วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2566

การปลูกถ่ายสมองสามารถช่วยให้ผู้ที่เป็นอัมพาตพูดได้เร็วและชัดเจนขึ้น

brain-implant-speech
ภาพจาก  CNN

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการปลูกถ่ายสมองสามารถช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตสื่อสารได้เร็วขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น 

ทีมนักวิจัยจากหลายสถาบันที่นำโดย Jaimie Henderson จาก Stanford University วิเคราะห์ว่าระบบประสาทเทียมที่ฝังลงในสองบริเวณของผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งชนิดอะไมโอโทรฟิค (amyotrophic) ซึ่งผู้ป่วยคือ Pat Bennett บันทึกการทำงานของระบบประสาทขณะที่เธอพยายามขยับใบหน้า ส่งเสียง หรือพูดคำเดียวได้อย่างไร

อาร์เรย์อิเล็กโทรดเชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์โดยใช้สาย ในขณะที่ซอฟต์แวร์ถอดรหัสและแปลสัญญาณเป็นคำที่แสดงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์แบบเรียลไทม์

Frank Willett จากสถาบันการแพทย์ Howard Hughes กล่าวว่า "เราสามารถถอดรหัสความพยายามในการพูดโดยมีอัตราข้อผิดพลาดของคำ 23% เมื่อใช้ชุดคำขนาดใหญ่ที่เก็บคำที่ผู้ป่วยน่าจะพูดจำนวน 125,000 คำ ซึ่งหมายความว่าประมาณสามในสี่ของคำจะถูกถอดรหัสอย่างถูกต้อง"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: CNN

วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2566

IBM อาจทำให้การแก้ไขข้อผิดพลาดง่ายขึ้นสำหรับคอมพิวเตอร์ควอนตัม

quantum-computer
ภาพจาก New Scientist

นักวิจัยของ IBM ลดจำนวนบิตควอนตัม (qubits) ที่จำเป็นสำหรับการแก้ไขข้อผิดพลาดควอนตัมลงอย่างมาก โปรโตคอลเกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงแต่ละ qubit ในคอมพิวเตอร์กับอีก 6 ตัวผ่านทางควอนตัมพัวพัน (quantum entanglement) ดังนั้นแต่ละ qubit จะตรวจสอบกันและกัน

ในขณะที่รหัสพื้นผิว (surface code) เชื่อมต่อแต่ละคิวบิตกับอีกสี่ตัวเพื่อให้สามารถจัดเรียงเป็นตารางที่เรียบง่ายบนพื้นผิวของชิปได้ โปรโตคอลใหม่ต้องใช้ตารางคู่ขนานสองตาราง นักวิจัยประเมินว่าการตั้งค่านี้สามารถควบคุม 288 คิวบิตเพื่ออำนวยความสะดวกในระดับการแก้ไขข้อผิดพลาดซึ่งต้องใช้ 4,000 คิวบิตด้วยโค้ดพื้นผิว

Jérémie Guillaud จากบริษัทสตาร์ทอัพคอมพิวเตอร์ควอนตัมสัญชาติฝรั่งเศส Alice & Bob กล่าวว่าเทคโนโลยีที่จำเป็นในการทำให้แนวคิดนี้เป็นจริงสามารถพัฒนาได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

อ่านข่าวเต็มได้ที่: New Scientist


วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2566

การเรียนรู้ของเครื่องที่ใช้แสงอาจทำให้ได้ LLM ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

light-based-AI
ภาพจาก MIT News

ทีมที่นำโดยนักวิจัยจาก Massachusetts Institute of Technology ได้พัฒนาระบบการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) ที่ใช้แสงซึ่งสามารถแซงหน้าระบบที่อยู่เบื้องหลัง ChatGPT ในแง่ของความสามารถและประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ใช้พลังงานน้อยกว่าด้วย

สถาปัตยกรรมขนาดกะทัดรัดนี้อิงตามอาร์เรย์ของเลเซอร์เปล่งแสงพื้นผิวแนวตั้งที่พัฒนาโดยนักวิจัยจาก Technische Universitat Berlin ของเยอรมนี ระบบใช้เลเซอร์ขนาดไมครอนนับร้อยและการเคลื่อนตัวของแสงเพื่อทำการคำนวณ

นักวิจัยกล่าวว่าสามารถปรับขนาดเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ โดยต้องพึ่งพาอาร์เรย์เลเซอร์ที่ใช้กันทั่วไปในระบบระบุใบหน้าของโทรศัพท์มือถือ และสำหรับการสื่อสารข้อมูล

พวกเขาพบว่าระบบนี้ประหยัดพลังงานมากกว่า 100 เท่า และมีประสิทธิภาพมากกว่า 25 เท่าในแง่ของความหนาแน่นในการประมวลผล เมื่อเทียบกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ล้ำสมัยในปัจจุบันที่ใช้ในการขับเคลื่อนตัวแบบการเรียนรู้ของเครื่องที่มีอยู่

อ่านข่าวเต็มได้ที่: MIT News

วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2566

การสำรวจพบว่าหนึ่งในสี่ของผู้ทำอาชีพด้านเทคพร้อมจะออกจากงาน

sleeping-work-hard
ภาพจาก ZDNet

การสำรวจโดยผู้ให้บริการแพลตฟอร์มระบบอัตโนมัติ Ivanti พบว่า 25% ของผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีกำลังพิจารณาลาออกจากงานในอีก 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งสาเหตุหลักมาจากภาระงานจำนวนมาก ความเครียด และความโดดเดี่ยวที่เชื่อมโยงกับการทำงานจากระยะไกล

การสำรวจผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญ และพนักงานออฟฟิศจำนวน 8,400 คนยังพบว่าผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีมีแนวโน้มมากกว่าพนักงานที่มีความรู้อื่นๆ ถึง 1.4 เท่าที่จะ "ลาออกอย่างเงียบ ๆ" โดยสร้างความเสียหายให้กับนายจ้างในสหรัฐฯ ที่อาจมีมูลค่าสูงถึง 145 พันล้านดอลลาร์

ประมาณ 31% ของผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่กำลังพิจารณาลาออก อ้างว่าสุขภาพจิตไม่ดี รายงานระบุว่าปริมาณงานด้านไอทีเพิ่มขึ้น 73% อันเป็นผลมาจากการทำงานแบบไฮบริดหรือการทำงานระยะไกล ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีอย่างน้อย 25% กำลังประสบปัญหาความเหนื่อยล้า และ 23% กล่าวว่าพวกเขารู้สึกเชื่อมโยงกับเพื่อนร่วมงานน้อยลง

อ่านข่าวเต็มได้ที่: ZDNet

วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2566

ความรู้สึกหลังเลือกตั้งจนได้รัฐบาลใหม่

ภาพจาก รายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ


มาพบกับ #ศรัณย์วันศุกร์ กันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันนาน ในสัปดาห์นี้เราก็ได้ตัวนายกกันสักทีหลังจากที่ผ่านการเลือกตั้งมาแล้วเกือบสามเดือน มีปรากฏการณ์เกิดขึ้นมากมายที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น ดังนั้นผมเลยคิดว่ามาลองสรุปความเห็น ความรู้สึกตัวเองไว้สักหน่อยดีกว่า

เริ่มจากผลการเลือกตั้งก่อนแล้วกันนะครับ ผลการเลือกตั้งออกมาต้องบอกว่าผมดีใจ และประหลาดใจ ซึ่งความประหลาดใจนี้ก็คงเหมือนกับหลายคนที่พรรคที่ชนะอันดับหนึ่งคือก้าวไกล โดยชนะเพื่อไทยไป 10 เสียง แต่เป็นสิบเสียงของบัญชีรายชื่อ ซึ่งถ้านับเสียงจริง ๆ ก็ราว ๆ สี่ล้านคะแนน ส่วนผลเขต ก้าวไกลได้เท่าเพื่อไทย และเอาชนะเพื่อไทยได้ในหลาย ๆ เขตที่ควรเป็นของเพื่อไทย ส่วนที่ดีใจคือผลเลือกตั้งคราวนี้ อย่างน้อยมันก็เป็นตัวบ่งชี้ระดับหนึ่งว่า คนไทยค่อนประเทศบอกว่าพอได้แล้ว ไม่เอาแล้วกับพวกยึดอำนาจ ซึ่งบริหารประเทศไม่ได้เรื่องด้วย คือถ้าบริหารประเทศได้เรื่อง อาจไม่แพ้ยับขนาดนี้

จากนั้นก็มีการจับมือกันของแปดพรรคนำโดยก้าวไกล และเพื่อไทย ซึ่งเอาจริง ๆ มันไม่น่าเกิดขึ้น แต่ผู้คนเชียร์ให้มันเกิดขึ้น เพราะคิดว่าสองพรรคนี้สู้กับฝั่งยึดอำนาจมาด้วยกันตอนเป็นฝ่ายค้าน แต่ความเป็นจริงสองพรรคนี้ต่างกันมาก ก้าวไกลยืนอยู่บนหลักการจนดูเหมือนไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ซึ่งก็ไม่ผิด เราควรคาดหวังว่าเราควรมีพรรคแบบนี้ไหม?  พวกที่ขัดขวางการเลือกตั้งจนประยุทธ์เข้ามา โดยอ้างว่าต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง จริง ๆ ควรดีใจด้วยซ้ำที่มีพรรคแบบนี้ แต่ข้อเสียคือด้วยระบบการเมืองแบบนี้ ถ้าพรรคแบบนี้ไม่ชนะขาด และไม่มีพรรคอื่น ๆ ที่มีหลักการเหมือนกัน โอกาสที่จะได้ทำงานมันก็ยาก ส่วนเพื่อไทยนั้นเป็นการเมืองแบบเก่า และเป็นมานานแล้ว คือสามารถประนีประนอม เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจบริหาร ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรนะ เพราะในการเมืองแบบนี้ มันก็ต้องทำแบบนี้ ถึงจะได้อำนาจ ได้โอกาสเข้ามาทำงาน    

ดังนั้นการจับมือที่เกิดขึ้นคิดว่าเพื่อไทยอาจจะกำลังช็อคอยู่ที่แพ้ และด้วยเสียงเชียร์ก็เลยจำต้องตกลงเข้าร่วม ความเป็นจริงเพื่อไทยน่าจะคาดหวังว่าตัวเองควรจะได้เกิน 250 และก้าวไกลได้ไม่เกิน 100 ดังนั้นถ้าจับกับก้าวไกลแล้วมีปัญหาก็อาจจะไปเอาภูมิใจไทย ชาติพัฒนาอะไรพวกนี้มาร่วมแทน แต่เมื่อเป็นแบบนี้ก็เลยต้องตามน้ำไป    

และเราก็ได้เห็นกลไกการยึดอำนาจที่สืบทอดกันมาคือ สว. สำแดงเดช ซึ่งจริง ๆ กลไกนี้ ควรจะได้สำแดงเดชตั้งแต่สี่ปีที่แล้วแล้ว แต่บังเอิญเพื่อไทยไม่ได้ชนะขาดตามที่คาด ดังนั้นพวกสว.ก็อ้างว่าก็โหวตตามเสียงสส.นั่นแหละ แต่คราวนี้ใครที่มีใจเป็นธรรมก็คงเห็นแล้วว่าเขาโหวตกันยังไง  เรื่องต่าง ๆ ที่ยกมาเป็นข้ออ้างทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่อง ม.112 ซึ่งมันเป็นกฎหมายหนึ่งมาตรา ซึ่งต้องคุยกันในสภา ในการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีพรรคไหนได้เสียงเกินครึ่งเลยสักพรรค และสส.ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยเรื่องจะแก้ ยังไงมันก็ไม่ผ่านอยู่แล้ว ดังนั้นคราวที่แล้วใครที่เชียร์ประยุทธ์ และเถียงหัวชนฝาว่าใครรวมเสียงข้างมากได้สว.เขาก็โหวตให้ทั้งนั้น  หวังว่าจะเห็นแล้วนะ 

ด้วยความที่พรรคของประยุทธ์และประวิตรแพ้ขาด มันก็แทบจะปิดทางที่สองคนจะกลับมา ดังนั้นฝั่งอำนาจก็ต้องเลือก และเขาเลือกเพื่อไทย เพราะคิดว่ายังไงมันก็การเมืองแบบเก่า มันคุยกันได้ มันประนีประนอมกันได้ ถ้ายอมก้าวไกล โครงสร้างอำนาจต่าง ๆ ที่วางไว้มันก็คงพังหมด จึงเกิดปรากฏการณ์สลายขั้วแปดพรรคอย่างที่เห็น ซึ่งเพื่อไทยก็เอาด้วยอยู่แล้ว เพราะ(อาจ)ไม่อยากร่วมแต่แรก และอยู่กับก้าวไกลมันมองไม่เห็นทางเพราะพวกที่มีอำนาจเขายืนยันว่าไม่เอา ตัวเองเป็นพรรคพร้อมประนีประนอมเพื่อให้ได้อำนาจปกครองอยู่แล้ว  ก็จำยอมเสียมวลชนไปบางส่วน และคิดว่าจะบริหารให้ดี ถ้าทำดีได้ ก็อาจได้มวลชนกลับมา ซึ่งก็อาจจะจริงก็ได้นะ ก็ต้องรอดูกันไป 

ถามว่าตัวเองรู้สึกผิดหวังหรืออะไรไหม คำตอบคือไม่ ใครจะเป็นรัฐบาลก็ได้ เอาจริง ๆ ตัวเองไม่เดือดร้อนนะ แต่ขอให้มาตามหลักการตามกติกา และรู้จักรอ ไม่ใช่เกลียดใครพอเขาทำอะไรก็ผิดไปหมด ลงถนนประท้วงปิดบ้านปิดเมือง เขาให้ไปเลือกตั้งก็ไม่ไป ไอ้ไม่ไปก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ไปขัดขวางก่อความวุ่นวายจนเลือกตั้งเป็นโมฆะ แล้วเปิดโอกาสให้ทหารเข้ามายึดอำนาจ แล้วก็ไชโยโห่ร้องว่าชนะแล้ว แต่ฝ่ายที่ตัวเองชอบมีอำนาจ ทำเหมือนกันแต่เหมือนโดนสากอุดปาก ไอ้พวกโดนสากอุดปากไม่พูดอะไรนี่ก็ยังดี บางคนเอาสากออกจากปากมาแก้ตัวให้ข้าง ๆ คู ๆ อีก หลายครั้งต้องหงุดหงิดกับตรรกะประหลาด ๆ ของคนพวกนี้ 

ในกรณีนี้ที่ได้เพื่อไทยเป็นแกนนำ ถึงแม้จะต้องจับกับพรรคยึดอำนาจเก่า ยังไงมันก็อยู่ในกติกานะ ดังนั้นไม่เห็นด้วยถ้าจะประท้วงปิดบ้านปิดเมืองกัน ก็รอให้เขาทำงานไป แล้วดูผลงาน จริง ๆ ต้องเอาใจช่วยด้วยซ้ำว่าเขาจะเก่งเหมือนที่เคย เพราะเก้าปีที่ผ่านมาภายใต้ประยุทธ์ มันดูเละเทะมาก ถ้ามันยังเละต่อไปอีก คราวนี้ได้เดือนร้อนกันถ้วนหน้าแน่

แต่ถ้าถามว่าหงุดหงิดอะไรที่สุด คำตอบก็คือ กลไกยึดอำนาจนี้มันยังทำงานอยู่ ดึใจได้วันสองวันวันที่ผลเลือกตั้งออกมาว่าพวกยึดอำนาจแพ้ขาด นึกว่ามันจะสำนึกยอมแพ้ เพราะก็อยู่มาเก้าปีแล้ว แต่มันก็ไม่ยอมและสุดท้ายคนที่ชนะก็ยังเป็นพวกมันอยู่ดี ชี้ว่าจะเอาอะไร จะไม่เอาอะไรได้หมด และตอนนี้ก็ดูแล้วกัน ตามข่าวที่ออกมา (ุถ้าจริง) ก็ดูเหมือนว่าจะมีการชี้ว่าที่รมต.กลาโหม ซึ่งคือคนของประยุทธ์ ถ้าเป็นแบบนี้จริงก็เท่ากับว่าจริง ๆ แล้วเราไม่ได้ชนะ ประยุทธ์ที่บอกวางมือ อาจไม่ได้วางมือ และประวิตรก็อาจรอเสียบอยู่ 

ที่หงุดหงิดถัดมาก็เพื่อไทยนี่แหละ ทำไมยังสยบยอมมันทุกอย่าง ตอนนี้ตัวเองได้นายกแล้ว มันน่าจะแสดงความเข้มแข็งเด็ดขาดออกมาบ้างไหม อย่างแก้รัฐธรรมนูญ ตอนแรกก็เสียงแข็งแก้แน่ พอเข้ามาเป็นจะแก้รัฐธรรมนูญ ตั้งสสร. ร่างใหม่ทั้งฉบับ คงหวังจะได้มวลชนคืนบ้าง (อ้างเหมือนประชาธิปัตย์ตอนเข้าร่วมกับประยุทธ์เป๊ะ ผ่านมาจนครบอายุ ไม่เห็นจะรณรงค์ให้แก้อะไรได้) แต่สุดท้ายตอนนี้เสียงอ่อนแล้ว "มันเป็นแค่การรณรงค์หาเสียง จริง ๆ ยังไม่ได้มีนโยบายอะไรออกมา" (ต่อไปเพื่อไทยหาเสียงอะไร ก็ไม่ต้องเชื่อแล้วสินะ เพราะเป็นแค่การรณรงค์)  

แล้วก็ยังคำว่าสลายขั้วสลายความขัดแย้งอีก เบื่อมาก มันสลายยังไง แค่หัวที่เคยขัดแย้งกันมารวมกันเพื่ออำนาจ มวลชนตัวเองเขาเอาด้วยหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วที่ถีบหัวที่มีคนสนับสนุนอย่างน้อย 14 ล้านเสียงออกมาแบบหาเรื่องเขานี่ คือถ้าเป็นคนนี้ยังไงก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่เอาเพราะพูดว่าจะแก้ 112  อีกคนก็พูดเหมือนกันแต่ไม่เป็นไรยอมได้ ตรงนี้นี่มันไม่ได้สร้างความขัดแย้งเลยใช่ไหม หรือคน 14 ล้านนี้ไม่ต้องสนใจมัน 

โอเคก็ขอบันทึกไว้แค่นี้แล้วกันครับ เอาใจช่วยรัฐบาลใหม่ฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ สภาช่วยกันแก้กฏหมายให้มันเป็นธรรม โละองค์กรอิสระที่ทำงานไม่ได้เรื่อง ไม่ทำหน้าที่ที่ึควรทำ และไม่มีความจำเป็นออกไป รอเวลาที่อำนาจจะกลับมาในมืออีกครั้ง ถึงวันนั้นก็หวังว่าเสียงที่เราโหวตไปมันจะเป็นไปตามที่เราต้องการ ไม่มีเรื่องอะไรที่มันไม่ปกติมาขวางอีก หวังว่าจะไม่มีการปิดบ้านปิดเมืองเรียกทหารออกมาอีก และพวกสว.ชุดนี้ ควรจะมีสำนึกโดยเลิกกลับเข้ามาทำงานการเมืองกันได้แล้ว โดยเฉพาะคนที่เกาะสภามาเป็นสิบ ๆ ปี ปากบอกรักธรรมนูญเหลือเกินอย่ามาแตะต้อง แต่พอพวกทหารออกมาฉีกก็เงียบกริบ รอวันถูกเรียกใช้ไปเป็นสภาตรายาง และก็ทำทุกอย่างเพื่อช่วยสืบทอดอำนาจ ไม่รู้ว่าจะหวังมากไปไหมว่า ถ้ามีช่องทางจะเอาผิดคนพวกนี้ได้ก็อยากให้ทำ รวมถึงพวกยึดอำนาจด้วย นายกที่มีที่มาจากยึดอำนาจ ให้ไม่นับว่าเคยเป็นนายก