แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ sarunitnews แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ sarunitnews แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2564

การทดสอบจริงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการช่วยชีวิตของโดรนเครื่องกระตุ้นหัวใจ

drone
ภาพจาก New Atlas

ทีมนักวิจัยชาวสวีเดนได้ติดตั้งโดรนทางอากาศที่ติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจอัตโนมัติ (automated external defibrillator) หรือ AED ให้กับผู้ป่วยโรคหัวใจวายเป็นครั้งแรก นักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน Karolinska Institutet (KI) ของสวีเดนเคยทำการจำลองเพื่อพิสูจน์ว่าโดรนสามารถส่งเครื่องกระตุ้นหัวใจได้เร็วกว่ารถพยาบาลถึงสี่เท่า ผลการศึกษาล่าสุดพบว่า โดรนขนส่งอุปกรณ์ช่วยชีวิตไปยังจุดที่เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นในช่วงสี่เดือนของปีที่แล้ว โดรนถูกนำไปใช้ใน 12 จาก 53 ครั้งที่มีการแจ้งเตือนภาวะหัวใจหยุดเต้นที่น่าสงสัย โดยมีการบันทึกการมาถึงของ AED ที่สำเร็จ 11 ครั้ง โดรนเดินทางโดยเฉลี่ย 3.1 กิโลเมตร (2 ไมล์) และมาถึงก่อนรถพยาบาลเจ็ดครั้ง แม้ว่าจะไม่มีใครใช้มันก่อนที่รถพยาบาลมาถึงก็ตาม Sofia Schierbeck จาก KI กล่าวว่า "การศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่ามันเป็นไปได้ที่จะใช้โดรนขนส่งเครื่องกระตุ้นหัวใจได้อย่างปลอดภัยและถึงเป้าหมายได้อย่างแม่นยำในสถานการณ์ฉุกเฉินในชีวิตจริง"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: New Atlas

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2564

ระบบความมั่นคงของบ้านอัจฉริยะที่ได้รับความนิยมสามารถถูกสั่งให้หยุดทำงานได้จากระยะไกล

motion-sensor
ภาพจาก TechCrunch

นักวิจัยจาก Rapid7 บริษัทความมั่นคงทางไซเบอร์ พบช่องโหว่ที่สามารถใช้เพื่อหยุดระบบความมั่นคงภายในบ้านอัจฉริยะ Fortress S03 จากระยะไกล ระบบที่ใช้ Wi-Fi ช่วยให้เจ้าของสามารถตรวจตราบ้านของพวกเขาด้วยแอปพลิเคชันมือถือผ่านกล้องที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว และไซเรน และสั่งให้ทำงานหรือหยุดทำงานด้วยปุ่มกดที่ควบคุมด้วยวิทยุ นักวิจัยกล่าวว่าแฮกเกอร์สามารถสืบค้นส่วนต่อประสานการเขียนโปรแกรม (application program interface) ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์จากระยะไกล โดยไม่ต้องให้เซิร์ฟเวอร์ตรวจสอบความถูกต้องของการร้องขอ เซิร์ฟเวอร์จะส่งคืนหมายเลขประจำตัวอุปกรณ์เคลื่อนที่ระหว่างประเทศ (International Mobile Equipment Identity) หรือ IMEI ของอุปกรณ์ ซึ่งสามารถใช้เพื่อหยุดการรักษาความมั่นคงของระบบ ยิ่งไปกว่านั้นการสกัดขโมยสัญญาณวิทยุที่ไม่ได้เข้ารหัสระหว่าง S03 และปุ่มกดบนวิทยุ ทำให้สัญญาณสั่ง "ปิด" และ "เปิด" ความมั่นคงระบบ  ถูกจับและถูกสั่งให้เล่นซ้ำได้ Rapid7 แจ้งข้อบกพร่องแก่ Fortress จากนั้นจึงเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อบริษัทไม่ตอบสนองหลังจากผ่านไปแล้วสามเดือน สำนักงานกฎหมายที่เป็นตัวแทนของ Fortress เรียกคำกล่าวอ้างของช่องโหว่ในระบบ S03 ว่า "ไม่จริง เป็นการทำให้เข้าใจผิดโดยจงใจ และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง" โดยไม่ระบุว่าเหตุใดจึงไม่จริง หรือ Fortress ได้แก้ไขช่องโหว่ดังกล่าวแล้ว

อ่านข่าวเต็มได้ที่: TechCrunch

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2564

AI บอกได้อย่างแม่นยำว่าขยะนี้รีไซเคิลได้หรือไม่แค่เหลือบมอง

plastic-waste
ภาพจาก New Scientist

โครงข่ายประสาทเทียมที่ได้รับการฝึกฝนโดยชุดข้อมูลของรูปภาพ ใช้เว็บแคมทั่ว ๆ ไปเพื่อแยกแยะขยะที่รีไซเคิลได้ออกจากขยะที่รีไซเคิลไม่ได้โดยมีความแม่นยำมากกว่า 95% Ryan Grammenos และ Youpeng Yu จาก University College London แห่งสหราชอาณาจักร ได้ออกแบบเครือข่ายเพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างรูปลักษณ์ของวัตถุกับวัสดุที่เป็นส่วนประกอบ นักวิจัยใช้เทคนิคพิเศษ เช่นการตีความวัตถุที่ผิดรูปหรือผิดรูปร่าง เพื่อปรับปรุงความสามารถในการจำแนกประเภทของซอฟต์แวร์ Serge Belongie จาก University of Copenhagen ของเดนมาร์กกล่าวว่า "นักวิจัยด้านคอมพิวเตอร์วิชัน (computer vision) มักพูดถึงความท้าทายในการจำแนก 'จากของที่อยู่รวมกัน (int-the-wild)' และการจำแนกประเภทขยะเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของเรื่องนี้ การศึกษานี้แสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจโดยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย และฉันเห็นว่าเทคโนโลยีประเภทนี้จะได้รับความสนใจในการนำไปใช้งานในที่สาธารณะได้อย่างหลากหลาย"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: New Scientist

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2564

คลังข้อมูลดิจิทัลที่ควรจะเป็นที่เก็บอย่างถาวรดูเหมือนว่าจะสูญหายบนเว็บ

cloud-storage
ภาพจาก New Scientist

Michael Nelson แห่ง Old Dominion University (ODU) และเพื่อนร่วมงานพบว่าคลังข้อมูลดิจิทัลบนเว็บที่ควรจะเก็บอย่างถาวรอาจสูญหายได้ ทีมงานใช้โปรแกรมรวบรวมข้อมูลเว็บระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2017 ถึงมกราคม 2019 เพื่อเข้าถึงหน้าเว็บ 16,627 หน้า ที่เก็บรักษาไว้โดยผู้ให้บริการ 17 แห่ง ในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และบางส่วนจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทั้งอินเทอร์เน็ต มี URI 4 ตัวของข้อมูลที่เก็บไว้มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลต่อความสามารถของโปรแกรมรวบรวมข้อมูลในการค้นหาหน้าที่เก็บไว้ ข้อมูลทั้ง 4 เก็บหน้าเว็บเพจ 1,981 หน้า ซึ่งมี 537 หน้าได้รับผลกระทบ รวมถึง 20 รายการที่เข้าถึงไม่ได้เลย Michael Nelson แห่ง ODU กล่าวว่า "ความสามารถในการเข้าถึงเอกสารสำคัญ และการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์และความถูกต้องของเอกสารสำคัญเหล่านั้น เป็นประเด็นสำคัญมากสำหรับเราและสมาชิกของเรา ซึ่งคลังข้อมูลของเว็บก็ไม่มีข้อยกเว้น"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: New Scientist


วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2564

ซอฟต์แวร์ตรวจจับทารกในกล้องดิจิทัลเป็นคู่แข่งกับเครื่อง ECG ได้

baby-in-hospital-bed
ภาพจาก University of South Australia

นักวิทยาศาสตร์จาก University of South Australia (UniSA) ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ตรวจจับทารกที่ใช้คอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision) ซึ่งจะตรวจจับใบหน้าของทารกโดยอัตโนมัติบนเตียงในโรงพยาบาลและตรวจสุขภาพจากระยะไกลด้วยกล้องดิจิตอล ซึ่งการตรวจสัญญาณชีพนั้นมีความแม่นยำเทียบได้กับการใช้เครื่อง ECG Javaan Chahl ของ UniSA กล่าวว่าหลอด และอุปกรณ์อื่น ๆ อาจขัดขวางคอมพิวเตอร์จากการจดจำทารก แต่ระบบได้รับการฝึกฝนโดยใช้วิดีโอของทารกในหออภิบาลทารกแรกเกิด เพื่อระบุสีผิวและใบหน้าของพวกเขาได้อย่างน่าเชื่อถือ กล้องความละเอียดสูงบันทึกทารกในขณะที่เทคนิคการประมวลผลสัญญาณขั้นสูงคัดแยกข้อมูลทางสรีรวิทยาที่มีความสำคัญต่อสัญญาณชีพของทารก  Kim Gibson แห่ง UniSA กล่าวว่าการใช้โครงข่ายประสาทเทียมเพื่อตรวจจับใบหน้าของทารก ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญสำหรับการตรวจสอบแบบไม่ต้องใช้การสัมผัส

อ่านข่าวเต็มได้ที่: University of South Australia

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2564

หุ่นยนต์เหล่านี้ย้ายโซฟาได้แล้ว

two-arm-robotos
ภาพจาก UC News

วิศวกรของ University of Cincinnati (UC)  ได้สอนหุ่นยนต์สองตัวให้ช่วยกันย้ายโซฟา โดยที่ไม่ต้องมีหุ่นยนต์ตัวหนึ่งกำกับอีกตัวหนึ่ง หุ่นยนต์ใช้เจเนติกฟัซซีโลจิก (genetic fuzzy logic)  ซึ่งเลียนแบบการใช้เหตุผลของมนุษย์ โดยแทนที่ระดับของความถูกต้องหรือความไม่ถูกต้องเป็นการจำแนกไบนารีอย่างง่าย (ใช่-ไม่ใช่) ในขณะที่เจเนติกอัลกอริธึมเรียนรู้จากผลลัพธ์ในอดีตปรับประสิทธิภาพการทำงานให้ดีที่สุด ในการจำลองการลากโซฟาเสมือนไปรอบ ๆ สิ่งกีดขวาง 2 ชิ้น และผ่านประตูแคบ หุ่นยนต์ทำงานสำเร็จ 95% ของการทดลองทั้งหมด พวกมันยังทำงานสำเร็จได้ 93% เมื่อใช้สิ่งกีดขวางสองอย่างที่มันไม่คุ้นเคย และย้ายประตูไปตำแหน่งอื่น Andrew Barth แห่ง UC กล่าวว่า "หากคุณสามารถฝึกหุ่นยนต์ให้ทำงานกึ่งอิสระโดยใช้ข้อมูลน้อยที่สุด แสดงว่าคุณทำให้ระบบของคุณแข็งแกร่งขึ้นเพื่อรับมือกับความผิดพลาด และทำให้มันสามารถทำงานเป็นกลุ่มใหญ่ร่วมกันได้ง่ายขึ้น"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: UC News


วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2564

เทคโนโลยีที่จะนำ 5G ที่เร็วกว่ามาสู่บ้าน

multi-beam-mmwave-setup
เครื่องมือทดลองแยกคลื่นมิลลิมิเตอร์ (ภาพจาก UC San Diego Jacobs School of Engineering)

นักวิจัยจาก University of California, San Diego (UC San Diego) ได้พัฒนาระบบที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการเชื่อมต่อ 5G นั้นทั้งเร็วสุดยอดและเชื่อถือได้ ความท้าทายที่สำคัญที่ระบบ 5G เผชิญอยู่คือการเชื่อมต่อสามารถถูกขัดขวางได้หากมีสิ่งกีดขวางขวางทางการส่งผ่านคลื่นที่เหมือนเลเซอร์ในระดับมิลลิเมตรระหว่างสถานีฐานกับเครื่องรับ ระบบใหม่เอาชนะความท้าทายนี้ด้วยการแยกคลื่นมิลลิเมตรเดียวออกเป็นหลายเส้นซึ่งใช้เส้นทางที่ต่างกันจากสถานีฐานไปยังเครื่องรับ นักวิจัยได้พัฒนาอัลกอริธึมที่สั่งให้สถานีฐานแยกลำแสงออกเป็นหลายเส้นทาง เรียนรู้เส้นทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดในสภาพแวดล้อมที่กำหนด และปรับมุม เฟส และกำลังของแต่ละลำแสงให้เหมาะสม Dinesh Bharadia แห่ง UC San Diego กล่าวว่า "ระบบหลายลำแสงของเราให้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น ในขณะที่ใช้พลังงานรวมในปริมาณที่เท่ากันกับระบบลำแสงเดียว"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: UC San Diego Jacobs School of Engineering

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2564

PhonoGraft อุปกรณ์ฟื้นฟูแก้วหูของฮาร์วาร์ดเข้าสู่การพัฒนาเชิงพาณิชย์

ear-drums-implant
ภาพจาก Wyss Institute at Harvard

อุปกรณ์ฟื้นฟูการได้ยินทางชีวภาพที่พัฒนาโดยนักวิจัยจาก Harvard University ได้เข้าสู่การพัฒนาเชิงพาณิชย์แล้ว อุปกรณ์นี้รู้จักกันในชื่อ PhonoGraft  ซึ่งเป็นส่วนต่อเติมที่เข้ากันได้ทางชีวภาพที่ถูกพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ โดยใช้ระบบหมึกแบบโพลีเมอร์สังเคราะห์ อุปกรณ์นี้ที่สามารถจำลองโครงสร้างและคุณสมบัติด้านเสียงของแก้วหูได้  อุปกรณ์นี้สามารถถูกปลูกถ่ายเพื่อซ่อมแซมแก้วหูที่เสียหาย ช่วยกระตุ้นคุณสมบัติการรักษาตัวเองของเนื้อเยื่อแก้วหู ขณะนี้นักวิจัยกำลังรอการอนุมัติสำหรับอุปกรณ์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Wyss Institute at Harvard


วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2564

เครื่องมือทำเหมืองข้อมูลต่อสู้กับข้อมูลผิดเกี่ยวกับ COVID-19 เพื่อระบุอาการ

google-trends
ภาพจาก UC Riverside News

นักวิจัยจาก University of California, Riverside (UCR) และ University of Texas Rio Grande Valley ได้พัฒนาอัลกอริธึมที่ระบุอาการ COVID-19 ที่ไม่เป็นเอกลักษณ์ 3 อาการ ซึ่งแตกต่างจากอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ อัลกอริทึมได้ขุดข้อมูล Google Trends ของปี 2019 และ 2020 โดยใช้การวิเคราะห์การเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นลบ (nonnegative discriminative analysis) ที่เขาเรียกว่า DNA เพื่อหาคำหลักที่ไม่ซ้ำกันในชุดข้อมูลหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกชุดหนึ่ง Jia Chen จาก UCR กล่าวว่า "เราคิดว่าการค้นหาอาการในปี 2019 จะนำไปสู่โรคไข้หวัดใหญ่หรือโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ในขณะที่การค้นหาอาการเดียวกันในปี 2020 อาจจะเป็นไข้หวัดใหญ่หรือโควิด-19 โดยการใช้  DNA เราสามารถหาความแตกต่างกันในชุดข้อมูลสองชุดได้ ซึ่งสิ่งที่ปรากฏออกมาก็คือคำที่ใช้กันในหมู่แพทย์ ซึ่งก็พิสูจน์ว่าวิธีของเราได้ผล"  Jia Chen จาก UCR ยังอธิบายอัลกอริทึมว่าง่ายต่อการรวมเข้ากับเครื่องมือที่อาจช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบโรคอื่น ๆ และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของโรค

อ่านข่าวเต็มได้ที่: UC Riverside News


วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2564

นักวิจัยสอน AI ให้เห็นความลึกในภาพถ่าย ภาพวาด

sample-images
ภาพจาก SFU

นักวิจัยจาก Simon Fraser University (SFU) ในแคนาดาและ Adobe Research ใช้กระบวนการที่เรียกว่าการประมาณความลึกด้วยตาข้างเดียว เพื่อสอนปัญญาประดิษฐ์ในการระบุความลึกจากภาพถ่ายเดียว Sebastian Dille จาก SFU กล่าวว่า "เราวิเคราะห์ภาพและปรับกระบวนการของเราให้เหมาะสม โดยดูที่เนื้อหาภาพตามข้อจำกัดของสถาปัตยกรรมปัจจุบัน เราให้ป้อนภาพเข้าเครือข่ายในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่ตัวแบบจะทำได้ ในขณะที่รักษารูปทรงที่สมจริงเอาไว้" Yagiz Aksoy แห่ง SFU กล่าวเสริมว่า "ด้วยแผนที่ความลึกที่มีความละเอียดสูงที่เราสามารถหาได้สำหรับภาพถ่าย ศิลปินและผู้สร้างเนื้อหาสามารถถ่ายโอนภาพถ่ายหรืองานศิลปะของพวกเขาไปยังโลก 3 มิติ (สามมิติ) ที่สมบูรณ์ได้ทันที"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Simon Fraser University (Canada)

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2564

กล้องจุลทรรศน์ราคาไม่แพงที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์สามมิติอาจตรวจพบโคโรนาไวรัสในเลือดได้

3d-printed-microscopy
ภาพจาก IEEE Spectrum

กล้องจุลทรรศน์ที่พิพ์จากเครื่องพิมพ์สามมิติอาจตรวจโคโรนาไวรัสในหยดเลือดได้ ผ่านการใช้กล้องจุลทรรศน์โฮโลแกรมดิจิทัล (digital holographic microscopy ) และการเรียนรู้เชิงลึก (deep learning) อุปกรณ์นี้พัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์ที่ University of Connecticut (UConn) ใช้ส่วนประกอบราคาประหยัดที่ Bahram Javidi ของ UConn กล่าวว่าหาซื้อได้ง่าย: กล้อง เลเซอร์ไดโอด เลนส์ใกล้วัตถุ (objective lens)  แผ่นแก้ว และ และเซ็นเซอร์รับภาพแบบ CMOS ในการทดสอบตัวอย่างเลือดจากผู้ป่วย 10 รายที่ตรวจพบไวรัส และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 14 คนที่ผลตรวจเป็นลบ กล้องจุลทรรศน์สามารถตรวจพบ coronavirus ได้ 80% จากตัวอย่างผู้ป่วย อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของการทดสอบสำหรับการตรวจหาในระยะเริ่มต้นยังไม่ชัดเจน

อ่านข่าวเต็มได้ที่: IEEE Spectrum

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564

เราลบข้อมูลส่วนตัวออกจากอุปกรณ์จริง ๆ ก่อนจะทิ้งมันไปหรือเปล่า

mobile-phone
Photo by Rishabh Malhotra on Unsplash

นักวิทยาศาสตร์จาก University of Guelph (U of G) และ University of Waterloo ระบุว่าผู้ใช้หลายคนทิ้งข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนไว้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตนเมื่อจะทิ้งมัน นักวิจัยสำรวจและสัมภาษณ์ผู้คน 166 คน และพบว่ามีเพียง 62% ของผู้ที่ขาย บริจาค รีไซเคิล หรือคืนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้กับผู้ผลิตลบข้อมูลผ่านการรีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (factory reset) ที่ปลอดภัย   อีก 25% ใช้เทคนิคที่ไม่ปลอดภัย เช่น การย้ายไฟล์ไปยังถังรีไซเคิลหรือถังขยะแล้วล้างข้อมูล ขณะที่ 8% ไม่ได้พยายามลบข้อมูลส่วนบุคคลด้วยซ้ำ Hassan Khan แห่ง U of G กล่าวว่า "เมื่อเราลบไฟล์ด้วยตนเองไฟล์จะยังคงอยู่ เฉพาะข้อมูลการเข้าถึงไฟล์เท่านั้นที่จะถูกลบ" Khan แนะนำว่าผู้ผลิตอุปกรณ์ควรใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อตรวจจับเมื่อผู้ใช้ทิ้งอุปกรณ์ของตน และแนะนำพวกเขาให้ใช้กระบวนการลบข้อมูลที่เหมาะสม

อ่านข่าวเต็มได้ที่: University of Waterloo Cheriton School of Computer Science (Canada)


วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564

การหักเหแสงเพื่อให้ได้อินเทอร์เน็ตที่ถูกกว่า

MIT-ARROW-System
ภาพจาก MIT Computer Science and Artificial Intelligence Laboratory

นักวิจัยของ Massachusetts Institute of Technology (MIT)  ได้พัฒนาระบบที่ยังคงรักษาการเชื่อมต่อเครือข่ายเอาไว้ได้ได้เมื่อสายไฟเบอร์ออปติกหัก โดยการปรับค่าให้ส่งสัญญาณออปติคอลจากเส้นใยที่เสียหายไปยังเส้นที่ดีอยู่ ระบบนี้มีชื่อว่า ARROW จากการจำลองพบว่า ARROW สามารถรองรับจำนวนข้อมูลได้มากถึง 2.4 เท่า โดยไม่ต้องติดตั้งสายไฟเบอร์ใหม่ ในขณะที่ยังคงความเสถียรของเครือข่ายไว้ได้   นักวิจัยกำลังทำงานร่วมกับ Facebook เพื่อปรับใช้ ARROW ในเครือWAN (Wide-Area_network) จริง ๆ 

อ่านข่าวเต็มได้ที่: MIT Computer Science and Artificial Intelligence Laboratory


วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เทคโนโลยีการติดตามดวงตาใน VR ให้ประสบการณ์ใหม่กับการทำ MRI

VR-headset
ภาพจาก SciTechDaily

การทำ MRI อาจทำให้ผู้ป่วยเครียดน้อยลงด้วยระบบ VR โต้ตอบใหม่ล่าสุดที่ถูกออกแบบโดยนักวิจัยจาก  King's College London ในสหราชอาณาจักร นักวิจัยได้พัฒนาชุดสวมหัว VR ซึ่งคนไข้สามารถสวมใส่ได้อย่างปลอดภัยในเครื่องสแกน MRI ซึ่ง VR นี้จะนำเสนอสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่ทำให้สบายใจตลอดระยะเวลาที่เครื่อง MRI ทำงานอยู่ ซึ่งจะขจัดความรู้สึกที่เหมือนถูกขังอยู่ในเครื่อง MRI คนไข้สามารถเปลี่ยนทิศทาง VR ได้ด้วยการเคลื่อนไหวดวงตา เลือกเนื้อหาอย่างเกมหรือหนัง และเปิดหรือปิดวีดีโอลิงก์ไปยังเพื่อนหรือผู้ดูแล Tomoki Arich ของ King's College London กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นมากเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ระบบนี้จะเปิดใช้ในกลุ่มคนที่อ่อนแอและมีความสำคัญ เช่น เด็กและผู้ที่มีปัญหาในด้านต่าง ๆ  ซึ่งโดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่สามารถสแกน MRI ได้โดยไม่ต้องถูกทำให้หลับก่อน"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: SciTechDaily


วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2564

บริษัทด้านเทคโนโลยีให้สัญญาพันล้านในการลงทุนด้านความมั่นคงไซเบอร์

techs-meeting-president
ภาพจาก Associated Press

ทำเนียบขาวประกาศว่าหลังจากการประชุมส่วนตัวระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนและผู้บริหารระดับสูงด้านเทคโนโลยี บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำบางแห่งได้ให้คำมั่นว่าจะลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อส่งเสริมการป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ และฝึกอบรมทักษะให้พนักงาน Google วางแผนที่จะลงทุน หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้าเพื่อสร้างความมั่นคงให้ห่วงโซ่อุปทานซอฟต์แวร์ และขยายโปรแกรมซีโรทรัสต์ (zero-trust) ในขณะที่ Microsoft ให้คำมั่นว่าจะลงทุนสองหมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า นอกเหนือจากแผนให้บริการด้านเทคนิคมูลค่า 150 ล้านดอลลาร์แก่รัฐบาลท้องถิ่นในการยกระดับความมั่นคงทางไซเบอร์ IBM จะฝึกอบรมบุคลากร 150,000 คนในด้านมั่นคงทางไซเบอร์ในระยะเวลาสามปี และ Apple มีแผนจะพัฒนาโปรแกรมเพื่อยกระดับเทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทาน 

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Associated Press

เพิ่มเติมเสริมข่าว: ซีโรทรัสต์ (zero-trust) หมายถึงการที่ไม่ฝากความเชื่อถือไว้ที่สถาปัตยกรรมเครือข่ายขององค์กรใดองก์กรหนึ่ง

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ผู้ให้บริการมือถือของคุณกำลังติดตามตำแหน่งคุณอยู่ใช่ไหมเทคโนโลยีนี้อาจหยุดมันได้

phone-tracking
ภาพจาก USC Viterbi School of Engineering

ระบบใหม่ที่คิดค้นโดยนักวิจัยจาก University of Southern California Viterbi School of Engineering (USC Viterbi) และ Princeton University สามารถขัดขวางการติดตามผู้ใช้โทรศัพท์มือถือโดยผู้ให้บริการเครือข่ายในขณะที่ยังคงการเชื่อมต่อที่ราบรื่น สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ Pretty Good Phone Privacy จะไม่ระบุตัวตนส่วนบุคคลที่ส่งไปยังเสาสัญญาณมือถือ แยกการเชื่อมต่อโทรศัพท์จากการตรวจสอบสิทธิ์และการเรียกเก็บเงินอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์เครือข่าย ระบบจะส่งโทเค็นที่ไม่ระบุชื่อ และมีการเข้ารหัสลับที่มีการเซ็นรับรอง แทนการส่งสัญญาณที่ระบุตัวบุคคลไปยังเสาสัญญาณมือถือ โดยใช้ตัวดำเนินการเครือข่ายเสมือนบนมือถือ เช่น Cricket หรือ Boost เป็นตัวแทนแทนหรือตัวกลาง Barath Raghavan แห่ง USC Viterbi กล่าวว่า "ตอนนี้ข้อมูลประจำตัวในตำแหน่งที่เจาะจง ถูกแยกออกจากข้อมูลที่บอกว่าโทรศัพท์อยู่ตรงตำแหน่งนั้น"  ระบบยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าบริการตามตำแหน่ง (location-based service) ยังคงทำงานได้ตามปกติ 

อ่านข่าวเต็มได้ที่: USC Viterbi School of Engineering

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2564

นักวิจัยสวิสหาค่า PI ได้ถึง 62.8 ล้านล้านหลัก

pi-value
ค่า PI จาก Google Calculator

นักวิทยาศาสตร์จาก Graubuenden University of Applied Sciences ของสวิตเซอร์แลนด์ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในการคำนวณค่า pi ได้ 62.8 ล้านล้านหลัก นักวิจัยกล่าวว่าความพยายามในการทำงานดังกล่าวต้องใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ใหห้ทำงาน 108 วัน 9 ชั่วโมง ซึ่ง "เร็วเป็นสองเท่าของสถิติที่ Google ทำเอาไว้โดยใช้ระบบคลาวด์ในปี 2019 และเร็วกว่าสถิติโลกครั้งก่อนในปี 2020 ถึง 3.5 เท่า" การคำนวณค่า pi ที่เป็นสถิติโลกครั้งก่อนทำได้ 50 ล้านล้านหลัก

อ่านข่าวเต็มได้ที่: The Guardian (U.K.)


วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2564

AI เชิงสัญลักษณ์ที่แน่นอนเพื่อการประมินความยุติธรรมของ AI ได้ดีขึ้น

scale
ภาพจาก MIT News

ภาษาสำหรับเขียนโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ตัวใหม่สามารถประเมินความเป็นธรรมของอัลกอริทึมได้เร็ว และแม่นยำกว่าเครื่องมืออื่น ๆ ที่มีอยู่ ต้องขอบคุณผลงานของนักวิจัยจาก Massachusetts Institute of Technology ภาษาเขียนโปรแกรม Sum-Product Probabilistic Language (SPPL) จะส่งคำตอบที่เร็ว และแม่นยำต่อการตอบคำถามด้านการอนุมานความน่าจะเป็น และยอมให้ผู้ใช้เขียนอัลกอริธึมความน่าจะเป็น ที่สามารถให้ผลลัพธ์ด้านการอนุมานความน่าจะเป็นที่แน่นอนได้โดยอัตโนมัติเท่านั้น ผู้ใช้ยังสามารถตรวจสอบความเร็วที่คาดไว้ของการอนุมานได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเขียนโปรแกรมที่ทำงานช้า Jean-Baptiste Tristan แห่งBoston College กล่าวว่า "SPPL มอบความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่า PPL อื่นๆ ในประเภทปัญหาที่ท้าทายและสำคัญ เนื่องจากความสามารถในการแสดงความหมายของภาษา ความแม่นยำ และความหมายที่เรียบง่าย ตลอดจนความเร็วและความสมบูรณ์ของกลไกการอนุมานเชิงสัญลักษณ์ที่แน่นอน"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: MIT News

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ตัวแบบคอมพิวเตอร์ทางอารายธรรมเสนอทางเลือกเพื่อจบภาวะโลกร้อน

solar-power-checking
เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเช็คแผงโซลาร์ที่ติดตั้งในฟารม์เลี้ยงปลาในจีน ภาพจาก NPR

นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศบางคนเชื่อว่า การจำลองสภาพเศรษฐกิจโลกด้วยคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่สามารถนำมาใช้เพื่อสร้างแนวทางในการป้องกันผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดของภาวะโลกร้อนได้  มีแบบจำลองการประเมินแบบบูรณาการหลัก 6 แบบ โดย 4 แบบอยู่ในยุโรป 1 แบบอยู่ในญี่ปุ่น และ 1 แบบอยู่ในสหรัฐฯ Detlef van Vuuren จากหน่วยงานประเมินสิ่งแวดล้อมของเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า พวกมันกำลังถูกนำมาใช้เพื่อตรวจสอบสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามข้อตกลงปารีส ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในเวลาประมาณ 40 ปี ตัวแบบแต่ละตัวจะรวมข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มาของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปัจจุบัน เช่น รถยนต์ โรงไฟฟ้า และเตาเผาในบ้าน ตลอดจนข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ราคา และต้นทุนของเทคโนโลยีใหม่ จากนั้นนักวิทยาศาสตร์ได้กำหนดขีดจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตัวแบบจะกำหนดกลยุทธ์ที่คุ้มค่าใช้จ่ายที่สุดสำหรับทำให้บรรลุถึงข้อจำกัดเหล่านั้น โดยมีเงื่อนไขว่ามีความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยีและไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

อ่านข่าวเต็มได้ที่: NPR

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เด็กหญิงทั้งสิบในทีมหุ่นยนต์ของอัฟกานิสถานได้รับการช่วยเหลือแล้ว

Afghanistans-girls-robotic-team
ภาพจาก NBC News

สมาชิก 10 คนของทีมหุ่นยนต์เด็กผู้หญิงของอัฟกานิสถาน ได้รับการอพยพอย่างปลอดภัยจากบ้านเกิดของพวกเธอจากการยึดครองของตาลีบาน องค์กรแม่ของทีมคือ Digital Citizen Fund (DCF) ระบุว่าเด็กหญิงทั้งหมดที่มีอายุระหว่าง 16-18 ปี เดินทางถึงกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ จากเมืองคาบูล เรียบร้อยแล้ว Elizabeth Schaeffer Brown แห่ง DCF กล่าวว่า "จริง ๆ แล้ว  สาว ๆ 'ช่วยเหลือตัวเอง' ถ้าพวกเธอไม่ทำงานหนักและกล้าหาญที่จะเรียนต่อ ซึ่งทำให้พวกเธอได้เชื่อมต่อกับโลกใบนี้ พวกเธอก็อาจจะยังถูกขังอยู่ในระบบ" สมาชิกในทีมหลายคนยังคงอยู่ในอัฟกานิสถาน และ DCF ได้ร่วมมือกับกาตาร์เพื่อจัดเตรียมการอพยพสำหรับพวกเธอและผู้ช่วยของพวกเธอ Brown กล่าวว่า "เราขอขอบคุณ [ความพยายามในการช่วยเหลือ] และหวังว่ามันจะเปลี่ยนไปเป็นพันธะกรณีในระยะยาวสำหรับการศึกษาของเด็กผู้หญิง"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: NBC News