วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ทำเนียบขาววางแผนสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีสำหรับงานในอนาคต

คณะที่ปรึกษาด้านแรงงานของทำเนียบขาวได้เรียกร้องให้ทำเนียบขาวและภาคเอกชนร่วมมือกันสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีเพื่อตำแหน่งงานในอนาคต และพร้อมที่จะรองรับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจหลังจากการแพร่ระบาดของ  COVID-19 คณะที่ปรึกษาบอกว่าโครงสร้างพื้นฐานนี้จะช่วยให้คนที่ตกงานมีเส้นทางที่จะเพิ่มพูนทักษะที่มีอยู่และเพิ่มทักษะใหม่ เพื่อให้ได้งานที่ดีหลังจากที่ภาคส่วนต่าง ๆ ฟื้นตัวกลับมาหลังจากวิกฤติ COVID-19 โดยโครงสร้างพื้นฐานนี้ควรจะสนับสนุนการจ้างงานจากทักษะไม่ใช่ปริญญา และเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางทักษะระดับชาติ เพื่อเชื่อมโยงคนทำงานให้มีโอกาสได้งานมากขึ้น

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Reuters

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

Apple กับ Google เปิด API สำหรับการแจ้งเตือนความเสี่ยงเพื่อให้หน่วยงานสาธารณสุขใช้สร้างแอป

Apple และ Google ปล่อย API สำหรับการแจ้งเตือนความเสี่ยงจากการใกล้ชิดกันเวอร์ชันแรกออกสู่สาธารณะ ซึ่งในตอนแรกได้ปล่อยมาในรูปของแอปติดตามการสัมผัสกัน โดย API แจ้งเตือนนี้จะช่วยเตือนความเสี่ยงในกรณีที่มีการใกล้ชิดกับคนที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ COVID-19 โดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและที่ที่ไปเป็นสาธารณะ หน่วยงานด้านสาธารณสุขสามารถสร้างแอปให้ใช้กันได้โดยใช้ API นี้ และสามารถสร้างมาตรฐานที่คิดว่าเป็นความเสี่ยงขึ้นมาได้ เช่นสามารถกำหนดว่าระยะเวลาที่อยู่ใกล้ชิดกัน หรือระยะห่างแค่ไหน จึงจัดว่ามีความเสี่ยง และยังสามารถปรับแต่งค่าตัวแปรต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับมาตรฐานของตัวเองได้ 

อ่านข่าวเต็มได้ที่:  TechCrunch

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ขอชมเชยช่างจากการไฟฟ้าลาดกระบังครับ

วันนี้ขอกล่าวชมและขอบคุณเจ้าหน้าที่ช่างจากการไฟฟ้าลาดกระบังครับ คือเรื่องมีอยู่ว่ามีไฟฟ้าโซนนึงในบ้านผมมันมีอาการไฟตกและไฟมาไม่สม่ำเสมอ คืออาการมันเป็นอย่างนี้ครับตอนแรกเครื่อง UPS มันทำงานผิดปกติครับ คือมันแสดงให้เห็นว่าไฟที่เข้ามามันขึ้น ๆ ลง จาก 200 กว่า แล้วก็ตกลงเหลือ 100 กว่า ดังนั้นเครื่องมันก็ต้องทำงานตลอดเวลาโดยส่งเสียงร้องบอกว่าไฟไม่พอ ต้องใช้ไฟสำรองเพื่อส่งให้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต่ออยู่ ตอนแรกก็นึกว่าเป็นปัญหาที่การไฟฟ้าอาจส่งไฟมาไม่พอ เพราะช่วงนี้มีคนใช้ไฟเยอะ แต่พอไปเช็คที่โซนอื่นของบ้านมันก็ปกติดี และลองปิดไฟส่วนอื่นของบ้านทั้งหมดมันก็ยังเป็น ตัวผมไม่มีความรู้เรื่องไฟฟ้าเลย ก็พยายามหาช่างที่จะมาซ่อม แต่ก็ยังไม่ได้จริงจังนัก เพราะใช้ไฟในโซนอื่นของบ้านได้อยู่ ใช้สายพ่วงต่อมาเอา 

แต่พอผ่านไปหลายวันเข้า อาการมันหนักขึ้นหลอดไฟในโซนนั้นมันก็หรี่ลงเรื่อย ๆ บางดวงก็เปิดไม่ติดเลย และเมื่อคืนนี้ประมาณสองทุ่ม ไฟดวงหลักในห้องทำงานของคนในบ้านก็หรี่ลงอย่างเห็นได้ชัด ก็เลยคิดว่าต้องหาช่างจริงจังแล้ว จะหาช่างที่ไหนยังไงดีที่ไว้ใจได้ ก็เลยนึกว่าถ้าเป็นช่างจากการไฟฟ้าน่าจะไว้ใจได้มากที่สุด ก็เลยค้นไปเจอเบอร์ Call Center ของการไฟฟ้านครหลวง คือเบอร์ 1130 และเข้าไปอ่านในเว็บก็เหมือนมีบริการเรื่องไฟฟ้าในบ้านด้วย ก็เลยลองโทรดู พอโทรไปก็ต้องรอครับ ตามข้อมูลที่ได้ฟังจากระบบอัตโนมัติของ Call Center บอกว่าขณะนี้มีคนสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการคืนค่าประกันมิเตอร์ไฟเป็นจำนวนมาก ผมก็อดทนรอครับ ตอนแรกคุณภรรยาก็นั่งรออยู่ด้วยจะได้ช่วยกันอธิบายอาการให้เขาฟัง สุดท้ายคุณภรรยาไม่รอครับ แต่ผมก็ทนรอต่อไปจนประมาณสัก 15 นาที ก็ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ 

เจ้าหน้าที่ก็ได้สอบถามเลขสัญญาไฟฟ้าจากผม ผมก็เปิดแอปการไฟฟ้าเลย แล้วก็บอกอย่างมั่นใจ ปรากฏว่าไม่ถูกครับ เจ้าหน้าที่บอกมันต้องมี 8 หลัก แต่ในแอปมันแสดงแค่ 6 หลัก ก็เลยต้องวิ่งวุ่นหาบิลค่าไฟฟ้า สุดท้ายหาไม่เจอครับ เลยขอแจ้งชื่อกับที่อยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ค้นให้ได้ครับ ขอบคุณมากครับ ดังนั้นประสบการณ์แรกคือเราควรเก็บบิลค่าไฟฟ้าไว้สักใบนะครับ เพราะแอปมันแสดงหลักไม่ครบ  พอได้แล้วก็เล่าอาการให้ฟัง เจ้าหน้าที่ก็เลยให้เบอร์โทรศัพท์ของการไฟฟ้าลาดกระบังให้ 

ผมก็เลยโทรไปแล้วเล่าอาการให้ฟัง พอช่างฟังก็บอกว่าน่าจะเป็นเพราะมีอะไรหลวมในตู้เบรกเกอร์ แล้วก็ถามเลขที่สัญญาไฟฟ้าจากผมอีกครั้ง เพื่อให้รู้ตำแหน่งบ้านผม พอรู้ปุ๊ปก็บอกว่า เดี๋ยวจะเข้าไปดูให้ ผมฟังก็นึกว่าฟังผิดไป เพราะนึกว่าจะต้องนัดกันก่อน กว่าจะมาก็น่าจะอีกสักสองสามวัน ก็เลยถามว่าจะมาเลยหรือครับ ช่างบอกใช่ครับจะเข้าไปเลย เหมือนเขาออกมาทำงานแถวนี้พอดี ผมได้ฟังก็เลยรีบลงมาเคลียร์ที่เพื่อให้ช่างเข้าถึงตู้เบรกเกอร์ได้ง่าย ๆ คือบ้านมันผมค่อนข้างรก(มาก)ครับ ยังเคลียร์ไม่ทันเสร็จ ลูกชายคนโตบอกพ่อสงสัยมาแล้ว เขามาฉายไฟฉายแว็บ ๆ อยู่หน้าบ้าน ก็เลยหันไปดู ใช่จริงครับมาแล้ว นับจากที่วางหูโทรศัพท์ไม่น่าจะเกิน 5 นาที ก็เลยรีบออกไปรับ ช่างก็เริ่มจากไปดูก่อนว่ากระแสไฟที่จ่ายเข้าบ้านจากเสาไฟฟ้าปกติไหม ปรากฏว่าปกติดี ก็เลยเข้ามาเช็คในบ้านก็เสียบ UPS ให้เขาเห็นอาการ เขาก็ไปดูที่ตู้เบรคเกอร์ แล้วก็บอกว่าสายนิวทรัลไหม้ แล้วก็ไหม้มากด้วย ไม่ได้กลิ่นไหม้กันเลยเหรอ ผมกับภรรยาและลูกชายคนโตก็มองหน้ากัน แล้วก็คิดว่าหรือพวกเราจะติด COVID-19 กันหมด เพราะไม่มีใครได้กลิ่นเลย ทั้งที่ก็นังทำงานกันอยู่ตรงนั้น อ้อพูดถึงตรงนี้ต้องขอนินทาเจ้าลูกคนเล็กนิดนึงครับ คือเขานั่งเล่นเกมอยู่อีกโซนหนึ่ง ช่างเดินผ่านเข้าออกไปที่ตู้เบรกเกอร์ไปแล้วรอบสองรอบ เขาเพิ่งเงยหน้ามาถามอ้าวช่างมาแล้วเหรอพ่อ เวลาเรียนขอให้มีสมาธิแบบนี้นะลูกนะ

ช่างก็จัดการเปลี่ยนสายให้เรียบร้อย และอาการก็หายครับ ใช้เวลาในการตรวจสอบและแก้ไขน่าจะไม่เกินครึ่งขั่วโมง ประทับใจมากครับ และไม่เรียกรับค่าบริการใด ๆ ด้วย ก็ขอขอบคุณไว้ที่นี้อีกครั้งแล้วกันนะครับ เสียดายที่ไม่ได้ถามชื่อช่างไว้ด้วย ผมว่าเจ้าหน้าที่แบบนี้ช่วยเสริมภาพลักษณ์ขององค์กรได้ดีมากครับเทียบกับที่อ่านข่าวตอนเช้าที่มีคนจากการไฟฟ้าออกมาแสดงความกังวลว่าการที่การไฟฟ้าต้องลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนสองสามเดือนในช่วง COVID อาจทำให้การไฟฟ้าเจ๊งเหมือนการบินไทยนี่ให้ความรู้สึกคนละเรื่องกันเลยครับ 

ไมโครซอฟท์กับอินเทลร่วมมือกันในการตรวจจับมัลแวร์ด้วยการแปลงเป็นรูปภาพ

ไมโครซอฟท์และอินเทลร่วมมือกันในโครงการที่ชื่อว่า STAMINA (STAtic Malware-as-Image Network Analysis) ซึ่งจะใช้ในการตรวจสอบและจำแนกมัลแวร์โดยการแปลงรหัสไบนารีของมัลแวร์ให้เป็นรูปภาพที่เป็นโทนสีเทา (grayscale) จากนั้นก็สแแกนรูปภาพ เพื่อหารูปแบบทางพื้นผิวและโครงสร้าง โดยผลการทดองพบว่าสามารถดักจับและจำแนกมัลแวร์จากตัวอย่างได้ถึง 99.07% อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ไม่เหมาะสมกับไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ เพราะมีข้อจำกัดในด้านการแปลงพิกเซลระดับพันล้านพิกเซลให้เป็นไฟล์ JPEG และลดขนาดของมันลงมา 

อ่านข่าวเต็มได้ที่: ZDNET

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

บลูทูชอาจไม่ดีพอสำหรับติดตามผู้ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโคโรนา

นักวิจัยจาก Trinity College Dublin ในไอร์แลนด์บอกว่ามันเป็นความท้าทายอย่างมาก ที่จะใช้แอปที่ใช้บลูทูชในการติดตามผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีเชื้อโคโรนาไวรัส เพราะความแรงของสัญญาณบลูทูชจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอย่างเช่นทิศทางของโทรศัพท์ มีคนคั่นกลางระหว่างโทรศัพท์หรือไม่ และสภาพแวดล้อมที่ทั้งสะท้อนและดูดซับสัญญาณบลูทูช นักวิจัยได้ทดลองการทำงานของแอป TraceTogether ของสิงคโปร์ ที่รันบนโทรศัพท์แอนดรอยด์ ใน 4 สถานการณ์ด้วยกันคือ สถานการณ์ของการเดินกันปกติบนถนน ที่โต๊ะประชุมในที่ทำงาน บนรถไฟ และในซุปเปอร์มาร์เก็ต ผลการทดลองพบว่ามันสามารถตรวจจับความใกล้ชิดของคนขณะที่เดินได้ แต่ถ้าเป็นที่โต๊ะประชุมสัญญาณจะตกลง 38% ถ้าโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องอยู่ในกระเป๋าเสื้อเมื่อเทียบกับเอาโทรศัพท์วางไว้บนโต๊ะ ซึ่งทำให้บอกได้ยากว่า คนสองคนอยู่ใกล้กันจริงหรือเปล่า ในซุปเปอร์มาร์เก็ตพบว่ามันยากมากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างคนสองคนที่พยายามเว้นระยะห่างทางสังคมระหว่างกัน กับคนที่เดินอยู่ใกล้ ๆ กัน บนรถไฟ สัญญาณระหว่างคนสองคนที่อยู่ห่างกัน 3.5 เมตรกลับเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการสะท้อนของคลื่อนกับวัสดุต่าง ๆ ที่อยู่บนรถไฟ และเหตุผลเดียวกันนี้ก็สามารถใช้อธิบายผลลัพธ์ในซุปเปอร์มาเก็ตได้ด้วย ผลการทดลองยังพบว่าสัญญาณจะตกลงหนึ่งในสาม ถ้าโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋าด้านหน้าของคนคนหนึ่งซึ่งหันหน้าออกจากอีกคนหนึ่ง อันนี้เป็นเพราะสัญญาณจะถูกดูดซับโดยตัวคน นอกจากนี้กำแพงบาง ๆ ก็อาจมีผลที่ทำให้เข้าใจผิดด้วย เช่นคนสองคนอยู่กันคนละห้อง แต่มีผนังบาง ๆ กั้นห้อง โปรแกรมก็อาจจะบอกว่าคนสองคนนี้อยู่ใกล้ชิดกัน 

อ่านข่าวเต็มได้ที่:  New Scientist