสงครามกลางเมืองมามันจะคุ้มไหม หลายคนบอกว่าถ้าปล่อยให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อไปจะเกิดผลเสียกับประเทศเป็นหลายแสนล้าน ถามว่าเคยประเมินไหมว่าจากที่ทำอยู่ถึงตอนนี้เสียหายไปเท่าไหร่แล้ว แล้วเคยประเมินย้อนกลับกันไปไหมว่าที่ขับไล่กันมาก่อนหน้านี้น่ะสิ่งที่เสียไปกับการที่คิดว่าจะป้องกันเขาโกงไปนี่มันคุ้มหรือยัง แล้วจริง ๆ แล้วสิ่งที่ขับไล่มันหายไปไหม

คราวนี้ก็มีคำถามย้อนกลับมาถึงจากผู้ชุมนุมมาถึงกลุ่มคนที่คิดอย่างผมว่าแล้วจะให้ทำยังไง เอาแต่นั่งบอกว่าอย่าไปชุมนุมรุนแรงช่วยเสนอทางออกมาซิ มาผมจะลองเสนอทางออกมาให้ดู ประการแรกผูู้ชุมนุมจะต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนครับว่าไอ้ที่เรากังวลที่สุดมันคืออะไร ยกคำว่าทักษิณ ชินวัตรออกไปจากหัวก่อน เสนอสิ่งที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้และยังอยู่ภายใต้กฏหมายรัฐธรรมนูญ  สิ่งที่ผู้ชุมนุมกังวลตอนนี้ถ้าเป็นพรบ.นิรโทษมันก็ยุติไปส่วนหนึ่งแล้ว ถ้ากังวลเรื่องพรบ.เงินกู้สองล้านล้าน และพรบ.จัดการน้ำ 3.5 แสนล้านเป็นหลัก ก็ยื่นเงื่อนไขไปเลยว่า ผู้ชุมนุมจะกลับไปชุมนุมอย่างสงบที่ราชดำเนินก่อนให้เวลารัฐบาล 7 วัน เพื่อให้รัฐบาลเปิดประชุมสภาเพื่อหาทางออกที่จะทำให้พรบ.ทั้งสองฉบับไม่มีผลบังคับใช้ จากนั้นให้รัฐบาลยุบสภาเพื่อดำเนินการเลือกตั้งใหม่ และขอให้มีการทำมติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพื่อที่มวลหมู่มหาชนจะได้มีโอกาสนำเสนอแนวคิดการปฏิรูปประเทศ มวลหมู่มหาชนอาจรวมตัวกันเพื่อสนับสนุนพรรคประชาธิป้ตย์ แล้วก็พยายามรณรงค์เรียกร้องคนที่เป็นกลาง ๆ หรือเกลียดทักษิณแต่ไม่ชอบประชาธิปัตย์ให้ฝืนใจเลือกประชาธิปัตย์ไปก่อนเถอะ หรือถ้าคิดว่าไม่พอใจประชาธิปัตย์ก็ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเลยจะตั้งชื่อว่า "พรรคมวลหมู่มหาชนเพื่อส่งเสริมสุดยอดประชาธิปไตยขับไล่ระบอบทักษิณ (มมพสสปชตขรท)" ก็ได้ แล้วมวลหมู่มหาชนก็ลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อผลักดันแนวคิดของตัวเองให้สำเร็จ เป็นยังไงครับอย่างนี้พอเป็นรูปธรรมจับต้องได้ไหม...
 

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

นายกยิ่งลักษณ์ควรจะยุบสภาหรือลาออกและถอนตัวจากการเมือง

วันนี้ขอเขียนเรื่องการเมืองอีกสักวัน ความเห็นผมตอนนี้คือทางออกเฉพาะหน้าของตอนนี้คือนายกยิ่งลักษณ์ควรจะยุบสภาหรือลาออกหลังจากเสร็จการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันนี้ และควรจะออกจากการเมืองไปเลย ที่เขียนตรงนี้ไม่ได้หมายความว่าผมเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้ชุมนุมทำอยู่ตอนนี้นะครับ ผมเห็นด้วยแค่เรื่องต้านพรบ.นิรโทษกรรม ผมมองว่าการชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย. 2556 เป็นสิ่งที่ดีที่เป็นไปด้วยความสงบจริง ๆ เป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ และถ้าจบแค่นั้นคงจะสวยมาก แต่สิ่งที่ผู้ชุมนุมทำอยู่หลังจากวันนั้นผมเห็นว่าไม่ถูกต้องมันเกินเลยไปจนอาจทำให้ประเทศเสียหาย และยิ่งถ้าเกิดความรุนแรงขึ้นมาซึ่งสุ่มเสี่ยงมาก จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเมื่อถึงจุดหนึ่งไม่ว่าจะด้วยความร้อนความเครียดหรือความเกลียดชังที่ถูกปลุกระดมมาตลอด มันก็ทำให้เกิดเรื่องร้ายจนอาจไม่สามารถควบคุมได้

ผมไม่อยากเห็นความสูญเสียเกิดขึ้นอีก จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหน ๆ ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะมีการชุมนุมขับไล่ในลักษณะที่จะทำให้ประเทศชาติเสียหายแบบนี้ ตอนเสื้อเหลืองชุมนุมผมก็เขียนบล็อกแสดงความไม่เห็นด้วย ตอนเสื้อแดงผมก็เขียน ซึ่งการเขียนแต่ละครั้งก็มีคอมเมนต์จากอีกฝ่ายบ้างว่าผมเป็นฝั่งตรงข้าม ยิ่งตอนนี้รายได้หลักของประเทศเราก็คือการท่องเที่ยว และช่วงนี้ก็เป็นฤดูซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยอะ ทำแบบนี้ผมเห็นว่าเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเองครับ คนที่เห็นด้วยกับการชุมนุมอาจบอกว่าก็รัฐบาลมันหน้าด้านไม่ยอมทำอะไรเลย ผมก็เห็นว่าจริงนะดังจะได้เขียนต่อไป แต่เราก็มีวิธีที่จะทำตามระบบและก็ได้ทำไปแล้วไม่ว่าจะยื่นถอดถอนสส.-สว. และประธานสภา เพียงแต่ผลลัพธ์มันอาจจะช้าและไม่ทันใจ ส่วนเรื่องทุจริตนั้นถ้ามีหลักฐานชัดเจนก็ยื่นปปช. ไปเลย ผมอยากจะถามไปยังแกนนำผู้ชุมนุมด้วยว่าเป้าหมายที่จะตั้งรัฐบาลประชาชนน่ะ ใช้กฏหมายข้อไหน มีบทบัญัติตามรัฐธรรมนูญไหม ไหนว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีมากอย่าไปแตะต้องมัน ตอนนี้จะฉีกมันทิ้งแล้วหรือ ตั้งเป้าแบบนี้หวังอะไรกันแน่ เรื่องนี้พอแค่นี้ดีกว่าไว้วันหลังเขียนบล็อกต่างหากไปเลย ถ้ายังรู้สึกอยากระบายอยู่นะครับ

กลับมาที่เรื่องที่ผมเรียกร้องกับนายกดีกว่า จริง ๆ ผมแอบหวังไว้ว่าว่านายกน่าจะยุบสภาตั้งแต่ตอนที่มีเรื่องพรบ.นิรโทษกรรมแล้ว แต่ก็ไม่ยอมยุบโอเคก็พอจะพยายามคิดในแง่ดีว่าเพราะมีเรื่องที่ฝ่ายค้านตั้งใจเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ  นายกอาจอยากเปิดโอกาสให้ทำหน้าที่ก่อน งั้นเดี๋ยวก็จะถูกหาว่าหนีการอภิปรายอีก (ทำอะไรก็โดนด่าทั้งนั้นแหละ) ช่วงอภิปรายที่ผมไม่เขียนก็เพราะรู้ว่าในช่วงนั้นนายกยุบสภาไม่ได้ เพราะกฏหมายบัญญัติไว้ ซึ่งผมก็รู้สึกเศร้าใจมากที่มีคนมาเรียกร้องให้นายกยุบสภาในช่วงนั้น ทั้งที่คนเหล่านั้นก็รู้ว่ายุบไม่ได้ แต่จงใจพูดไม่หมดให้คนที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารหรือไม่รู้กฏหมายข้อนี้ทวีความเกลียดชังเพิ่มขึ้นไปอีก เหมือนส่งเสริมให้คนไปร่วมชุมนุมมากขึ้น

แต่ตอนนี้เสร็จการอภิปรายแล้ว นายกชนะไปด้วยเสียงข้างมากที่มีอยู่ในมือ อำนาจการยุบสภากลับมาอยู่ในมือของนายกอีกครั้งดังนั้นผมอยากขอวิงวอนครับขอให้ยุบสภาเถอะครับ  ผมว่าสส.เพื่อไทยตั้งแต่กรรมมาธิการที่เข้าไปแก้ร่างและโหวตให้พรบ.ผ่าน หมดความชอบธรรมที่จะเป็นสส.นะ ดังนั้นยุบสภาน่าจะเป็นทางออกที่ดี ให้ประชาชนได้เลือกเข้ามาใหม่ และทางที่ดีไม่น่าจะส่งคนเหล่านั้นลงสส.อีก (อันนี้ผมคงจะฝันไป) ถึงแม้แกนนำการชุมนุมจะบอกว่ายุบสภาก็ไม่เลิกก็ไม่ต้องสนใจ ผมเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่น่าจะพอใจแค่นี้

อย่างไรก็ตามผมว่ายุบสภาแล้วถ้ายังลงเลือกตั้งกันเหมือนเดิม ผมยังคิดว่าในเวลานี้เพื่อไทยก็จะยังชนะการเลือกตั้งอยู่ดี เพราะประชาธิปัตย์ในความเห็นผมก็ยังไม่พร้อมที่จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ดังนั้นมันก็จะกลับมาสู่จุดเดิมอีกจนได้ ดังนั้นผมจึงอยากเสนอว่านายกน่าจะประกาศถอนตัวทางการเมืองเลยด้วย ไม่ว่าจะด้วยการลาออกโดยไม่ยุบสภาหรือยุบสภาก็ตาม โดยส่วนตัวผมชอบบุคลิกของนายกนะที่ไม่ตอบโต้อะไรทางการเมือง เพราะผมว่ามันทำให้บรรยากาศของประเทศดีขึ้น ไม่น่ารำคาญโต้กันไปโต้กันมา และถ้าเป็นไปได้อย่างนี้เรื่อย ๆ ประเทศเราอาจจะกลับมาปรองดองกันก็ได้ แต่จากการที่ผมมองดูนายกบริหารงานมาสองปีนี้ผมรู้สึกว่านายกอาจไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้ ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนี้


  1. นายกขาดความรู้พื้นฐานด้านภาษา เศรษฐกิจ การต่างประเทศและสังคม ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่มีคนโจมตีนายกกันมากโดยใช้ถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งผมจะไม่เอามากล่าวถึงในที่นี่เพราะผมไม่เห็นด้วยกับการที่คนเราจะมาด่ากันด้วยคำ ๆ นี้ และหลายคนด่าโดยไม่รู้สึกผิด และทำเหมือนว่าตัวเองจะดูดีขึ้นด้วยถ้าได้ด่าคนด้วยคำนี้ ผมมองว่าที่นายกไม่รู้ อาจเป็นเพราะไม่ได้เตรียมตัวที่จะมารับตำแหน่งนี้ ถึงตรงนี้ผมอยากเสริมสำหรับนักเรียนที่เรียนอยู่และไม่เห็นความสำคัญของวิชาอย่างประวัติศาสตร์ สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ และภาษาไทยว่า น่าจะตั้งใจเรียนกันให้มากขึ้นหน่อยนะ เพราะไม่รู้ว่าเราอาจจะต้องนำมันมาใช้ก็ได้ ยิ่งภาษาอังกฤษนี่ตอนนี้ยิ่งเพิมความสำคัญมากขึ้นอีกมาก 
  2. นายกไม่มีบารมีมากพอทางการเมือง สส.ในพรรคของตัวเองก็คงไม่ได้เคารพหรือผูกพันกับนายกสักเท่าไหร่ น่าจะฟังแต่พี่ชายหรือพี่สาวนายกเท่านั้น
  3. นายกไม่มีทีมงานที่ดี ถ้าตัวเองไม่พร้อมทีมงานที่ดีน่าจะช่วยได้ แต่ปรากฏว่าทีมงานเศรษฐกิจของนายกทำงานได้แย่มาก โดยเฉพาะเรื่องการจำนำข้าวนี่เป็นที่น่าผิดหวังจริง ๆ ไม่มีความชัดเจนอะไรสักอย่าง จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีเงินจะให้ชาวนาแล้ว 


จากสามข้อนี้ผมว่าก็เพียงพอจะให้นายกรู้ตัวเองได้แล้วนะว่าตัวเองไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกของประเทศไทย ถ้านายกตั้งใจเข้ามาทำงานด้วยเจตนาดีต่อประเทศจริง ก็ต้องรู้ตัวแล้วว่าตัวเองทำไม่ได้แล้วก็ถอนตัวออกไป ถ้านายกเข้ามาเพราะต้องการตอบแทนบุญคุณพี่ชายที่เลี้ยงตัวเองมา ตอนนี้นายกก็ได้ทำแล้ว และน่าจะได้รู้เช่นเห็นชาติของพี่ชายนายกแล้วว่าไม่ได้รักนายกจริง ๆ เลย ขณะที่นายกพยายามทำหน้าที่ของตัวเองไป พี่ชายนายกก็คิดแต่เรื่องตัวเองจะกลับมาไทยแบบไม่มีความผิด โดยไม่ได้ดูเลยว่าสิ่งนี้มันจะทำลายสิ่งที่นายกพยายามทำมา

อีกประการหนึ่งอันนี้ไม่เกี่ยวกับสามข้อที่กล่าวมา นายกน่าจะคิดถึงลูกชายนายกให้มาก ๆ ดีกว่า จากการที่ดูมาผมว่านายกเป็นแมที่ดีนะ ก่อนหน้าที่นายกจะมารับตำแหน่งผมว่าครอบครัวของนายกน่าจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่นรักใคร่กันดี ถ้านายกวางมือตอนนี้ก็กลับไปใช้ชีวิตครอบครัวเหมือนเดิม และไม่ต้องกังวลว่าลูกของนายกจะได้รับผลกระทบทางการเมืองไปด้วย ผมว่าสังคมไทยเดี๋ยวนี้โหดร้ายนะ (หรือเป็นมานานแล้วแต่ไม่มีช่องทางแสดงออกก็ไม่รู้) คือถ้าเกลียดใครแล้วก็สามารถโยงให้ไปเกลียดคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้หมด โดยไม่ต้องแยกแยะ อย่างที่การชุมนุมขับไล่ตระกูลของนายกทั้ง ๆ ที่ คนบางคนในตระกูลนายกก็อาจจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทางการเมืองเลยก็ได้

นี่ก็เป็นความเห็นของคนไทยคนหนึ่ง ซึ่งอยากจะแสดงออกแม้จะรู้ว่ามันอาจจะไม่ได้เข้าหูเข้าตานายกหรือผู้มีอำนาจใด ๆ อยากขอสรุปอีกครั้งว่า นายกยิ่งลักษณ์ครับยุบสภาหรือลาออกและถอนตัวออกจากการเมืองเถอะครับ...  

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มุมมองเล็ก ๆ เกี่ยวกับการคัดค้านพรบ.นิรโทษกรรม

ไม่ได้เขียนบล็อกมานานมากครับ ย้อนไปดูว่าบล็อกล่าสุดก็เกือบครึ่งปีมาแล้ว จริง ๆ มันก็มีเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายที่อยากจะเขียนแต่ไม่มีเวลา พอจะว่างเหตุการณ์นั้นก็ผ่านไปแล้ว แต่การรวมตัวกันค้านพรบ.นิรโทษกรรมนี้เป็นอะไรที่คงจะไม่เขียนไม่ได้

ก่อนอื่นผมดีใจมากที่ได้เห็นคนไทยแทบทุกหมู่เหล่าทุกกลุ่มออกมารวมพลังกันต่อต้านสิ่งที่คิดว่าไม่ถูกต้อง คนผิดคนโกงจะต้องได้รับการลงโทษ และดีใจที่หลาย ๆ กลุ่มที่ไม่ได้เป็นกลุ่มการเมืองออกมาคัดค้านผ่านทางเครือข่ายสังคมบ้าง ประท้วงอยู่ในบริเวณที่ของตัวเอง ไม่ได้ละเมิดสิทธิหรือก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับคนอื่นมากนัก ผมอยากให้กลุ่มเหล่านี้รักษาจุดยืนตรงนี้ไว้นะครับให้คิดว่าเราออกมาต้านสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ออกมาเพราะเกลียดหรือมีอคติ และอย่าให้พวกนักการเมืองหรือพวกที่แสวงอำนาจมาหลอกล่อเอาพลังของพวกเราไปใช้เพื่อประโยชน์ของพวกคนเหล่านั้น และให้ชั่งใจให้ดีก่อนที่จะทำอะไรให้คิดว่ามันคุ้มที่จะทำไหม สิ่งที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่ปีนี้ไม่ว่าจะเป็นการยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน หรือยึดย่านธุรกิจ มันคุ้มกับสิ่งที่เราได้มาไหม ผมว่าเราคงไม่อยากจะเป็นเหมือนซีเรีย หรืออียิปต์ใช่ไหมครับ

เราคงเห็นแล้วว่าด้วยพลังของพวกเราที่แสดงออกมาก็มีผลทำให้ทางฝั่งที่คิดว่าตัวเองมีอำนาจจะทำอะไรก็ได้ก็เริ่มที่จะถอยหลังแล้ว และฝากด้วยว่าก่อนจะลงคะแนนเลือกตั้งครั้งหน้า ให้คิดถึงสิ่งที่พรรคที่มีเสียงข้างมากอยู่ตอนนี้ทำเอาไว้นะครับ ที่เขียนอย่างนี้นี่ไม่ได้หมายความว่าผมเชียร์พรรคเก่าแก่ที่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอยู่ตอนนี้นะครับ ผมว่าพรรคนี้ก็ไม่สามารถฝากความหวังอะไรได้ ตราบใดที่ยังคงคิดแต่จะเล่นการเมือง ตอดเล็กตอดน้อย เหน็บแนมเขาไปทั่ว และคิดแต่จะกลับมามีอำนาจ อย่างตอนนี้ก็ทำท่าว่าจะใช้กระแสตอนนี้หาประโยชน์เข้าตัวอีกแล้ว ผมเชียร์ให้คุณอลงกรณ์ปฎิรูปพรรคนี้สำเร็จ เปลี่ยนตัวผู้บริหารเอาคนที่มีคุณภาพอย่างคุณศุภชัย หรือคุณสุรินทร์มาทำงาน ถ้าทำได้ผมจะได้มีทางเลือก เลิกกาช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนนซะที ชักนอกเรื่องแฮะดูสิการเมืองพาไปจริง ๆ กลับมาเรื่องพรบ.นี่ดีกว่า

อีกจุดหนึ่งที่ผมอยากให้คิดหลังจากที่เราได้ออกมาต่อต้านพรบ.นี้ก็คือ ขอให้เราดูตัวเราเองครับ ผมมองว่าสังคมจะดีได้ต้องเริ่มจากตัวเราก่อน มันง่ายครับที่จะชี้หน้าด่าว่าคนอื่นเขาไม่ดี คดโกง เห็นแก่พวกพ้องแต่ลองมองตัวเองครับว่าตัวเราเองก็มีพฤติกรรมเหล่านี้หรือเปล่า อย่างคนเป็นครูบาอาจารย์ เราได้ทำหน้าที่ของเราเต็มที่หรือยัง เราสอนหนังสือให้ความรู้กับนักศึกษาเต็มที่ไหม เราเป็นนักเรียนเราตั้งใจเรียนเต็มที่ไหม เราลอกการบ้านลอกข้อสอบ ลอกผลงานวิชาการของคนอื่นมาเป็นของตัวเองไหม เราเป็นหัวหน้าคนเราให้รางวัลกับผลงานของลูกน้องเราอย่างยุติธรรมไหม หรือให้ผลงานแต่พวกตัวเอง ถ้าไม่ใช่พวกตัวเองต่อให้ทำงานให้ตายก็แทบไม่ได้อะไร เราไปชี้หน้าด่าคนอื่นว่าโกงไม่จ่ายภาษี แต่ถ้าเป็นตัวเราเองถ้ามีช่องทางเราจะทำไหม

กลับมาวันนี้อาจจะหนักไปหน่อย แต่ก็ขอแสดงมุมมองเล็ก ๆ ของตัวเองสักหน่อยแล้วกันนะครับ

วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

ช่องสามช่วยตอบทีว่าอะไรอยู่เหนือเมฆ

สวัสดีปีใหม่อีกครั้งครับ สำหรับบล็อกนี้ก็เป็นบล็อกแรกในปีนี้นะครับ จริง ๆ ตั้งใจจะเขียนอีกเรื่องหนึ่ง แต่บังเอิญตอนที่กำลังจะเขียนก็มีกระแสเรื่องละครเหนือเมฆ 2 ถูกถอดออกจากช่องสามทั้งที่ยังฉายไม่จบ ก็เลยเปลี่ยนใจเขียนถึงเสียหน่อย บอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยได้ตามดูละครเรื่องนี้นะครับ ดังนั้นผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร เท่าที่ดูผ่าน ๆ ก็เห็นมีเนื้อหาเกี่ยวกับนักการเมือง เวทย์มนตร์ ฉากบู๊ล้างผลาญ ยิงกัน ปล่อยพลังเหมือนหนังกำลังภายในอะไรประมาณนี้

ช่องสามก็ออกมาชี้แจงว่าที่ต้องแบนเพราะมีเนื้อหาไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่บอกว่าไม่เหมาะสมตรงไหน และก่อนที่จะเอาละครมาฉายนี่ไม่ได้ดูเนื้อหาก่อนหรือ ทำไมตอนที่อนุญาตให้ฉายถึงไม่คิดว่ามันไม่เหมาะสม แล้วทำไมตอนนี้มันถึงเกิดไม่เหมาะสมขึ้นมา หรือมันไปโดนต่อมดัดจริตของใครเข้า ละครตบตีกันแย่งผู้ชาย โวยวายโหวกเหวก กรี๊ดกร๊าด เลิฟซีนชัดเจน พวกนี้เป็นละครที่มีเนื้อหาเหมาะสม? แล้วตกลงใครควรเป็นคนคิดว่าอะไรเหมาะสม หรืออะไรไม่เหมาะสม คนไทยคิดเองไม่เป็นหรืออย่างไร

ละครก็คือละครจุดประสงค์หลักก็คือความบันเทิง ผมว่าคนส่วนใหญ่ก็คงไม่ได้จริงจังอะไรกับละคร เรื่องไหนชอบก็ดู เรื่องไหนไม่ชอบก็ไม่ดู จบเรื่องนี้ก็ดูเรื่องใหม่ บางเรื่องอาจมีข้อคิดบ้าง แต่ก็คงไม่มีใครที่ใช้ละครเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ดังนั้นผมว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราก็อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้เลยครับ ที่พูดมานี่ไม่ใช่ว่าไม่ต้องควบคุมดูแลกันเลย ไอ้ประเภทโป๊เปลือยเรทอาร์เรทเอ๊กซ์อะไรแบบนี้ก็คงปล่อยให้ออกมาในละครไม่ได้ และจริง ๆ เราก็มีการจัดเรทละครกันอยู่แล้ว ก็ทำให้มันชัดเจนเป็นจริงเป็นจัง ละครที่มีเนื้อหารุนแรงมีฉากที่คิดว่าไม่เหมาะสมกับเยาวชน เช่นสูบบุหรี่กินเหล้า เลิฟซีนชัดเจน นางเอกนางร้ายแต่งตัวโชว์ร่องอก ก็จัดเป็นเรท ฉ. ให้ฉายตอนดึกไปเลย จะได้ไม่ต้องไปทำเบลออะไรให้รำคาญ  ผมจะได้ดูได้ชัด ๆ ด้วย เอ๊ย ไม่ใช่ยังงั้น พ่อแม่ผู้ปกครองก็ควรจะดูแลให้ลูกหลานไม่ดูละครที่ไม่เหมาะกับวัยของตนด้วย อันนี้น่าจะรวมถึงหนังโรงด้วยนะครับ ผู้เกี่ยวข้องน่าจะเข้มงวดกันหน่อย

จริง ๆ ผมว่าไอ้ฉากกินเหล้าสูบบุหรี่นี่มันก็ไม่น่าจะต้องเซ็นเซอร์นะ เด็กก็ดูได้ ผมไม่คิดว่าเด็กจะกินเหล้าหรือสูบบุหรี่เพราะดูละครหรอก แล้วไปเบลอคิดว่าเด็กไม่รู้หรือว่าเขาทำอะไร ไปเบลอขวดเหล้าเสร็จแล้วตัวละครกินเสร็จก็เมา เด็กไม่ได้โง่นะครับจะได้เข้าใจว่าไอ้ที่เมาน่ะเมาโค้ก หรือไอ้ฉากเอาปืนขึ้นมาจ่อกันก็ดันเบลอปืนอีก ผมโตมาในยุคที่ไม่ได้เบลอพวกนี้นะครับ ผมไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และก็ไม่เคยเอาปืนไปจ่อหัวใคร อีกอย่างไอ้เบลอป้ายโฆษณาเหล้าตอนข่าวกีฬาจนดูไม่รู้เรื่องนี่ก็น่าจะเลิกด้วย

ชักออกนอกเรื่องแฮะ กลับมาเข้าเรื่องหน่อย ถ้าการแบนละครเหนือเมฆนี้มีสาเหตุมาจากเรื่องการเมืองจริง ๆ อย่างที่ว่ากัน ต่อไปเราก็คงได้ดูแต่ละครประเภทนางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายแล้วพระเอกไม่รู้ นางเอกหรือพระเอกปลอมตัวเป็นคนใช้ทั้งที่เป็นทายาทมหาเศรษฐี พระเอกเป็นเจ้าชายประเทศสมมติอะไรสักแห่ง บ้านทรายทอง 2013 ดอกส้มสีทอง 2014 แรงเงา 2015 หรือละครประเภทโลกสวยขณะที่ประเทศเราถูกจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ เรื่องคอรัปชัน แต่ละครต้องสร้างออกมาว่าเรามีรัฐบาล ข้าราชการที่โปร่งใสซื่อสัตย์อะไรประมาณนี้ แต่คิดอีกทีละครเรื่องหงส์สะบัดลายของช่องสามก็มีเรื่องนักการเมืองโกงนะ ทำไมไม่โดนแบน หรือมันไม่โดนต่อมดัดจริต

สรุปสุดท้ายอยากฝากช่องสามให้มีความชัดเจนครับ ชี้แจงไปเลยว่าแบนเพราะอะไร ถ้ามีใครสั่งก็ต้องกล้าเปิดเผย ตัวเองเป็นสื่อถ้าไม่กล้าเปิดเผยความจริง แล้วจะเป็นสื่อไปทำไม...

วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ผู้บริหารบ้านเมืองของเราจะยอมรับผิดกันบ้างได้ไหม?

วันนี้ขอเขียนเรื่องฟุตซอลชิงแชมป์โลกสักวันแล้วกันนะครับ ในขณะที่เขียนนี่ก็กำลังรอลุ้นว่าไทยจะผ่านเข้ารอบเป็นหนึ่งในสี่ของอันดับสามที่ดีที่สุดหรือเปล่า ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าต้องลุ้นเหนื่อยมากครับ ต้องให้ทีมนั้นชนะทีมโน้นกี่ประตูขึ้นไป ปวดหัวจริง ๆ ครับเรื่องต้องยืมจมูกคนอื่นเขาหายใจเนี่ย  แต่ที่จะพูดถึงไม่ใช่เรื่องการแข่งขันครับ แต่จะพูดถึงข่าวที่ได้ฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจเลย ก็คือข่าวที่ผู้ว่ากทม.จะฟ้องฟีฟ่าเรื่องที่ไม่ยอมอนุมัติให้ใช้สนามบางกอกฟุตซอลอารีน่าในการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลกที่เราเป็นเจ้าภาพอยู่ตอนนี้ เหตุผลที่ผู้ว่าจะฟ้องก็คือการกระทำของฟีฟ่าทำให้กทม.เสียชื่อ ผมฟังแล้วก็รู้สึกประหลาดใจมาก จริง ๆ เราเสียชื่อมาตั้งแต่สนามสร้างเสร็จไม่ทันวันเปิดการแข่งขันแล้วไม่ใช่เพิ่งจะมาเสียชื่อตอนนี้

ผมอยากถามว่าการที่ผู้ว่าจะฟ้องนี่จริง ๆ แล้วจะปกป้องชื่อเสียงกทม.หรือชื่อเสียงตัวเองกันแน่ เพราะตอนนี้รู้สึกว่าตัวผู้ว่าตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนัก แต่ในส่วนนี้ขอออกตัวให้ผู้ว่าหน่อยแล้วกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้โทษผู้ว่าคนเดียวไม่ได้นะครับ ต้องโทษผู้บริหารที่เกี่ยวข้องทุกคนตั้งแต่รัฐบาลประชาธิปัตย์ รัฐบาลนี้ และตัวนายกสมาคมฟุตบอลด้วย แต่ที่ผู้ว่าโดนหนักก็เพราะเป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างสนามโดยตรง และจากที่สื่อนำเสนอก็คือมีการมาโหมเร่งงานกันเมื่อเหลือเวลาประมาณสองสามเดือนสุดท้ายก่อนจะแข่ง

ปัญหาหลักที่เกิดขึ้นตามความคิดของผมคือผู้บริหารเหล่านี้ติดการทำงานแบบไทย ๆ และเล่นเกมการเมืองกันมากเกินไป ที่ว่าติดการทำงานแบบไทย ๆ ก็คือได้รับงานมาล่วงหน้าแต่แทนที่จะวางแผนเร่งลงมือทำก็มักจะทอดเวลาไว้จนใกล้จะถึงเส้นตายแล้วถึงจะเร่งลงมือทำ หรือตามสำนวนที่เรียกว่ารอจนไฟลนก้นนั่นแหละครับ เหตุการณ์ที่เราเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาหลายรายการก่อนหน้าก็เป็นแบบนี้นะครับ คือรู้ว่าต้องเป็นเจ้าภาพมาล่วงหน้าหลายปี แต่กว่าจะลงมือทำก็รอไว้จนใกล้จะถึงกำหนด ซึ่งที่ผ่านมาเราโชคดีครับที่เราสามารถสร้างสนามอะไรต่ออะไรให้เสร็จก่อนหน้าการแข่งขันได้ประมาณสักไม่กี่เดือนมั้งครับ ที่เราทำได้เพราะเราโชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์วิกฤตอย่างมหาอุทกภัยในปีที่แล้ว  แต่คราวนี้เราไม่โชคดีอย่างนั้น ดังนั้นจากเหตุการณ์นี้ถ้าประเทศเรายังมีโอกาสได้เป็นเจ้าภาพอะไรอีก (ซึ่งผมว่าคงยากแล้วหละ) ช่วยคิดใหม่ทำใหม่ให้เหมือนประเทศที่เขามีการวางแผนที่ดีหน่อยนะครับ เช่นอยากเห็นสนามแข่งเสร็จก่อนหน้าการแข่งขันสักครึ่งปีอะไรอย่างนี้ และอีกอย่างก็คือช่วยดูหน่อยนะครับว่าเรื่องอะไรมันเป็นเรื่องของประเทศชาติก็พักเรื่องส่วนตัวไว้ มาระดมแรงระดมความคิดช่วยกันให้ผ่านไปให้ได้ ไม่ใช่ขัดแข้งขัดขากันจนมันเกิดความเสียหายจนแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วแบบนี้

 กลับมาที่เรื่องที่ผู้ว่าจะฟ้องผมว่าอยากให้คิดใหม่นะ ผมว่าฟีฟ่าก็มีเหตุผลที่เหตุผลที่จะไม่รับนะครับ ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นฟีฟ่าตอนมาดูเมื่อเดือนสองเดือนที่แล้วยังเป็นโครงอยู่เลยอะไรอะไรก็ไม่เสร็จสักอย่าง แป๊บเดียวเสร็จเหมือนเนรมิต ลองย้อนถามตัวเราเองดูว่าเป็นเราเราจะกล้าใช้ไหม ถ้าใช้ไปแล้วมันเกิดถล่มเกิดพังขึ้นมามันจะเสียหายกันมากกว่านี้นะครับ หรือถ้าฟีฟ่าให้ผ่านด้านความปลอดภัยได้ มันก็อาจมีปัญหาอื่นไม่ว่าจะเป็นปัญหาสภาพแวดล้อม การดำเนินการ ลองคิดดูสนามเพิ่งเสร็จยังไม่ได้ทดสอบเต็มที่เลย สมมติถ้าใช้ตอนแข่งเกิดเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้นจะทำยังไง เปรียบเหมือนซอฟต์แวร์ที่เร่งพัฒนาจนเสร็จ ดูภาพรวมอาจดูดีมีส่วนติดต่อกับผู้ใช้ที่สวยงาม แต่พอใช้ไปอาจเจอบั๊กก็ได้ เพราะไม่ได้มีการทดสอบซอฟต์แวร์เต็มที่ทั้งระบบ สรุปก็คือคนพวกนี้เขาทำงานกันแบบมืออาชีพครับ เขาไม่มานั่งมัวรักษาหน้าหรือเกรงใจใครหรอกถ้าคิดว่ามันอาจทำให้เกิดปัญหา อีกอย่างเขาอาจไม่เข้าใจวิธีทำงานแบบผักชีโรยหน้าของไทย และเขาอาจไม่ชอบกินผักชีก็ได้ :)

ถ้าสร้างเหมือนเนรมิตแบบนี้อย่าว่าแต่ฟีฟ่าเลย แม้แต่ผมเองผมยังถามตัวเองเลยว่าผมจะกล้าเข้าไปใช้สนามนี้ไหม เพราะมันสร้างกันเร็วมาก บอกตามตรงตอนที่รู้ว่าเราเป็นเจ้าภาพและจะมีการสร้างสนามที่หนอกจอก ผมก็วางแผนไว้แล้วว่าจะพาลูก ๆ ไปดูฟุตซอลสักนัดหนึ่ง เพราะสนามมันอยู่ไม่ไกลจากบ้านและอยากให้ลูก ๆ ได้สัมผัสบรรยากาศของงานระดับโลก แต่ตอนนี้ต่อให้ฟีฟ่าอนุมัติผมยังลังเลที่จะไปเลยครับ

ดังนั้นผมคิดว่าฟีฟ่าทำถูกแล้วครับที่ไม่รับ แต่ถ้าฟีฟ่าจะผิดก็ผิดอยู่อย่างเดียวคือไม่ยอมใช้เทคโนโลยีมาช่วยตัดสินฟุตบอลเสียที เพราะทำให้หงส์แดงของผมเสียประโยชน์มากมาย... เฮ้ยไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้...   คือที่ผมว่าฟีฟ่าทำผิดก็คือไม่รีบบอกมาตั้งแต่ต้นว่าจะไม่ใช้ เพราะในความคิดของผมผมว่าฟีฟ่าจะไม่ใช้มาตั้งแต่ต้นแล้วแต่อาจติดเชื้อพี่ไทยเข้าไปหน่อยก็เลยออกลูกเกรงใจรักษาหน้าเจ้าภาพไว้ แต่ผมว่าถ้าฟีฟ่าฟันธงมาเลยตั้งแต่มาตรวจรอบแรกว่าไม่ใช้ เราจะได้ไม่ต้องเร่งสร้าง อาจจะเลิกสร้างไปเลยจะได้ประหยัดงบไป แต่ถ้ากลัวเป็นแบบโครงการโฮปเวล (โฮปเลส) ก็อาจสร้างต่อแต่ทำให้มันมั่นใจว่ามันแข็งแรง แล้วก็ใช้แข่งฟุตซอลในรายการอื่น ๆ ต่อไป


พูดถึงการสร้างแบบเนรมิตแบบนี้ทำให้ผมคิดถึงนิทานที่ผมเคยอ่านตอนเด็ก ๆ ได้เรื่องหนึ่งครับ เรื่องก็มีอยู่ว่ามีชาวไทยคนหนึ่ง ไปรับเพื่อนชาวต่างชาติสองคนคนหนึ่งเป็นคนจีนอีกคนเป็นอเมริกัน ซึ่งทั้งสองเพิ่งเคยมาเมืองไทยเป็นครั้งแรก พอทั้งสองขึ้นรถได้ก็เริ่มคุยโม้โอ้อวดกันว่าจีนกับอเมริกานี่ใครเป็นสุดยอดของการก่อสร้าง คนจีนก็ยกตัวอย่างกำแพงเมืองจีนว่าสร้างในสมัยที่ไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลย  ใช้เวลาไม่กี่ปีก็เสร็จ คนอเมริกันก็บอกว่าอเมริกันสิสุดยอดกว่า อย่างเทพีสันติภาพนี่คนอเมริกันใช้เวลาสร้างสองสามเดือนเอง คือจริง ๆ เจ้าสองคนนี่โม้นะครับ เพราะจริง ๆ พวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจริง ๆ มันใช้เวลาสร้างเท่าไรกันแน่  ส่วนคนไทยก็เงียบไม่พูดอะไร ทำให้เจ้าสองคนนี่นึกดูถูกว่าคนไทยคงไม่มีความสามารถก่อสร้างอะไรเลย จนรถแล่นผ่านมาถึงอนุเสาวรีย์ชัย ฯ เจ้าคนอเมริกันก็ถามว่าเฮ้ยนี่มันอะไรน่ะประเทศนายก็มีสิ่งก่อสร้างดี ๆ เหมือนกันนี่ คนจีนก็ถามว่าสร้างนานไหม คนไทยก็ตอบแบบนิ่ง ๆ ว่า เรียกว่าอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อกี้ตอนขามามันยังไม่มีไอ้นี่อยู่เลย...

ออกนอกเรื่องไปอีกแล้วสรุปก็คือผมอยากจะให้พวกผู้บริหารหรือแม้แต่ตัวพวกเราเองยอมรับในความผิดพลาด แล้วก็แก้ไขแทนที่จะเที่ยวไปโทษคนโน้นคนนี้ก่อน อย่างผมเองเป็นอาจารย์ก็มีบางครั้งที่ผมพูดผิดแต่เมื่อผิดผมก็บอกว่าผิดและก็ขอแก้ไข ซึ่งผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นการเสียหน้าอะไร อาจารย์ก็คนก็ผิดได้ (วันนี้ก็เพิ่งพูดผิดไปต้องรีบสั่งให้นักเรียนลบที่พูดออกจากหน่วยความจำ) แต่หลัง ๆ มานี่ผมรู้สึกว่าผู้บริหารของเรากลัวเสียหน้ามากกว่าอย่างอื่น นอกจากกรณีนี้ที่โยนกันไปโยนกันมาและกำลังจะโยนต่อไปให้ฟีฟ่าแล้ว อีกตัวอย่างก็คือเครื่อง GT200 ครับ ทำไมยังมีคนพูดอยู่ได้ว่ามันใช้งานได้ ทั้งที่ไม่สามารถหาหลักการทางวิทยาศาสตร์อะไรมารองรับได้เลย นักวิทยาศาสตร์ในต่างประเทศและในประเทศก็พิสูจน์แล้วว่ามันทำงานไม่ได้ มันจะเสียหน้าอะไรนักหนาถ้าจะออกมายอมรับความผิดพลาด มันไม่ใช่ประเทศเราประเทศเดียวเสียหน่อยที่ีโดนหลอก ประเทศที่เขาเจริญกว่าเราก็ยังโดน

อ้าวจากเรื่องสนามฟุตซอลมาออกเรื่อง GT200 ได้ยังไงนี่ จบดีกว่าเดี๋ยวจะลากไปเรื่องอื่นอีก แล้วบล็อกจะพาลถูกปิดเอา...

วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คนไทยยอมรับรัฐบาลที่โกงแต่ให้ประโยชน์จริงหรือ


อ่านข่าวว่าโพลบอกว่าคนไทยยอมให้รบ.โกงถ้าตัวเองได้ประโยชน์ด้วยมาหลายครั้งแล้ว ล่าสุดนี่ก็อีกครั้ง อึ้ง! โพลชี้คนไทย รับได้รัฐบาลทุจริต แล้วก็มักจะมีข้อสรุปว่าคนไทยมีทัศนคติไม่ดี ทัศนคติอันตรายบ้าง ผมดูผลแล้วก็งงอยู่ว่าคนไทยเป็นอย่างนี้จริงหรือ โดยส่วนตัวอยากเห็นคำถามในโพลมากว่าเป็นอย่างไร อยากรู้ว่ามันมีให้เลือกระหว่างรัฐบาลที่ไม่โกงแต่ไม่เก่ง (ประชาชนได้ประโยชน์น้อย) กับรัฐบาลที่โกงแต่เก่งไหม ถ้ามีแล้วผลยังออกมาแบบนี้ในส่วนตัวก็คิดว่านั่นคือทัศนคติที่ต้องแก้ไขจริง ๆ เพราะโดยส่วนตัวผมเชื่อว่าความเก่งพัฒนากันได้ แต่ความซื่อสัตย์สุจริตนี่สร้างยากครับ และในแง่ของนักลงทุนเขาก็คงต้องการลงทุนกับรัฐบาลที่ซื่อสัตย์สุจริตมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นถ้าประชาชนมีความคิดอย่างนี้จริง ค่านิยมนี้ก็จะระบาดไปทั่วสังคม ซึ่งคงไม่ต้องบอกนะครับว่าสังคมที่มีแต่คนที่ไม่ซื่อสัตย์นี่มันจะเป็นอย่างไร

แต่ผมไม่คิดว่าประเทศเราจะอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างนั้นครับ ผมเชื่อว่าที่ผลออกมาแบบนี้เพราะคนไทยส่วนใหญ่น่าจะเห็นว่ารัฐบาลไหนก็โกงทั้งนั้น ดังนั้นถ้าต้องเลือกก็ขอเลือกที่โกงแล้วแต่ประเทศยังก้าวเดินไปข้างหน้าได้ก็แล้วกันมากกว่า

แน่นอนครับผมคิดว่าคนไทยทุกคนก็อยากได้รัฐบาลที่ไม่โกงและเก่งด้วย แต่ด้วยนักการเมืองที่มีอยู่ตอนนี้เราคงหวังได้ยาก ดังนั้นเราคงต้องช่วยกันครับ เริ่มจากตัวเราครับตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย เช่นทำตามกฏหมายง่าย ๆ อย่างเคร่งครัด เช่นข้ามถนนบนสะพานลอย ไม่ขับรถย้อนศรเพื่อที่จะได้กลับรถใกล้ ๆ นักเรียนนักศึกษาไม่ทุจริตการสอบ ไม่จ่ายเงินใต้โตะเพื่อให้ได้รับบริการที่เร็วขึ้น และไม่จ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะเพื่อให้ลูกเข้าโรงเรียนดัง ๆ เป็นต้น ซึ่งผมมองว่าเรื่องการทุจริตนั้นมันมักจะเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้แหละครับ และมันก็ติดเป็นนิสัยจนไปทำเรื่องที่ใหญ่ขึ้น และอย่าลืมครับว่าเด็ก ๆ เขามองการกระทำของเราเป็นตัวอย่างอยู่นะครับ พ่อแม่ที่จูงมือลูกข้ามถนนใต้สะพานลอย ลูกก็จะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ไร้ระเบียบวินัย พ่อแม่ที่จ่ายเงินให้ลูกได้เข้าเรียนลูกก็จะคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง ดังนั้นเขาก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่คิดแต่จะหาเงินให้ได้เยอะ ๆ อะไรประมาณนี้ ส่วนเรื่้องความเก่งนั้นผมว่าน่าจะทำได้ด้วยการพัฒนาตัวเองให้เป็นคนรู้รอบและรอบรู้ครับ เริ่มต้นจากพัฒนาตัวเองให้สามารถหาความรู้ต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองครับ หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นคนที่สามารถเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ได้ตลอดชีวิต รู้จักแยกแยะข้อมูลข่าวสารรับข่าวสารให้รอบด้าน ปัญหาของบ้านเมืองที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการที่พวกเราหลายคนเลือกที่จะรับข่าวสารเพียงด้านเดียวและไม่กรองข่าวสารด้วยนี่แหละครับ

วันนี้อาจจะหนักไปหน่อยแต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อำนาจอยู่ในมือเราแล้วไปเลือกตั้งกันครับ

สวัสดีครับผมไม่ได้เขียนบล็อกมาซะนาน วันนี้ขอเขียนหน่อยเพราะอยากจะร่วมรณรงค์ให้ออกไปเลือกตั้งกันวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค. นี้ครับ จริง ๆ ผมก็ไม่ได้คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมาเปลี่ยนแปลงประเทศของเราให้มันดีขึ้นมาได้ทันตาเห็นหรอกนะครับ เพราะนักการเมืองที่ลงเลือกตั้งก็หน้าเดิม ๆ มีแนวคิดแบบเดิม ๆ ที่บอกว่าจะปรองดองกันก็ทำได้แต่ปากพูด เพราะเท่าที่เห็นหาเสียงกันอยู่ตอนนี้ก็มีแต่สาดโคลนใส่กัน เอาเรื่องที่ยังไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริงกล่าวหากันไปมา ฝ่ายหนึ่งก็กล่าวหาว่าอีกฝ่ายหนึ่งสั่งฆ่าคน อีกฝ่ายก็กล่าวหาว่าอีกฝ่ายเผาบ้านเผาเมืองทั้งที่ความจริงเป็นอย่างไรก็ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ชัดเจน ทำกันแบบนี้ประเทศชาติคงจะสงบได้หรอกเพราะประชาชนที่สนับสนุนแต่ละฝ่ายก็ออกมาตอบโต้กันไปมาสนับสนุนฝ่ายที่ตัวเชียร์อยู่ เขียนมาถึงตรงนี้หลายคนอาจถามว่าถ้าอย่างนั้นเราจะไปเลือกตั้งกันทำไม คำตอบคือการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการแสดงพลังอำนาจของประชาชนอย่างพวกเราที่ถูกปล้นไปโดยผู้คนหลายกลุ่ม (ถ้าใครลืมไปแล้วเดี๋ยวผมจะทวนให้ฟังต่อไป) และหวังว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ประเทศเรากลับมาสู่ระบบอีกครั้งถ้าทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้งตามที่บอกไว้ 

คราวนี้ผมจะทวนให้ฟังครับว่าอำนาจของเราถูกใครปล้นไปบ้าง เริ่มจากกลุ่มแรกเลยครับก็คือกลุ่มคนที่ใช้สีเหลืองเป็นสัญลักษณ์กับทหารที่ทำปฏิวัติเมื่อปี 2549 จริง ๆ ผมเคยคิดนะครับว่าการปฏิวัติสมัย รสช. คงจะเป็นครั้งสุดท้ายของประเทศแล้วไม่คิดว่าจะได้เห็นอีก จริง ๆ กลุ่มคนที่ใช้เสื้อเหลืองนี่ผมก็ไม่อยากจะเหมารวมไปทุกคนนะครับ เอาเป็นว่าขอเน้นไปที่แกนนำแล้วกัน แกนนำยุยงปลุกปั่นด้วยเรื่องจริงบ้างไม่จริงบ้างให้ประชาชนออกมารวมตัวกัน จนทหารมีข้ออ้างออกมาปฏิวัติ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเรากำลังจะมีการเลือกตั้งกันอยู่แล้ว ซึ่งคนเสื้อเหลืองและทหารไม่แน่ใจว่าถ้าปล่อยให้มีการเลือกตั้งแล้วพรรคที่ตัวเองต้องการจะได้มาบริหารประเทศหรือไม่ และที่น่าเศร้าที่สุดก็คือหลังจากการปฏิวัติแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ปัญหาที่มีอยู่ที่เป็นสาเหตุของการปฏิวัติก็ไม่ได้รับการแก้ไข สิ่งที่การปฏิวัติทิ้งไว้ให้เราคือความแตกแยก และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งอ้างว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับเพราะมีการลงมติ แต่การลงมติที่ว่านั้นอยู่ในบรรยากาศที่ว่าให้รับ ๆ ไปก่อนเพราะถ้าไม่รับคณะปฏิวัตินี้ก็จะยังคงปกครองประเทศเราอยู่ต่อไป และสุดท้ายเมื่อมีการเลือกตั้งพรรคการเมืองที่ทั้งเสื้อเหลืองและทหารไม่อยากให้เข้ามาก็ชนะได้เข้ามาอยู่ดี 

แต่เอาล่ะครับอย่างน้อยการเลือกตั้งครั้งนั้นก็ทำให้เราได้อำนาจคืนมาบ้าง แต่ก็ได้มาไม่นานส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาไม่รู้จักหลาบจำ ไปทำเรื่องที่เป็นเหตุให้คนเสื้อเหลืองหาเหตุระดมคนออกมาชุมนุมอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีปรากฏการณ์บางอย่างที่ผมคิดว่าถ้าประเทศเราอยู่ในสถานการณ์ปกติมันไม่น่าจะเกิดขึ้น เช่นการที่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยต้องถูกปลดเพราะไปออกรายการทำกับข้าว พอเปลี่ยนนายกมาเป็นอีกคนหนึ่งก็ยังไม่ถูกใจคนเสื้อเหลือง ก็เลยทำการชุมนุมเลยเถิดสร้างความเดือดร้อนไปทั่วไปยึดทำเนียบรัฐบาลเป็นแรมเดือน จนถึงขั้นไปทำนากันอยู่ในนั้น และยังไปยึดสนามบินนานาชาติ ทำเอาเศรษฐกิจของชาติเสียหายไปมากมาย และที่น่าโมโหสำหรับผมก็คือคนเสื้อเหลืองอ้างอีกว่านี่คื่อเสียงของคนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งไม่มีที่มาที่ไปเพราะคนเสื้อเหลืองไม่ได้รับการเลือกตั้งมา ส่วนทหารก็ให้ความร่วมมือด้วยการอยู่เฉย ๆ ไม่่ิออกมาทำอะไรทั้งที่รัฐบาลมอบหมายหน้าที่ให้ แต่สุดท้ายรัฐบาลก็ต้องจากไปแต่ไม่ใช่เพราะคนเสืิ้อเหลืองแต่เป็นเพราะสาเหตุอื่น นั่นคือการถูกยุบพรรคของแกนนำรัฐบาล 

คราวนี้การเมืองก็พลิกขั้วมาเป็นอีกฝ่ายหนึ่งได้เข้ามาเป็นรัฐบาล ซึ่งโดยส่วนตัวผมก็พอจะทำใจรับได้ (ถึงแม้มันจะดูไม่โปร่งใสอยู่บ้าง) เพราะอย่างน้อยคนเหล่านั้นก็ยังได้รับเลือกตั้งเข้ามา เรียกว่ายังอยู่ในระบบ แต่อำนาจของเรากลับถูกโขมยไปอีกจากคนอีกกลุ่มหนึ่ง (ขอเน้นที่แกนนำเช่นกัน) ที่ใช้เสื้อสีแดง คนกลุ่มนี้ที่เคยด่าเสื้อเหลืองไว้ว่าทำอะไรไม่คิดทำให้ประเทศชาติเสียหายก็ทำซะเอง เริ่มตั้งแต่ไม่ได้สนใจว่าตัวเราเองเป็นเจ้าบ้านจัดการประชุมสำคัญระดับนานาชาติ ไปประท้วงจนเกิดความวุ่นวายจนแขกบ้านแขกเมืองต้องหนีขึ้นเรือออกไปกลางทะเลเพื่อไปขึ้นเครื่องบินกลับบ้านเป็นภาพที่อเนจอนาถเหลือเกิน หลังจากนั้นรัฐบาลใหม่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น ความพยายามที่จะลดความขัดแย้งก็ทำอย่างไม่จริงใจ จนในที่สุดคนกลุ่มนี้ก็กลับมาอีกครั้ง และก็ประท้วงมาเลยเถิดไปยึดแยกราชประสงค์จนเกิดความเสียหายไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร และในที่สุดมันก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดจนเป็นปัญหากันอยู่ตอนนี้ และเหมือนเดิมคนกลุ่มนี้ก็อ้างว่านี่คือความต้องการของคนส่วนใหญ่ของประเทศ นี่มันโขมยอำนาจของเราไปชัด ๆ นะครับ คนสองกลุ่มนี้เราไม่ได้เลือกเข้ามา (ถึงแม้ในแต่ละกลุ่มอาจมีส.ส.อยู่แต่ก็มีไม่กี่คน) 

ทั้งหมดก็คือการสรุปคร่าว ๆ ของกลุ่มคนที่มาเอาอำนาจที่อยู่ในมือเราออกไป ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้อำนาจได้กลับมาอยู่ในมือเราแล้ว ขอให้เราออกไปแสดงให้เขาเห็นครับว่าเราต้องการให้ประเทศเป็นไปอย่างไร ถึงแม้เราจะได้นักการเมืองหน้าเดิม ๆ กลับเข้ามา แต่ก็หวังว่าเขาจะทำตัวดีขึ้นและเราก็ติดตาม ถ้าเขายังทำตัวไม่ดีเราก็ใช้ช่องทางตามที่กฏหมายกำหนดเช่นการเข้าชื่อหรืออะไรก็ว่าไป ซึ่งฝ่ายค้านน่าจะมาชี้นำประชาชนในจุดนี้มากกว่าที่จะไปสนับสนุนคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเข้าข้างฝ่ายตัวเองบนถนน (หวังว่าจะไม่มีอีก) และถ้ายังทำอะไรไม่ได้จริง ๆ (ผมคิดว่าถ้ามันแย่จริง ๆ หรือมีหลักฐานชัดมันน่าจะทำได้) เราก็รอให้ครบเทอมครับจนอำนาจกลับมาอยู่ในมือเราอีกครั้ง ทหารควรจะเอาคำว่าปฏิวัติทิ้งไปได้แล้ว ให้ระบบมันดำเนินไปได้อย่างถูกต้อง และผมเชื่ออย่างที่ผมเคยเขียนไปแล้วว่าถ้าเรายอมอยู่ในระบบจนคนดีมีความสามารถเขามีความมั่นใจเขาก็จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาของบ้านเมืองครับ 

สุดท้ายผมอยากบอกว่าประเทศเราโชคดีที่ยังไม่เป็นอย่างลิเบีย ซึ่งผมคิดว่าคนที่ออกมาประท้วงรัฐบาลตอนแรกอาจจะไม่ได้คิดว่าเหตุการณ์มันจะบานปลายมาถึงขนาดนี้ ถ้าเขารู้เขาอาจจะไม่ทำ ดังนั้นพวกเราโชคดีครับที่ยังมีโอกาส ออกไปเลือกตั้งกันครับและยอมรับผลการเลือกตั้ง ติดตามดูผลงานของคนที่เราเลือกและไม่ได้เลือกเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกตั้งครั้งหน้า และขอฝากนักการเมืองทั้งหลายให้เปลี่ยนวิธีคิดวิธีทำงานโดยคิดถึงประเทศชาติเป็นหลัก เลิกสร้างความขัดแย้ง ทำงานให้สมกับที่ประชาชนไว้ใจเลือกเข้ามาเป็นตัวแทน ผมว่าถ้าเป็นได้อย่างนี้ประเทศเราจะเดินไปข้างหน้าได้โดยเริ่มจากการเลือกตั้งครั้งนี้ครับ

วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แนะนำฟอรัมเกี่ยวกับการเมืองให้อ่านกันครับ

สวัสดีครับสำหรับวันนี้ผมจะมาคุยเรื่องการเมืองครับ แต่เนื้อหานั้นจะไม่ได้มาจากที่ผมเขียนครับแต่มาจากฟอรัมในบล็อกนัน ผมคิดว่าพวกเราหลายคนก็คงเข้าไปอ่านข่าวไอทีจากบล็อกนันกันเป็นประจำอยู่แล้ว ผมก็ใช่ครับแต่วันนี้บังเอิญได้ไปอ่านฟอรัมในบล็อกนันในหัวข้อจริยธรรมนัการเมืองโกง,คนเล่นบล็อกนันใช้ของเถื่อน? ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรน่าสนใจมากมาย แต่ปรากฏว่าในการแสดงความเห็นเกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าว มีมุมมองที่น่าสนใจอยู่มากครับทั้งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ และแตกประเด็นไปถึงเรื่องระบอบประชาธิปไตยของไทย ซึ่งผมอยากให้ได้เข้าไปอ่านกันครับเพราะผมเชื่อว่าจะเปิดมุมมองของเราให้กว้างขึ้นได้อย่างมากมายครับ การอ่านความเห็นของคนที่ถกกันด้วยเหตุผลและหลักการผมว่ามันดีกว่าเข้าไปเว็บไซต์ที่เลือกข้างไว้แล้ว และพยายามปั่นหัวหรือยัดเยียดมุมมองด้านเดียวให้กับเรานะครับ เชิญชวนให้อ่านกันครับแต่แนะนำว่าควรจะต้องมีเวลาว่างพอสมควรนะครับ บางทีอาจต้องใช้เวลาอ่านมากกว่าหนึ่งวันครับ