![]() |
Andrew Ng (คนซ้ายมือสุด) ภาพโดย Steve Jurvetson, แหล่งที่มา: Wikimedia Commons (ลิงก์ต้นฉบับ), ใช้ภายใต้สัญญาอนุญาต CC BY 2.0 |
#พฤหัสจัดAI วันนี้ ขอสรุปบทความที่เขียนโดย Andrew Ng ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกด้าน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก โดยเขาได้ repost บทความของเขาเองใน LinkedIn ซึ่งผมเป็นหนึ่งในผู้ติดตามของเขา ก็เลยได้เห็น โดยบทความของเขานั้นสามารถเข้าอ่านได้ที่นี่ The Batch, Issue 299 ครับ ซึ่งถ้าใครต้องการอ่านฉบับเต็มก็เข้าไปอ่านได้เลยครับ แต่ถ้าใครอยากอ่านฉบับย่อที่ผมสรุปมาก่อนก็เชิญต่อได้เลยครับ
เขาเริ่มต้นด้วยการบอกว่าเขาคาดหวังว่าเราควรส่งเสริมให้ทุกคนสามารถสร้างนวัตกรรมด้วย AI โดยควรเริ่มสอนการเขียนโค้ดที่ใช้ AI ตั้งแต่เนิ่น ๆ ตั้งแต่ระดับ K-12 (ถ้าเทียบกับประเทศเราก็คือตั้งแต่ป.1 ถึง ม.6) เพื่อปูทางให้เยาวชนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพ
แต่ความท้าทายคือ “การขาดแคลนครูสอนวิทยาการคอมพิวเตอร์อย่างยิ่งยวด”
ขอเสริมนิดนะครับ อันนี้คงไม่ใช่แค่ในอเมริกานะครับ ผมว่าเป็นกันแทบทุกประเทศ ยิ่งประเทศเรายิ่งไม่ต้องพูดถึง
กลับมาต่อกันครับ Andrew Ng เล่าเรื่องราวของ Kyle Creasy โค้ชบาสเกตบอลในโรงเรียนมัธยมที่จบปริญญาตรีด้านพลศึกษาเมื่อปี 2023 และเพิ่งเริ่มเขียน Python ได้เมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยการช่วยเหลือจาก AI ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่เขียนโค้ดได้ แต่ยังเป็น ครูสอนวิทยาการคอมพิวเตอร์ อีกด้วย เป็นตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างมากในการเป็นตัวแบบของการขยายการสอนวิทยาการคอมพิวเตอร์ในระดับประถมและมัธยม
เบื้องหลังความสำเร็จของ Kyle คือ Kira Learning (บริษัทในเครือ AI Fund) ที่ออกแบบระบบการเรียนรู้วิทยาการคอมพิวเตอร์สำหรับ K-12 โดยเน้นให้ ครูทำหน้าที่สนับสนุนด้านอารมณ์และสังคมของนักเรียน ขณะที่ระบบ AI จะรับผิดชอบการสอนเนื้อหา เช่น
-
วิดีโอการสอนแบบดิจิทัล
-
แบบทดสอบที่ตรวจอัตโนมัติ
-
แชตบอทที่ตอบคำถามนักเรียน (โดยไม่เฉลยการบ้าน)
ระบบนี้ยังมีความสามารถด้านการปรับเนื้อหาเฉพาะบุคคล (Hyperpersonalization ) ที่ล้ำหน้ากว่าแนวคิดห้องเรียนกลับทิศ (flipped classroom) ในอดีต เช่น หากนักเรียนเขียนโค้ดว่า:
best_$alty_snack = 'potato chips'
AI จะวิเคราะห์ได้ทันทีว่า $
เป็นตัวอักษรที่ไม่ถูกต้องในชื่อตัวแปร พร้อมเสนอคำถามให้ครูใช้กระตุ้นการคิด เช่น “ตัวอักษรใดที่อนุญาตให้ใช้ในชื่อของตัวแปรได้บ้าง?”
ไม่เพียงแต่ช่วยนักเรียนโดยตรง AI ยังช่วยให้ครูสามารถดูแลนักเรียนรายบุคคลได้ดีขึ้น โดยการใช้งาน Agentic AI ก็จะช่วยลดงานซ้ำซาก เช่น การจัดทำหลักสูตรให้สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษา เขายกตัวอย่างเช่น Common Core หรือ AP CS (อันนี้จะมาใช้กับพวกประกันคุณภาพมหัศจรรย์พันระบบที่เรามีในไทยได้ไหมไม่รู้นะครับ)
นอกจากนี้ Kyle ยังได้นำความรู้การเขียนโปรแกรมไปปรับใช้กับงานเดิมของเขา เช่น เขียนโปรแกรมวิเคราะห์ความแม่นของนักบาสในการยิงสามแต้มด้วย matplotlib
และใช้ข้อมูลเหล่านี้ปรับกลยุทธ์ทีมของเขาในสนาม ซึ่ง Andrew Ng บอกว่า เมื่อโค้ชบาสเรียนรู้การเขียนโค้ด เขากลายเป็นโค้ชบาสที่เก่งขึ้น
สิ่งที่ผมสรุปได้จากบทความนี้ก็คือ AI ไม่ได้มาแทนที่ครู แต่ช่วยให้ครูทุกคนที่แม้จะไม่มีพื้นฐานด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สามารถเป็นผู้สอนที่มีประสิทธิภาพได้ และการเริ่มต้นสอนการเขียนโค้ดที่ใช้ AI ตั้งแต่ระดับประถมและมัธยม จะช่วยให้อนาคตของนักเรียนดีขึ้น
🧠 บทความต้นฉบับโดย Andrew Ng:
🔗 อ่านบทความเต็มได้ที่นี่
แล้วคุณล่ะครับคิดว่า AI จะเปลี่ยนการศึกษาในโรงเรียนอย่างไร? แชร์ความคิดเห็นของคุณด้านล่างได้เลยครับ! 🚀
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น