สวัสดีครับ หลังจากไม่ได้เขียนบล็อกมาเสียนาน วันนี้ก็ได้โอกาสมาเขียนเสียที วันนี้ผมเขียนบล็อกมาจากบุรีรัมย์ครับ มางานพระราชทานเพลิงศพของพ่อของเพื่อนร่วมงานที่ผมเคารพท่านหนึ่ง แล้วก็ไม่อยากขับรถกลับตอนกลางคืน บอกตรงๆว่ารู้สึกว่าไม่ค่อยปลอดภัยครับ โดยเฉพาะพวกปาหิน ถึงตอนนี้จะเงียบไปแล้วก็ตาม ผมได้พักโรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่มาได้แค่สองเดือนครับ และโซนที่พักก็เพิ่งเปิดเรียกว่าห้องพักที่ผมพักนี้ผมได้ประเดิมเป็นคนแรกเลยครับ แต่ก็ตามธรรมดาของโรงแรมเปิดใหม่ก็ยังมีอะไรไม่เรียบร้อยอยู่บ้าง
สำหรับวันนี้ก็ขอไม่มีสาระอะไรสักวันแล้วกันนะครับ จะเล่าประสบการณ์ใชั GPS ให้ฟัง การเดินทางครั้งนี้ทำให้ผมมีโอกาสได้ใช้ GPS นำทางจริง ๆ จัง ๆ ครับ ซึ่งมันก็ทั้งช่วยและบางทีก็ทำให้งงได้เหมือนกันครับ ผมเริ่มใช้มันตั้งแต่เริ่มเดินทางเลยครับ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผมคุ้นเคยอยู่แล้วปรากฏว่ามันทำให้ผมประทับใจมากครับ คือบอกตำแหน่งรถย้อนหลังไปเจ็ดร้อยเมตร คือผมอยู่บนรามอินทราแล้วมันยังบอกว่าผมยังอยู่บนสุวินทวงศ์เป็นต้น ผมก็เริ่มคิดแล้วว่าเฮ้ยมันจะพาเราไปหลงที่ไหนไหมนี่ แต่สักพักมันก็จับตำแหน่งถูกต้องครับ คือพอขึ้นวงแหวนตะวันออกได้มันก็โอเคครับ และเพราะทางช่วงนั้นเป็นทางตรงไปตลอดมันก็ไม่พูดอะไรอีกเลย ซึ่งผมก็เข้าใจว่าถ้าขึ้นทางหลักถูกต้องและเป็นทางตรงแล้วมันก็จะไม่เตือนอะไร แต่จริง ๆ ผมก็อยากให้มันพูดบ้างนะครับ คือผมขับมาคนเดียวบางทีมันเหงาน่ะครับ :)
เอาล่ะครับคราวนี้พอลงจากวงแหวนเข้าทางหลวงหมายเลข 1 ซึ่งพอขึ้นไปแล้วมันก็เป็นทางตรงเหมือนกันแต่คราวนี้มันไม่เงียบครับ มันจะพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าอีก ... เมตรชิดขวาเข้าทางหลวงหมายเลขหนึ่ง ซึ่งทำให้ผมงงว่าเอ๊ะเราอยู่ที่ไหนกันแน่ เช็คจากป้ายและจากหน้าจอของมันเราก็อยู่ถูกที่แล้ว และบางทีเราก็อยู่เลนขวาสุดอยู่แล้ว มันจะเอายังไงกันแน่ หรือมันจะให้เราข้ามไปขับอีกฝั่งหนึ่ง :) เอาเถอะครับสุดท้ายผมก็เริ่มชินกับมัน เฮ้อรู้งี้ไม่น่าอยากให้มันพูดเลย ถ้ารู้ว่ามันจะพูดไม่หยุดอย่างนี้ จนมันนำผมเข้าทางหลวงหมายเลข 2 ไปแล้วมันก็ยังพูดต่อไปว่าอีก .... คงอยู่ทางขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 ซึ่งปัญหาแค่นี้ผมก็คิดว่าทนรำคาญเอานะครับ แต่จริงๆ มันมีมากกว่านี้ครับเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อไป
คราวนี้มาดูความดีของมันบ้างครับ วัดที่ผมไปร่วมงานนี้เป็นวัดที่อยู่ใกล้ๆ ปราสาทเมืองต่ำและปราสาทพนมรุ้ง มันก็นำทางผมไปเรื่อย ๆ แต่ช่วงนี้เขาพนมรุ้งมีงานครับ เขาก็เลยปิดเส้นทางหลัก ให้เบี่ยงไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งมันก็เก่งมากครับ สามารถนำทางผมไปได้ และยังบอกให้ระวังทางโค้งต่าง ๆ อีกต่างหาก ในที่สุดมันก็นำผมมาถึงวัดครับ
ตอนขากลับผมไม่อยากกลับทางเดิมเพราะมันต้องขึ้นเขาผ่านทางโค้งซึ่งค่อนข้างอันตราย และฝนก็ตกถนนลื่น ก็เลยถามเพื่อนว่าจะกลับทางที่ไม่ต้องขึ้นเขาได้ไหม เพื่อนก็แนะนำให้ว่าต้องไปทางไหน ผมก็มุ่งหน้าไปพร้อมให้ GPS นำทางต่อ ซึ่งตอนแรกมันก็ดีนะครับ จนมาถึงจุดหนึ่งครับมันบอกว่า ... เมตรเลี้ยวซ้าย ซึ่งความหมายของมันก็เหมือนกับที่ผ่านมาก็คืออยู่บนเส้นเดิมนั่นแหละ แต่บังเอิญตรงนั้นมันมีทางเลี้ยวซ้ายพอดี ผมก็เลยเลี้ยวไปตามที่มันบอก แทนที่มันจะบอกว่าผิดมันกลับบอกให้ไปต่อครับ สงสัยมันจะคำนวณเส้นทางใหม่ จากนั้นมันก็บอกให้ผมเลี้ยวขวาผมก็ตามมันไป มันพาผมไปเข้าหมู่บ้านอะไรไม่รู้ครับ ผมก็คิดไปถึงหนังสยองขวัญของฝรั่งที่นักท่องเที่ยวหลงเข้าไปในหมู่บ้านอะไรไม่รู้ในยามสนธยา สภาพผมตอนนั้นเป็นอย่างนั้นเลยครับ คือไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนบรรยากาศก็ดูวังเวงมีฝนตกพรำ ๆ ยิ่งไปกว่านั้นสักพัก GPS มันเงียบครับไม่พูดอะไรอีกเลย ผมเห็นท่าไม่ได้การก็เลยกลับรถออกมา และขับกลับมาทางเดิม ซึ่งพอถึงแยกที่เป็นปัญหามันก็บอกให้ผมเลี้ยวซ้ายซึ่งก็คือเข้าเส้นเดิมที่เลี้ยวแยกลงมานั่นแหละ จากนั้นก็โอเคครับเข้าทางหลักและมาถึงโรงแรมได้
ก็เป็นประสบการณ์ผจญภัยกับ GPS ที่ได้ประสบมาครับ ก็เลยมาเล่าสู่กันฟัง ตอนเดินทางกลับก็ว่าจะใช้มันอีกสักครั้ง หวังว่าคราวนี้เราจะเข้าใจกันมากกว่านี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น