วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

IBM เปิดตัวเทคโนโลยีชิปแบบ 2 นาโนเมตร

2-nanometer chip technology
ภาพจาก Reuters

IBM ได้เปิดตัวสิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยีการผลิตชิป 2 นาโนเมตรตัวแรกของโลกซึ่งจะมีขนาดเล็กและเร็วกว่าโปรเซสเซอร์ 5 นาโนเมตรระดับแนวหน้าที่ใช้ในปัจจุบัน รวมถึงชิป 3 นาโนเมตรที่คาดว่าจะตามมา บริษัทกล่าวว่าชิปใหม่นี้อาจเร็วกว่าชิป 7 นาโนเมตรทั่วไปที่ใช้ในแล็ปท็อปและโทรศัพท์สมัยใหม่หลายรุ่นถึง 45% และประหยัดพลังงานมากขึ้นถึง 75% Dario Gil จาก IBM Research กล่าวว่าการย่อขนาดทรานซิสเตอร์ของชิปจะช่วยเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็สร้างปัญหาเกี่ยวกับการรั่วไหลของอิเล็กตรอนเมื่อสวิตช์ควรจะอยู่ในสถานะปิด  Gil กล่าวว่านักวิทยาศาสตร์ของไอบีเอ็มปูแผ่นฉนวนกันความร้อนที่หนาเพียงไม่กี่นาโนเมตรเพื่อหยุดการรั่วไหล บริษัทบอกว่าชิป 2 นาโนเมตรจะใช้เวลาอีกหลายปีในการออกสู่ตลาด

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Reuters

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

อัลกอริทึมช่วยปรับปรุงวิธีการปกป้องข้อมูล

Yongjune Kim
ภาพจาก DGIST

นักวิจัยจาก Daegu Gyeongbuk Institute of Science and Technology (DGIST) ของเกาหลีใต้ได้พัฒนาอัลกอริทึมที่ใช้ประเมินและตรวจสอบความปลอดภัยของการเข้ารหัส โดยใช้ความซับซ้อนในการคำนวณน้อยลง  โดยทั่วไปแล้วมาตรวัด "Min-entropy" จะใช้ในการประมาณและตรวจสอบคุณสมบัติขอต้นทางที่นำมาใช้ในการสร้างตัวเลขสุ่มที่ใช้ในการเข้ารหัสข้อมูล อัลกอริธึมแบบออฟไลน์ที่พัฒนาโดยนักวิจัย จะประเมินค่า min-entropy จากชุดข้อมูลทั้งหมด พวกเขายังพัฒนาเครื่องมือประมาณค่าแบบออนไลน์ ที่ต้องการตัวอย่างข้อมูลที่ไม่มากนัก และเมื่อใช้ตัวอย่างข้อมูลเพิ่มขึ้นก็จะได้ความแม่นยำที่มากขึ้น เนื่องจากเครื่องมือประมาณค่าแบบออนไลน์ไม่ต้องการพื้นที่จัดเก็บสำหรับชุดข้อมูลทั้งหมด จึงเหมาะสำหรับอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things) และแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่มีข้อจำกัดด้านหน่วยความจำ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และฮาร์ดแวร์ Yongjune Kim จาก DGIST กล่าวว่า "การประเมินของเราแสดงให้เห็นว่า อัลกอริทึมของเราสามารถประมาณค่า min-entropy ได้เร็วกว่าอัลกอริทึมมาตรฐานปัจจุบัน 500 เท่าในขณะที่ยังคงความแม่นยำในการประมาณค่าเอาไว้" 

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Daegu Gyeongbuk Institute of Science and Technology (South Korea)

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

เพิ่มความเร็วในการรักษาโควิดแบบใหม่

University of new Mexico
ภาพจาก University of New Mexico

นักวิทยาศาสตร์จาก University of New Mexico (UNM)  และ University of Texas at El Paso ได้พัฒนาเครื่องมือคำนวณ เพื่อช่วยให้นักวิจัยยาระบุโมเลกุลต่อต้านโควิดได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ไวรัสจะจู่โจมเซลล์ของมนุษย์ หรือหยุดการทำงานของมันในระยะแรกของการติดเชื้อ ทีมงานได้เปิดตัว REDIAL-2020 ซึ่งเป็นชุดตัวแบบการคำนวณแบบโอเพนซอร์สที่สามารถช่วยคัดกรองโมเลกุลขนาดเล็กอย่างรวดเร็ว เพื่อหาลักษณะการต่อสู้กับโควิดที่มีประสิทธิภาพ REDIAL-2020 ใช้อัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) หรือ ML)ที่ประมวลผลข้อมูลจำนวนมากอย่างรวดเร็ว และกำจัดรูปแบบที่นักวิจัยที่เป็นมนุษย์อาจพลาดไป ทีมงานได้ตรวจสอบการคาดการณ์ของ ML โดยเปรียบเทียบชุดข้อมูลจาก National Center for Advancing Translational Sciences กับผลลัพธ์ของยาที่ผ่านการอนุมัติที่บันทึกไว้ในฐานข้อมูล DrugCentral ของ UNM

อ่านข่าวเต็มได้ที่: University of New Mexico


วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

การเรียนรู้ของเครื่องนำภาพถ่ายดิจิทัลให้กลับมามีชีวิต

Generated Synthesized Picture
การสังเคราะห์ภาพเพื่อเปลี่ยนการโฟกัส Image: Courtesy of Nima Kalantari

เทคนิคการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) หรือ ML ที่พัฒนาโดยนักวิจัยจาก Texas A&M University (TAMU) ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างมุมมองใหม่ ๆ ของฉากจากภาพถ่ายเพียงภาพเดียว Nima Kalantari จาก TAMU กล่าวว่า "เราสามารถดาวน์โหลดและใช้ภาพใดก็ได้บนอินเทอร์เน็ต แม้กระทั่งภาพที่มีอายุ 100 ปี และทำให้ภาพนั้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และมองมันจากมุมที่แตกต่างกัน" Kalantari และนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา Qinbo Li ได้ฝึกฝนเครือข่ายการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อสร้างมุมมองใหม่ ๆ จากภาพเพียงภาพเดียวโดยให้มันศึกษาชุดภาพกว่า 2,000 ภาพ และภาพของมุมมองใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้อง ภาพที่ใช้เป็นข้อมูลแต่ละภาพจะถูกแปลงเป็นภาพแบบมัลติเพลน (multiplane) เพื่อฝึกเครือข่ายให้ระบุตำแหน่งของวัตถุในฉาก

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Texas A&M Engineering News

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

VR อาจช่วยปรับปรุงความสมดุลในผู้สูงอายุ

VR Technology for Adult Balance
ภาพจาก University of Bath (U.K.)

นักวิจัยจาก University of Bath ของสหราชอาณาจักรและ FIFA Medical Center of Excellence ของโปรตุเกสกำลังสำรวจการใช้ความจริงเสมือน (virtual reality) หรือ VR เพื่อปรับปรุงความสมดุลและป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ นักวิจัยได้ตรวจสอบข้อมูลจากการศึกษา 19 ครั้งเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย ความเป็นไปได้ และประสิทธิผลของระบบจอแสดงผลแบบสวมศีรษะสำหรับการประเมินและฝึกความสมดุลในผู้สูงอายุ พวกเขาพบว่า VR ไม่เพียงแต่สามารถประเมินความสมดุลได้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยป้องกันการหกล้ม และปรับปรุงการควบคุมท่าทางและรูปแบบการเดิน แต่ยังแยกความแตกต่างระหว่างบุคคลที่มีสุขภาพดีและมีความบกพร่องในการทรงตัวอีกด้วย Dr. Pooya Soltani จาก Bath กล่าวว่า "VR ช่วยให้เรามีความยืดหยุ่นในการเพิ่มเอฟเฟกต์ที่ทำให้สับสน หรือปรับขนาดและลบองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อทดสอบว่าผู้เข้าร่วมรักษาสมดุลได้ดีเพียงใด"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: University of Bath (U.K.)