วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2566

การสำรวจพบว่าร้อยละ 92 ของนักเขียนโปรแกรมใช้เครื่องมือ AI

cloud-computing
ภาพจาก  ZDNet

การสำรวจล่าสุดโดย GitHub พบว่า 92% ของนักพัฒนาในสหรัฐอเมริกาใช้เครื่องมือเขียนโค้ดปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) หรือ AI โดยมีเพียง 6% เท่านั้นที่ใช้ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานอย่างเดียว

จากการสำรวจนักพัฒนา 500 คนในสหรัฐอเมริกา 70% กล่าวว่าโค้ดของพวกเขาได้รับประโยชน์อย่างมากจาก AI ผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าเครื่องมือเขียนโค้ด AI มีประโยชน์ในการบรรลุมาตรฐานด้านประสิทธิภาพด้วยคุณภาพโค้ดที่ดีกว่า เอาต์พุตที่เร็วขึ้น และปัญหาในระดับการใช้งานจริงที่น้อยลง

อย่างไรก็ตาม โค้ดที่เขียนด้วย AI ดูเหมือนจะเป็นจุดจบสำหรับนักพัฒนา เนื่องจากการสำรวจพบว่าพวกเขา “ต้องการเพิ่มทักษะด้านการออกแบบแก้ปัญหา รับข้อเสนอแนะจากผู้ใช้ปลายทาง และประเมินทักษะการสื่อสารของพวกเขา” Inbal Shani จาก GitHub กล่าว “

หัวหน้าโครงการจะต้องเริ่มถามว่าการวัดปริมาณโค้ดยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการวัดความสามารถในการผลิตและผลลัพธ์หรือไม่"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: ZDNet

วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2566

จากการสำรวจพบว่าภาษา Rust เป็นภาษาที่ได้รับความชื่นชมที่สุด

iron-rust
Photo by michael schaffler on Unsplash

การสำรวจนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Stack Overflow ปี 2023 พบว่า Rust เป็นภาษาโปรแกรมที่ผู้ตอบแบบสอบถามชื่นชมมากที่สุด โดยเกือบ 85% ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ Rust ต้องการที่จะใช้มันต่อไป เทียบกับ 58% สำหรับ JavaScript และ 66% สำหรับ Python

TypeScript และ  Zig ซึ่งเป็นตัวเลือกแทนภาษา C ได้รับความชื่นชมรองลงมา JavaScript เป็นภาษาโปรแกรมที่ใช้มากที่สุดในบรรดานักพัฒนาเกือบ 90,000 คนติดต่อกันเป็นปีที่ 11 รองลงมาคือ HTML/CSS และ Python PostgreSQL และ Amazon Web Services เป็นฐานข้อมูล และแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ใช้มากที่สุดตามลำดับ

เทคโนโลยีเว็บที่ใช้มากที่สุดสองตัวคือ Node.js และ React ในขณะที่ GitHub Copilot และ Tabnine เป็นเครื่องมือที่นักพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ใช้มากที่สุด

อ่านข่าวเต็มได้ที่: InfoWorld


วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2566

คอมพิวเตอร์วิทัศน์แบบผสมรวมเอาฟิสิกส์และบิ๊กดาต้าเข้าด้วยกัน

hybrid-AI-Computer-vision
ภาพจาก UCLA Samueli School of Engineering

นักวิจัยจาก University of California, Los Angeles (UCLA) และ US Army Research Laboratory ได้ผสมผสานฟิสิกส์ และเทคนิคที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision) ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) หรือ AI

การศึกษาของพวกเขามุ่งเน้นไปที่การผสมผสานฟิสิกส์เข้ากับชุดข้อมูล AI สถาปัตยกรรมเครือข่าย และฟังก์ชันการสูญเสียเครือข่าย (network loss funcion) 

Achuta Kadambi ของ UCLA กล่าวว่า "รูปแบบการอนุมานที่คำนึงถึงฟิสิกส์สามารถช่วยให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น หรือหุ่นยนต์ผ่าตัดมีความแม่นยำมากขึ้น" 

นักวิจัยพบว่าวิธีการแบบผสมผสานอาจทำให้การติดตามและทำนายการเคลื่อนไหวของวัตถุเที่ยงตรง และแม่นยำยิ่งขึ้นโดยใช้ AI  นักวิจัยกล่าวว่าในที่สุด AI ที่ใช้การเรียนรู้เชิงลึกอาจเรียนรู้กฎของฟิสิกส์ได้ด้วยตัวเอง

อ่านข่าวเต็มได้ที่: UCLA Samueli School of Engineering

วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2566

แฮกเกอรฺ์สามารถขโมยกุญแจเข้ารหัสด้วยการบันทึกไฟ LED

LED-Hack
ภาพจาก Ars Technica

การศึกษาวิจัยใหม่ได้เปิดเผยช่องโหว่ที่ช่วยให้แฮ็กเกอร์สามารถขโมยคีย์เข้ารหัสโดยบันทึกวิดีโอของไฟ LED จากระยะไกลถึง 60 ฟุต 

การโจมตีทำงานโดยใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงที่ว่าไฟ LED บนอุปกรณ์เหล่านี้ปล่อยแสงจาง ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปตามปริมาณพลังงานที่อุปกรณ์ใช้ ด้วยการบันทึกกำลังไฟมราเปล่งออกมาด้วยกล้องวิดีโอ จากนั้นวิเคราะห์วิดีโอทีละเฟรม นักวิจัยสามารถสร้างกุญแจเข้ารหัสที่ใช้เข้ารหัสข้อมูลบนอุปกรณ์ขึ้นมาใหม่ได้

นักวิจัยสามารถแยกกุญแจอัลกอริทึมลายเซ็นดิจิทัล Elliptic Curve 256 บิตจากสมาร์ทการ์ดที่รัฐบาลอนุมัติใบเดียวกับที่ใช้ในการโจมตีแบบ side-channel ของการจู่โจม Minerva 

อีกตัวอย่างหนึ่งคือช่องโหว่ที่สองกู้คืนกุญแจ Supersingular Isogeny Key Encapsulation ของโทรศัพท์ Samsung Galaxy S8 โดยใช้กล้องของ iPhone 13 กับไฟ LED ของลำโพง USB ที่ต่ออยู่กับโทรศัพท์

การค้นพบนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นเพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน และตอกย้ำความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เพราะจะต้องเผชิญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Ars Technica

วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2566

เทคโนโลยีป้องกันผู้สูงอายุล้ม

app-prevent-fall-in-elderly
ภาพจาก BBC News

โครงการ Move More Live More ในไอร์แลนด์เหนือมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุโดยคาดการณ์ความเสี่ยงที่นำไปสู่การหกล้มล่วงหน้าหลายสัปดาห์

โครงการที่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Ulster University และสถาบันท้องถิ่นอื่น ๆ ใช้การสวมนาฬิกาอัจฉริยะที่ติดตามระดับกิจกรรม การนอน อัตราการเต้นของหัวใจ และความอิ่มตัวของออกซิเจน ตลอดจนให้การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงที่อาจบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการล้ม

Vicki Caddy แห่งองค์กรการกุศล Age NI กล่าวว่า "หากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ (ในผู้สูงอายุแต่ละคน) ซอฟต์แวร์จะแสดงมันขึ้นมา ก่อนที่ผู้สวมใส่แต่ละคนจะรู้ตัวว่ามีอะไรที่ผิดแผกไป"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: BBC News