วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2564

นักวิจัยจาก UW เปลี่ยนรูปถ่ายรูปเดียวให้เป็นวีดีโอ

Snoqualmie-Fall
ภาพน้ำตก Snoqualmie Falls ที่สร้างจากงานวิจัย (original photo: Sarah McQuate/University of Washington)

วิธีการเรียนรู้เชิงลึก (deep learning) แบบใหม่สามารถแปลงภาพถ่ายเดียวของสิ่งที่ไหลต่อเนื่องเป็นวิดีโอแอนิเมชั่นที่วนเป็นต่อเนื่องไปไม่รู้จบ นักวิจัยจาก University of Washington (UW)  ได้คิดค้นเทคนิคนี้ ซึ่ง Aleksander Holynski แห่ง UW กล่าวว่าไม่ต้องการข้อมูลจากผู้ใช้หรือข้อมูลเพิ่มเติม ระบบจะคาดการณ์การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเมื่อมีการถ่ายภาพนั้น และสร้างภาพเคลื่อนไหวจากข้อมูลดังกล่าว นักวิจัยใช้วิดีโอหลายพันภาพของของเหลวที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อฝึกโครงข่ายประสาทเทียม ซึ่งในที่สุดก็สามารถมองเห็นจุดเชื่อมเพื่อคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ทำให้ระบบสามารถตรวจสอบว่าแต่ละพิกเซลควรเคลื่อนที่ในรูปแบบและในลักษณะใด วิธีการที่ทีมงานพัฒนาขึ้นคือ "กระจายอย่างเป็นระบบ" คาดการณ์ทั้งอนาคตและอดีตของภาพ จากนั้นจึงรวมภาพเหล่านั้นเป็นแอนิเมชั่นเดียว

อ่านข่าวเต็มได้ที่: University of Washington News

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2564

คอมพิวเตอร์ทำนายรสนิยมด้านศิลปะของคน

painting
Credit: Smithsonian American Art Museum, L.E. Katzenbach Fund via California Institute of Technology

นักวิจัยจาก  California Institute of Technology (Caltech) ใช้โปรแกรมเพื่อทำนายความชอบทางศิลปะของผู้คน ทีมงานได้คัดเลือกอาสาสมัครมากกว่า 1,500 คนผ่านแพลตฟอร์มการระดมมวลชน (crowdsourcing) Mechanical Turk ของ Amazon เพื่อให้คะแนนภาพวาดหลากหลายประเภทและฟิลด์สี จากนั้นจึงป้อนข้อมูลนี้ไปยังโปรแกรม นักวิจัยได้สอนคอมพิวเตอร์ให้แยกแยะคุณสมบัติที่มองเห็นของภาพวาดออกเป็นคุณสมบัติระดับต่ำ ได้แก่ ความชัด (contrast) ความอิ่มตัว (saturation) และสีสัน (hue) และคุณสมบัติระดับสูงที่ต้องมีการประเมินโดยมนุษย์ Kiyohito Iigaya แห่ง Caltech กล่าวว่าโปรแกรมได้รวมเอาคุณลักษณะเหล่านี้เพื่อคำนวณว่าคุณลักษณะเฉพาะนั้น ๆ จะถูกใช้ในการตัดสินใจว่างานศิลปะนั้นดึงดูกใจหรือไม่ หลังจากนั้น คอมพิวเตอร์สามารถคาดการณ์ความชอบของบุคคลสำหรับงานศิลปะที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้อย่างแม่นยำ

อ่านข่าวเต็มได้ที่: California Institute of Technology

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ควอนตัมจะเป็นคีย์สำคัญในการทำให้การประชุมทางไกลมีความปลอดภัย

quantum-key
ภาพจาก Heriot-Watt University (U.K.)

นักวิทยาศาสตร์ใน Quantum Communications Hub แห่งมหาวิทยาลัย Heriot-Watt ในสหราชอาณาจักร ซึ่งทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานชาวเยอรมัน ได้เสนอวิธีในการสนทนาสี่ทางที่ใช้การรักษาความปลอดภัยด้วยควอนตัม ซึ่งเป็นผลมาจากการแจกจ่ายคีย์แบบควอนคตัม (Quantum Key Distribution) หรือ QKD ไปใช้ในเครือข่ายเป็นครั้งแรก ทีมงานใช้กระบวนการที่เรียกว่า Quantum Conference Key Agreement เพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดของระบบ QKD แบบดั้งเดิมที่แชร์คีย์ได้ระหว่างผู้ใช้เพียงสองคนเท่านั้น ซึ่งวิธีนี้เป็นครั้งแรกที่ทำให้การประชุมทางไกลแบบควอนตัมสามารถแชร์ภาพแมวเชสเชียร์ระหว่างผู้ร่วมประชุมสี่คน ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยเส้นใยแก้วนำแสง (optical fiber) โดยระยะทางที่ห่างกันสูงสุดของผู้เข้าร่วมประชุมคือ 50 กิโลเมตร (31 ไมล์) Alessandro Fedrizzi จาก Heriot-Watt กล่าวว่า "งานของเราเป็นตัวอย่างแรกที่ประสบความสำเร็จผ่าน 'การกระทำที่น่าตื่นเต้น (spooky action)' ระหว่างผู้ใช้หลายคนพร้อมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่จะนำไปใช้งานได้สำหรับควอนตัมอินเทอร์เน็ตในอนาคต"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Heriot-Watt University (U.K.)


วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2564

นักวิจัยจาก Cylab ค้นพบประเภทใหม่ในการจู่โจมทางไซเบอร์ของยานพาหนะ

smart car
Photo by Brock Wegner on Unsplash

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon หรือ CMU ได้นำทีมในการระบุช่องโหว่ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ประเภทใหม่ในยานพาหนะ ซึ่งอาจทำให้แฮ็กเกอร์สามารถเลี่ยงระบบตรวจจับการบุกรุกยานพาหนะจากระยะไกล และดับเครื่องยนต์และส่วนประกอบอื่น ๆ ในขณะเดียวกันนักวิจัยพบว่าแฮกเกอร์ไม่สามารถเปิดการโจมตีประเภทนี้ได้หากไม่ได้เจาะเครือข่ายของยานพาหนะก่อน Shalabh Jain จาก Bosch Research กล่าวว่า "ช่องโหว่ประเภทนี้สามารถให้ทิศทางใหม่สำหรับการขับเคลื่อนซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่การโจมตีที่ใหญ่ขึ้น" กลยุทธ์การโจมตีที่ทีมค้นพบสามารถปิดชุดควบคุมไฟฟ้า (electrical control unit) หรือ ECU  ที่ควบคุมการทำงานของรถยนต์สมัยใหม่ได้เกือบทั้งหมด Sekar Kulandaivel จาก CMU กล่าวว่า "ในการป้องกันตัวเองจากการโจมตีประเภทนี้ให้ได้ผลอย่างแท้จริง คุณต้องอัปเดตฮาร์ดแวร์"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Carnegie Mellon University CyLab Security and Privacy Institute

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2564

เราจะปรับปรุงห้องเรียนเสมือนได้อย่างไร

virtual-classroom
ภาพจาก UC San Diego News Center

นักวิจัยจากภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (CSE) ของ University of California, San Diego และ Carnegie Mellon University ได้สำรวจข้อบกพร่องของการเรียนรู้เสมือนจริง และเสนอแนวทางในการปรับปรุงประสบการณ์การเรียนการสอนให้ดีขึ้น นักวิจัยพบว่าข้อที่อาจารย์บ่นมากที่สุดคือนักศึกษาจำนวนมากไม่ยอมเปิดใช้งานกล้อง แต่ก็พบว่านักเรียนส่วนใหญ่ต่อต้านการเปิดกล้องเช่นกัน และก็พบว่าฟังก์ชันที่นักเรียนชอบอย่างท่วมท้นคือฟังก์ชันแชท ซึ่งเพิ่มโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในชั้นมากขึ้น ดังนั้นนักวิจัยจึงเสนอให้เพิ่มการแชทแบบข้อความเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมและสร้างชุมชนการเรียนรู้ Nadir Weibel แห่ง CSE คาดการณ์ว่าในอนาคต “บางชั้นเรียนจะกลับมาเรียนแบบปกติ บางส่วนจะออนไลน์เท่านั้น และบางส่วนจะเป็นแบบผสม แต่ฉันคิดว่าการเรียนรู้ออนไลน์น่าจะยังคงอยู่ต่อไป”

อ่านข่าวเต็มได้ที่: UC San Diego News Center

เพิ่มเติมเสริมข่าว:  ที่เอาข่าวนี้มาเล่า เพราะเรื่องกล้องนี่แหละครับ ในฝั่งตัวเองซึ่งเป็นอาจารย์สอนนั้นอยากให้นักศึกษาเปิดกล้อง ตอนแรกก็พยายามบอกให้เปิด แต่ตอนหลังก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาไม่อยากเปิด แต่ในฐานะคนสอนมันก็ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ดี เพราะถ้าสอนตามปกติมันยังได้เห็นหน้า ได้เห็นปฏิกิริยาว่าคนเรียนเป็นยังไง แต่พอนักศึกษาไม่เปิดกล้องก็เหมือนพูดคนเดียว ก็เลยใช้วิธีอัดคลิปวีดีโอให้ดูไปก่อน แล้วก็ใช้เวลามาทำความเข้าใช้กันแบบออนไลน์ ซึ่งใช้เวลาไม่มาก และฟังก์ชันแชทก็เป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ