วันศุกร์นี้มีข่าวใหญ่อีกแล้วครับ สำหรับศุกร์นี้คือการตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งบอกตามตรงมันไม่ผิดจากความคาดหมายของผมหรอกนะครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะแสดงความเห็นบ้าง เพราะมันไม่ได้มีกฎหมายห้ามแตะศาลรัฐธรรมนูญเหมือนปัจจุบันนี้ ถึงแม้เขาจะบอกว่าวิจารณ์อย่างสุจริตได้ แต่บอกตามตรงผมไม่ไว้ใจกับการตีความของผู้คนในประเทศนี้ครับ ตราบใดที่คนหลายคนโดยเฉพาะพวกที่มีอำนาจอยู่ในมือ ยังแยกความแตกต่างระหว่างไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน กับไม่ยอมรับคำตัดสินไม่ได้ สามารถลากเอาการวิจารณ์รัฐบาล วิจารณ์ผู้นำกองทัพ ว่าเป็นพวกชังชาติ พวกหนักแผ่นดิน หรือการเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ เป็นการจะไม่ให้มีกองทัพ มันก็ยากที่จะพูดคุยกันต่อไป
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะอยู่ในประเทศนี้ในยุคนี้ น่าจะเป็นพยายามอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ หุบปาก ก้มหน้าก้มตาทำงานไป อ้ออาจแลกเงินเป็นสกุลต่างประเทศที่มีความมั่นคงไว้ด้วยก็คงดีนะครับ เพราะหลังจากก้มหน้าก้มตาทำงานไป ไม่สนใจอะไรพวกนี้แล้วเพราะมันสิ้นหวัง ถ้าเงยหน้ามาอีกทีเงินเรามีค่าเป็นกระดาษไปแล้ว เราจะได้ไม่ลำบากมาก หรือถ้าใครอายุยังน้อยอยู่ ยังมีเรี่ยวมีแรง และรู้สึกทนไม่ไหวลองย้ายไปอยู่ต่างประเทศสักพักก็ได้ครับ เก็บเงินจนคิดว่าจะกลับมาอยู่ประเทศนี้ได้โดยไม่เดือดร้อนไม่ว่ารัฐบาลมันจะเป็นยังไงค่อยกลับมาก็ได้ครับ
คราวนี้ผมอยากเสนอมุมมองส่วนตัวหลังจากกรณียุบพรรคอนาคตใหม่ครับ
1. ที่ผมเป็นห่วงคือคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะพวกที่เคยไปเลือกตั้งครั้งแรก และคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เลือกอนาคตใหม่ คนกลุ่มนี้อาจหันหลังให้การเมืองไปเลยก็ได้ เพราะเขาอาจไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมพรรคที่เขาเลือกโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ดูเหมือนจะมีข้อยกเว้นเต็มไปหมด
2. ผมยังยืนยันว่ากฎหมายยุบพรรคนี่เป็นเรื่องแย่มาก บางคนอาจคิดว่ามันเป็นยาแรง เพราะคนจะได้ไม่ทำผิด แต่ผมกลับมองว่ามันเหมือนพ่อไปค้ายา ลูกเมียไม่รู้เรื่อง แต่แทนที่จะตัดสินให้พ่อติดคุกคนเดียว แต่ดันตัดสินให้ทุกคนในบ้านติดคุกไปด้วย กรณีนี้ถ้ากรรมการบริหารทำผิดก็ลงโทษกรรมการไป หรือจริง ๆ ถ้าจะยุบพรรคมันก็ต้องเป็นคดีที่ร้ายแรงจริง ๆ อย่างพยายามล้มล้างการปกครอง ไอ้พรรคที่แพ้เลือกตั้งซ้ำซาก แล้วลากคนไปลงถนน ขัดขวางการเลือกตั้ง จนทหารเข้ามายึดอำนาจ แบบนั้นน่าจะโดนยุบมากกว่า
3. อนาคตการเมืองไทยต่อจากนี้น่าจะว้าเหว่ครับ เรามีนักการเมืองที่มีความคิดแบบเก่า ๆ ทำการเมืองแบบเก่า ๆ อยู่เต็มสภาไปหมด คุณภาพของสส.พลังประชารัฐก็เห็นกันอยู่ คนที่อยู่เพื่อไทยที่ด่า ๆ กันพลังประชารัฐก็อ้าแขนรับ แถมยังไม่ได้มีความคิดที่จะศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย หันไปดูเพื่อไทยก็เศร้าครับ นักการเมืองรุ่นเก่า ๆ ความคิดเก่า ๆ แทบทั้งนั้น คนที่มีประวัติไม่ดีก็ยังมีอยู่เยอะ ประชาธิปัตย์ไม่ต้องพูดถึง เมื่อก่อนก็แย่อยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก ส่วนพรรคกล้าที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ บอกตามตรงไม่ศรัทธาครับ ส่วนตัวคิดว่ากรณ์ก็ไม่ต่างอะไรกับอภิสิทธิ์ ยิ่งมีอรรถวิชด้วย บอกตามตรงยิ่งสิ้นหวัง ก็ขอให้คิดผิดแล้วกัน ส่วนพรรคอื่นไม่อยากพูดถึงครับ อย่างภูมิใจไทยพอให้จับงานใหญ่ก็ไม่ได้แสดงความมีประสิทธิภาพอะไร ยิ่งชาติไทยพัฒนาอะไรนี่พรรคตัวประกอบคอยเสียบเข้ากับฝ่ายชนะ ที่พูดนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพรรคอนาคตใหม่จะดีเลิศอะไรนะครับ พรรคนี้ก็มีจุดอ่อนอยู่เยอะ แต่ก็ดูพอที่จะเป็นทางเลือกได้ ถ้าให้โอกาสเขาได้ทำงานการเมืองสักพัก
4. อ.ปิยบุตรในช่วงถูกตัดสิทธิ์นี่ ถ้าจะกลับไปสอนหนังสือนี่คงต้องไปสอนต่างประเทศครับ เพราะหลักกฎหมายที่อ.เอามาพูดเอามาโต้แย้งมันดูจะไม่เข้ากับกฎหมายไทยนะครับ ประเทศนี้คงต้องให้อย่างวิษณุ หรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนสอน
5. อย่าได้คาดหวังว่าการตัดสินวันนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้มีการยุบพรรคอื่น ๆ ที่มีกรณีการกู้เงินเหมือนกันนะครับ เพราะคุณจะได้รับคำวินิจฉัย (ที่คุณห้ามแตะต้อง) ว่ามันไม่เหมือนกัน ดูกรณีเสียบบัตรแทนกันที่ผ่านมาเป็นตัวอย่างก็ได้ครับ
6. รัฐบาลนี้ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็คงอยู่ไปอีกนานละครับ ยิ่งฝ่ายค้านเหลือเสียงน้อยลงแบบนี้ และพรรคเพื่อไทยไม่น่าจะเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งอะไร ผมไม่เห็นด้วยที่จะไปลงถนนกันอีกแล้วนะครับ ก็หวังว่าเราจะได้ให้ระบอบประชาธิปไตยมันทำงานของมัน ถ้ารัฐบาลมันห่วยจริง ผมก็หวังว่าประชาชนจะเห็น และคงคิดได้ระหว่างกลัวแต่ทักษิณจะกลับมา กับประเทศดิ่งลงเหวเราจะเลือกอะไร
7. สุดท้ายผมอยากให้เราเอาใจช่วยรัฐบาลให้ประคองตัวให้ผ่านปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาไวรัส ปัญหาฝุ่น และปัญหาอื่น ๆ แบบไม่บอบช้ำเกินไปนะครับ ช่วยกันภาวนาให้มีคนในรัฐบาลนี้มีคนที่มีความคิดดี ๆ ก้าวหน้าในการแก้ปัญหาประเทศชาติกันบ้าง เพราะยังไงนี่มันก็ประเทศของเรา และถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมันก็กระทบกับเราซึ่งไม่ใช่คนรวย 0.01% ของประเทศนี้แน่ เพราะถ้ามันแย่มาก ๆ ต่อให้สุดท้ายได้คนเก่ง ๆ เข้ามา มันอาจจะสายเกินแก้ หรืออาจต้องใช้เวลาเหมือนกับทีมรักของผมคือลิเวอร์พูล ซึ่งแม้จะได้คนเก่งสุด ๆ อย่างเจอร์เกน คลอปป์มา ก็ต้องใช้เวลาตั้ง 4 ปี กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนตอนนี้
วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ใช้หุ่นยนต์ช่วยในการผ่าตัดแบบ"ซุปเปอร์ไมโคร"กับคนไข้ที่เป็นคนสำเร็จแล้ว
การผ่าตัดที่ใช้ในการซ่อมแซมที่เรียกว่าการผ่าตัดแบบซุปเปอร์ไมโครที่ใช้ในงานเช่นการเชื่อมต่อเส้นเลือดที่บางมาก หรือการเชื่อมต่อท่อน้ำเหลือง เพื่อทำให้มันทำงานได้ตามปกติเป็นงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญอย่างมาก แต่ในเร็ว ๆ นี้ระบบหุ่นยนต์ที่ชื่อว่า Musa ได้ช่วยการทำการผ่าตัดแบบนี้ในรอบแรกสำเร็จแล้วอย่างดีเยี่ยม โดยหุ่นยนต์นี้ถูกพัฒนาโดยบริษัทสตาร์ตอัพของฮอลแลนด์คือ Microsure ซึ่งแยกออกมาจาก Eindhoven University of Technology และ Maastricht University Medical Centre การทำงานของหุ่นยนต์นี้จะถูกควบคุมโดยหมอผ่าตัด โดยหุ่นยนต์จะแปลท่าทางการเคลื่อนไหวมือของหมอ แล้วใช้เครื่องมือจากตัวหุ่นยนต์ในการผ่าตัดซึ่งจะทำได้เที่ยงตรงมากกว่า รูปของหุ่นยนต์ดูได้จากข่าวครับ
อ่านข่าวเต็มได้ที่: New Atlas
อ่านข่าวเต็มได้ที่: New Atlas
วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
โปรแกรมหลอกลวงบนมือถือมุ่งเป้าไปที่ลูกค้าธนาคาร (ในอเมริกาและแคนาดา)
นักวิจัยด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ (cybersecurity) พบว่าผู้ใช้งานแอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือตกเป็นเป้าหลอกลวงเพื่อเอาข้อมูลการล็อกอินเข้าสู่ระบบธนาคาร โดยได้สร้างเว็บไซต์ปลอม และหลอกให้ผู้ใช้คลิกเข้าไปที่เว็บดังกล่าว ตามข่าวบอกว่ามีผู้ใช้ประมาณ 4,000 คนที่ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งวิธีการหลอกลวงก็คือการส่ง SMS ไปบอกลูกค้าว่าพบการเข้าถึงบัญชีอย่างไม่ถูกต้องของผู้ใช้ ให้ผู้ใช้ดำเนินการแก้ไข อาจมีคำถามว่าแล้วรู้ได้ยังไงว่าลูกค้าคนไหนมีบัญชีธนาคารไหนอยู่ คำตอบคือเขาไม่รู้ครับ แต่ใช้วิธีสุ่มเอา ส่งข้อความออกไปเยอะ ๆ เปลี่ยนชื่อธนาคารไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็อาจเจอที่ตรงกันบ้าง นักวิจัยบอกว่าการหลอกลวงโดยวิธีนี้ปัจจุบันไม่ต้องเป็นผู้เชียวชาญก็ทำได้ โดยซื้อโปรแกรมสำเร็จรูปที่มีการใช้งานที่ง่ายมาก เราก็สามารถส่ง SMS ไปหลอกลวงผู้คน และเก็บข้อมูลที่ต้องการได้แล้ว
อ่านข่าวเต็มได้ที่: ZDNET
เพิ่มเติมเสริมข่าว:
เรื่องการหลอกลวงแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ วิธีการก็เป็นวิธีการเดิม ๆ ซึ่งธนาคารของไทยแทบทุกแห่งก็เตือนผู้ใช้ในเรืองแบบนี้ แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในปัจจุบันการสร้างโปรแกรมหลอกลวงแบบนี้ทำได้ง่ายมาก ไม่ต้องรู้เรื่องคอมพิวเตอร์มากก็ทำได้ ดังนั้นเราก็คงยิ่งต้องระวังตัวกันให้มากขึ้นครับ
วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ซอฟต์แวร์บนเครื่องแมคไม่ปลอดภัยมากกว่าบนวินโดวส์แล้ว
เราอาจจะเคยได้ยินกันว่าเครื่องแมคไม่ติดไวรัส (ซึ่งไม่จริง) หรือใช้เครื่องแมคแล้วจะปลอดจากซอฟต์แวร์ที่ไม่ปลอดภัยมากกว่าวินโดวส์ แต่ในปัจจุบันอาจไม่จริงซะแล้วครับ รายงานจาก Malwarebytes ซึ่งเป็นบริษัทด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ (cybersecurity) บอกว่าเขาพบว่าเครื่องแมคมีความไม่ปลอดภัยจากซอฟต์แวร์ไม่ดีทั้งหลายมากกว่าบนวินโดวส์ โดยในพาดหัวข่าวบอกว่าซอฟต์แวร์ไม่ดีที่พุ่งเป้ามาที่เครื่องแมคเพิ่มขึ้นถึง 400% ในปี 2019 เมื่อเทียบกับปี 2018 ซึ่งทาง Malwarebyte สรุปว่าการที่มีซอฟต์แวร์ไม่ดีพุ่งเป้ามาที่เครื่องแมคมากขึ้นก็เนื่องมาจากมีผู้ใช้แมคมากขึ้นนั่นเอง และยังบอกว่า iPhone ก็อาจมีความเสี่ยงด้วย แต่เราก็อาจไม่รู้เพราะเราไม่มีเครื่องมือที่จะสแกนมันนั่นเอง อย่างไรก็ตามทาง Malwarebytes บอกว่าโปรแกรมที่ตรวจจับได้ ไม่ใช่โปรแกรมที่มุ่งทำอันตรายร้ายแรง แต่ก็สร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้
อ่านข่าวเต็มได้ที่: USA Today
อ่านข่าวเต็มได้ที่: USA Today
วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ทำให้ internet ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นักวิจัยจาก Sweden’s Chalmers University of Technology ได้ออกแบบวงจรชิปข้อมูลเพื่อแก้ไขความถูกต้องของข้อมูลที่ทำงานได้โดยใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งจากผลการทดลองพบว่าใช้พลังน้อยลงถึง 10 เท่า นักวิจัยบอกว่างานวิจัยนี้ต้องใช้การร่วมมือของศาสตร์หลายด้านมาช่วยกันตัวอย่างเช่นฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวกับแสง วิทยาการการสื่ิอสาร และวิศวกรรมไฟฟ้าเป็นต้น
อ่านข่าวเต็มได้ที่: Chamler News
เพิ่มเติมเสริมข่าว:
ปัจจุบันงานวิจัยจะเป็นลักษณะที่เป็นพหุสาขาวิชา (multidisciplinary) มากขึ้นเรื่อย ๆ หรือจริง ๆ ไม่ต้องงานวิจัยก็ได้ งานทั่ว ๆ ไปตอนนี้ก็แทบจะเป็นพหุสาขาวิชากันหมดแล้ว
อ่านข่าวเต็มได้ที่: Chamler News
เพิ่มเติมเสริมข่าว:
ปัจจุบันงานวิจัยจะเป็นลักษณะที่เป็นพหุสาขาวิชา (multidisciplinary) มากขึ้นเรื่อย ๆ หรือจริง ๆ ไม่ต้องงานวิจัยก็ได้ งานทั่ว ๆ ไปตอนนี้ก็แทบจะเป็นพหุสาขาวิชากันหมดแล้ว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)