วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2563

NHS ใช้โดรนเพื่อส่งชุดข้อมูลโคโรนาไวรัสระหว่างโรงพยาบาล

Photograph: Annalisa Russell-Smith/PA

National Health Service (NHS) ของอังกฤษ กำลังทดสอบการใช้โดรนเพื่อส่งตัวอย่าง Covid-19 ผลเลือด และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลระหว่างโรงพยาบาล โดรนที่ถูกควบคุมจากระยะไกลในตอนเริ่มต้นนี้จะบินระหว่างโรงพยาบาล Essex's Broomfield กับ Basildon และแล็บพยาธิวิทยาของ Basildon โครงการนี้ดำเนินการโดย Apian ที่เป็นบริษัทสตารต์อัพด้านโดรนเพื่อสุขภาพ โดยได้เงินทุน 1.3 ล้านปอนด์ จากโครงการอวกาศของอังกฤษ โดยมีความหวังที่จะสร้างเครือข่ายทางอากาศสำหรับโดรนที่ถูกนำทางโดยระบบ GPS โดรนที่ใช้ในการทดลองนี้จะบิดที่ระดับความสูง 90 เมตร และทนทานต่อสภาพอากาศที่เลวร้าย โดยผลที่คาดหวังจากโครงการนี้คือลดเวลาในการขนส่ง ทำให้บุคคลากรของ NHS สามารถไปทำงานอย่างอื่น ลดการสัมผัสที่ไม่จำเป็น และลดความเสี่ยงของการระบาดในระลอกสอง

อ่านข่าวเต็มได้ที่:  The Guardian (U.K.)

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563

พบประตูลับแอบถ่ายรูปในสมาร์ตวอทช์ของเด็ก

ภาพจาก Ars Technica

นักวิจัยจากบริษัทด้านความมั่นคงของนอร์เวย์คือ Mnemonic พบประตูลับ (backdoor) ที่ยังไม่เคยมีการพบมาก่อน ในสมาร์ตวอทช์ X4 ของบริษัท Xplora ซึ่งเน้นทำตลาดกับกลุ่มเด็ก นักวิจัยบอกว่าข้อความที่เข้ารหัสไว้ในการกระตุ้นให้ประตูลับทำงาน โดยมันจะทำงานอย่างลับ ๆ ในการรายงาน  ตำแหน่งของนาฬิกา อัดและส่งภาพไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Xplora จากนั้นโทรศัพท์โดยส่งเสียงที่ได้ยินจากหูฟังออกไป Xplora บอกว่ากำลังพัฒนาตัวแก้ไขให้กับ X4 ตามที่นักวิจัยจาก Mnemonic แนะนำ 


อ่านข่าวเต็มได้ที่: Ars Technica

  

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ของญี่ปุ่นแสดงให้เห็นผลของความชื้นที่มีผลกับการแพร่กระจายของโคโรนาไวรัส



ภาพจาก: ACM

นักวิจัยจาก  Kobe University และบริษัทวิจัยใหญ่คือ Riken ของญี่ปุ่น พบว่าความชื้นมีผลอย่างมากต่อการแพร่กระจายของอนุภาคไวรัส นักวิจัยได้จำลองแบบการแพร่กระจายของอนุภาคที่คล้ายกับอนุภาคไวรัสจากผู้ติดเชื้อ ในสภาพแวดล้อมที่อยู่ในอาคารปิดโดยใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku ผลการจำลองพบว่าจำนวนอนุภาคจากละอองน้ำลายเพิ่มมากขึ้นกว่า 2 เท่า ในที่ที่มีความชื้นต่ำกว่า 30%  เมื่อเทียบกับที่ที่มีความชิ้น 60% หรือมากกว่า ซึ่งตรงนี้แสดงให้เห็นว่าไวรัสเสี่ยงที่จะแพร่กระจายได้มากขึ้นในพื้นที่ปิด และแห้ง ในช่วงฤดูหนาว นักวิจัยยังพบว่า Face Shield ให้ผลในการป้องกันไวรัสได้น้อยกว่าหน้ากากอนามัย

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Reuters


วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ระบบรู้จำใบหน้าจะเข้ามาสู่ชีวิตประจำวันในสิงคโปร์

ภาพจาก: GovTech

คนสิงคโปร์จะสามารถเข้าใช้บริการของรัฐ และบริการอื่น ๆ ได้ผ่านทางระบบรู้จำใบหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของโปรแกรมระบุตัวตนของชาติ (national identity) ของ SingPass โดยส่วนยืนยันใบหน้าของ SingPass จะยอมให้ผู้ใช้ล็อกอินเข้าระบบได้ผ่านทางตู้ข้อมูลข่าวสาร (kiosk) จากคอมพิวเตอร์ที่บ้าน แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือ รัฐบาลสิงคโปร์บอกว่าข้อมูลใบหน้าของผู้ใช้จะถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ที่ต้องการเท่านั้น โดยจะถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์เป็นเวลา 30 วัน และจะถูกลบทิ้งไป เทคโนโลยีนี้ยังป้องกันการล็อกอินโดยใช้รูปถ่าย หน้ากาก และการหลอกลวงเชิงลึก (deepfake) และการใช้ภาพหน้าของคนที่บันทึกไว้ในการล็อกอินอีกด้วย 

อ่านข่าวเต็มได้ที่:  NBC News

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2563

บริการคอมพิวเตอร์บนเครื่องบินอาจเปิดช่องโหว่ให้ถูกแฮก


ภาพจาก Chris Ratcliffe/Bloomberg

รายงานจาก Government Accountability Office (GAO) ซึ่งมุ่งตรงไปที่ Federal Aviation Administration (FAA) โดยบอกว่าทาง FAA ขาดการให้ความสำคัญด้านความเสี่ยงทางไซเบอร์ ไม่มีการพัฒนาการอบรมด้านความมั่นคงไซเบอร์ ไม่มีการทดสอบช่องโหว่ของระบบอย่างเข้มข้น โดยมองว่าระบบคอมพิเตอร์ที่สายการบินพาณิชย์ให้บริการนั้นมีความซับซ้อนมากขึ้น อย่างเช่นเครือข่ายไร้สาย ความบันเทิงจากที่นั่งผู้โดยสาร อุปกรณ์บอกตำแหน่ง และอุปกรณ์ที่ส่งข้อมูลมาที่ภาคพิ้นดิน ซึ่ง GAO ขอให้ FAA เพิ่มการป้องกันระบบเหล่านี้ให้มากขึ้น ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่รายงานด้านการคุกคามระบบเข้ามาก็ตาม ทาง GAO บอกว่าการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องบินกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น และแนวทางการคุกคามทางไซเบอร์ จะมีผลในการเพิ่มความเสี่ยงต่อเที่ยวบินที่จะเกิดขึ้นต่อไป และจนกว่า FAA จะเพิ่มความแข็งแรงให้กับการปกป้องระบบของตัวเองโดยประเมินจากปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วน ก็จะไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่าทาง FAA ได้พัฒนากลไกที่เพียงพอต่อการปกป้องความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องบินพาณิชย์ได้อย่างเพียงพอ 

 อ่านข่าวเต็มได้ที่: Bloomberg