วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

สาวเผาจุดสำคัญของแฟนหนุ่มเนื่องจากมันไม่สู้

ผู้หญิงชาวฮ่องกงคนถูกพิพากษาให้จำคุก 3 ปี 5 เดือน ในข้อหาทำร้ายร่างกายแฟนหนุ่มของตัวเอง ตามข่าวบอกว่าสาวคนนี้อายุ 39ปี ใช้ไดร์เป่าผมเผาจุดสำคัญของแฟนตัวเองหลังจากที่เขาทำให้มันแข็งตัวไม่ได้ ตามข่าวบอกว่าผู้ญิงคนนี้ใช้ไดร์เป่าผมเผาจุดนั้นจนเป็นแผลพุพองไปหมด ยิ้งไปกว่านั้นเธอยังกระแทกหัวเขากับกำแพง และเอาน้ำร้อนลวกต้นขาด้วย ตามคำกล่าวของหมดที่รักษาผู้ชายบอกว่า ทั้งคู่มาพบเขาและบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ตัวผู้หญิงยังถามด้วยว่าแฟนของเธอจะมีเซ็กส์ได้อีกเมื่อไหร่ 

ในการให้การกับศาลผู้หญิงคนนี้บอกว่าเธอต้องพบจิตแพทย์หลังจากได้อ่านข่าวของตัวเอง และเมื่อปลายปีที่แล้วเธอถึงกับคิดจะฆ่าตัวตาย ส่วนในคำตัดสินของศาลบอกว่าถึงแม้ผู้ต้องหาจะมีแนวโน้มที่จะฆ่าตัวตาย แต่ก็ไม่มีรายงานความผิดปกติทางจิตอื่น ๆ อย่างไรก็ตามเธอกำลังเข้ารับการปรึกษาเพื่อกำจัดความเครียด 

ตามข่าวบอกว่าแฟนของเธอได้ขอเธอแต่งงานในปี 2018 แต่พ่อของเธอไม่อนุญาตให้สองคนคบกัน อย่างไรก็ตามข่าวบอกว่าเธอให้สัมภาษณ์ว่าเธอไม่มีความสุขในเรื่องเพศ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะแฟนของเธอไม่ค่อยแข็งตัว โดยจะแข็งตัวได้เพียงไม่กี่วินาที แต่เธอก็ยังบอกว่าเธอรักเขามาก 

ใครอยากเห็นหน้าตาของเธอดูได้จากข่าวเลยครับ 

อ่านแล้วก็ยังสงสัยนะครับ ว่าจริง ๆ มันยังไงกัน ทำไมผู้ชายยอมให้เผาอยู่ได้โดยไม่ทำอะไร และยังถูกจับเอาหัวกระแทกกำแพงอีก ดูจากรูปผู้หญิงก็ไม่ได้ตัวใหญ่อะไร และผู้ชายก็ไม่ได้ตัวเล็ก 

ใช้การเรียนรู้ของเครื่องเพื่อแปลภาษาที่สาบสูญ

ภาพจาก MIT News

นักวิจัยจาก Massachusetts Institute of Technology (MIT) ได้พัฒนาระบบการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) เพื่อแปลภาษาที่สาบสูญได้โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องรู้ความสัมพันธ์ของภาษานี้กับภาษาอื่น ระบบนี้ทำงานโดยใช้ความรู้เชิงลึกของภาษาโบราณ รวมถึงความจริงที่ว่าภาษาจะมีพัฒนาการในรูปแบบที่ทำนายได้ นักวิจัยได้พัฒนาขั้นตอนวิธีการถอดรหัสที่สามารถแบ่งคำในภาษาโบราณและจับคู่คำเหล่านั้นกับคำในภาษาที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนวิธีอนุมานความสัมพันธ์ระหว่างภาษา และสามารถประเมินความใกล้เคียงกันของภาษาได้

อ่านข่าวเต็มได้ที่: MIT News

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ใช้การสั่นสะเทือนของพื้นเพื่อตรวจสอบจำนวนคนในตึก

ภาพจาก EPFL

นักวิจัยจาก Swiss Federal Institute of Technology (EPFL) ใช้เซ็นเซอร์ที่ติดตั้งที่พื้นของอาคารเพื่อนับจำนวนคนที่อยู่ในตึก และติดตามความเคลื่อนไหว นักวิจัยบอกว่าวิธีนี้จะให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าการใช้กล้องวงจรปิด หรือโทรศัพท์มือถือของผู้ที่เข้ามาในตึก ระบบนี้ใช้เซ็นเซอร์เพื่อวัดแรงสั่นสะเทือนจากการเดินเพื่อคำนวณว่ามีคนกี่คนในตึก ตำแหน่งและทิศทางการเคลื่อนที่ นักวิจัยบอกว่าระบบนี้ต้องการเซ็นเซอร์หนึ่งตัวต่อพิ้นที่ 15 ถึง 75 ตารางเมตร และพื้นก็ไม่ต้องมีความแข็งเท่ากัน

อ่านข่าวเต็มได้ที่: EPFL (Switzerland)


วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

AI เผยให้เห็นต้นไม้เป็นล้านต้นในทะเลทรายซาฮารา

Photo: Martin Brandt

นักวิจัยจาก  University of Copenhagen ประเทศเดนมาร์ค และองค์กรความร่วมมือจากนานาชาติใช้ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) หรือ เอไอ (AI) และภาพถ่ายดาวเทียมแบบที่มีรายละเอียดเพื่อนับต้นไม้และพุ่มไม้กว่า 1.8  พันล้านต้น ในเนื้อที่ 1.3 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตะวันตกของทะเลทรายซาฮารา โดยภาพถ่ายดาวเทียมนั้นใช้ภาพถ่ายจากนาซา (NASA) และนี่คือครั้งแรกที่มีการนับจำนวนต้นไม้ในพื้นที่แห้งแล้งที่มีขนาดใหญ่ นักวิจัยบอกว่างานวิจัยนี้มีความสำคัญเนื่องจาก ตัวแบบคำนวณสภาพอากาศในปัจจุบันยังไม่มีการนำต้นไม้ที่อยู่นอกบริเวณป่าไปคำนวณด้วย

อ่านข่าวเต็มได้ที่: University of Copenhagen

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

FBI เตือนการคุกคามของโปรแกรมเรียกค่าไถ่ที่จะมีต่อระบบดูแลสุขภาพ

ภาพจาก AP


FBI,   Department of Homeland Security, และ Department of Health and Human Services ของสหรัฐ ออกมาเตือนถึงการคุกคามที่จะมีมากขึ้นทางด้านอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ต่อโรงพยายบาลและหน่วยงานด้านสาธารณสุขในสหรัฐ เพื่อที่จะขโมยข้อมูลและขัดขวางการให้บริการ คำเตือนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 ทั่วประเทศ โดยในสัปดาห์นี้มีการจู่โจมของซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ (ransomware) ต่อโรงพยาบาลอย่างน้อย 5 แห่งในสหรัฐ โดยการจู่โจมมาจากกลุ่มอาชญากรในยุโรปโดยใช้ Ryuk ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่สายพันธ์หนึ่ง ซึ่งไมโครซอฟท์กำลังหาทางจัดการอยู่ ผู้เชี่ยวชาญด้านความั่นคงบอกว่าอาชญากรทางไซเบอร์เหล่านี้มีจุดประสงค์ที่จะใช้ซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ เพื่อเรียกค่าไถ่จากโรงพยาบาลแต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า 10 ล้านเหรียญ และบอกว่ามีการวางแผนบนเว็บมืด (dark web) ที่จะจู่โจมโรงพยาบาล คลีนิค และสถานพยาบาลไม่ต่ำกว่า 400 แห่ง

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Associated Press