วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

หุ่นยนต์ช่วยทำแล็บช่วยการวิจัยได้เร็วกว่าเป็น 1000 เท่า




[รูปภาพจาก: The Verge]

ที่ University of Liverpool ในประเทศอังกฤษ นักวิจัยได้พัฒนาหุ่นยนต์ช่วยทำแล็บ ซึ่งสามารถช่วยทำแล็บได้เร็วกว่าคน 1,000 เท่า แม้ว่าหุ่นยนต์นี้จำทำงานได้ในห้องแล็บซึ่งต้องมีการระบุตำแหน่งอุปกรณ์ไว้ล่วงหน้า และไม่สามารถออกแบบการทดลองเองได้ แต่มันสามารถทำงานได้ 22 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างระบบอัตโนมัติกับงานวิจัยที่ใช้เวลานานและน่าเบื่อ 

อ่านข่าวเต็มได้ที่: The Verge

  

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

คำเตือนสำหรับผู้ใช้เราเตอร์ตามบ้าน

นักวิจัยจาก Fraunhofer Institute for Communication (FKIE) ในประเทศเยอรมัน ได้ศึกษาเราเตอร์ที่ใช้ตามบ้าน 127 ตัวจาก 7 ยี่ห้อ และพบว่า 46 ตัว ไม่มีการอัพเดตด้านความมั่นคงในปีที่ผ่านมา การศึกษายังพบว่าเราเตอร์หล่านี้มีช่องโหว่ที่รู้กันอยู่แล่้วเป็นร้อย ๆ รายการ แต่ซอฟต์แวร์อัพเดตของเราเตอร์ กลับไม่ได้แก้ปัญหาเหล่านี้ นักวิจัยยังพบว่าเราเตอร์ยี่ห้อ AVM เป็นเพียงยี่ห้อเดียวที่ไม่ได้นำกุญแจส่วนตัว (private key) ในการเข้ารหัสใส่ลงไปเฟิร์มแวร์ของเราเตอร์ นอกจากนี้ 90% ของเราเตอร์ที่นำมาศึกษาใช้ระบบปฏิบัติการลินุกซ์ที่ไม่ได้มีการอัพเดต นักวิจัยบอกว่าบริษัทเหล่านี้มีการอัพเดตซอฟต์แวร์ของตัวเอง เพียงแต่การอัพเดตนั้นไม่ได้มีส่วนที่ควรจะต้องอัพเดต

อ่านข่าวเต็มได้ที่: ZDNet

เพิ่มเติมเสริมข่าว:

หวังว่าจะไม่กี่ยวข้องกับเราเตอร์ในประเทศเรานะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

นาฬิกาอัจฉริยะอาจถูกแฮกเพื่อส่งข้อมูลการเตือนการกินยาให้คนป่วย

นักวิจัยจาก Pen Test Partners ซึ่งเป็นบริษัทด้านความมั่นคงในประเทศอังกฤษพบว่าช่องโหว่ในนาฬิกาอัจฉริยะ (smart watch) ที่จะช่วยเตื่อนให้คนไข้ที่สูงอายุไม่ลืมกินยา โดยนักวิจัยพบว่าแอปที่ชื่อ SETracker ที่ได้รับความนิยมมากในนาฬิกาอัจฉริยะราคาถูกซึ่งถูกดาวน์โหลดไปมากกว่า 10 ล้านครั้ง มีช่องโหว่ให้แฮกเกอร์ส่งข้อความเตือนกินยาไปที่นาฬิกาหลาย ๆ ครั้ง ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยกินยาเกินขนาดได้ เมื่อได้รับการเตือนเรื่องนี้บริษัทจากจีนที่เป็นเจ้าของแอปนี้ก็รีบแก้ช่องโหว่นี้ทันที แต่นักวิจัยบอกว่าเราไม่มีทางรู้ว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้ไปบ้างหรือยังก่อนที่จะมีการแก้ไข

 อ่านข่าวเต็มได้ที่: BBC News

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

หมึกชีวภาพสำหรับพิมพ์สามมิติในร่างกาย

นักวิจัยจาก Ohio State University (OSU) ได้พัฒนาหมึกชีวภาพที่สามารถพิมพ์สามมิติที่อุณหภูมิร่างกายของมนุษย์ และทำให้เป็นรูปร่างโดยใช้แสงที่มองเห็นได้ (visible light) หมึกชีวภาพประกอบด้วยเซลที่มีชีวิตที่อยู่ในเจลและปลอดภัยที่จะใช้ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นการเปิดทางที่สำคัญให้เกิดการพิมพ์สามมิติในร่างกายมนุษย์  นักวิจัยบอกว่าจุดประสงค์ไม่ใช่การพิมพ์อวัยวะขึ้นมาทั้งชิ้น แต่จะเป็นส่วนเสริมที่พิมพ์อุปกรณ์ทางชีวภาพสำหรับเริ่มต้นการรักษา หรือยาสำหรับป้องกันการติดเชื้อ โดยนักวิจัยมองว่าการพิมพ์ด้วยหมึกชีวภาพนี้จะเป็นเครื่องมืออีกหนึ่งชิ้นที่ใช้ในการผ่าตัด

อ่านข่าวเต็มได้ที่: IEEE Spectrum

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

การศึกษาพบว่ามีเพียง 18% ของนักศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่ศึกษาจริยธรรมของ AI

จากการสำรวจของบริษัทซอฟต์แวร์ Anaconda พบว่ามีเพียง 15% ของอาจารย์มหาวิทยาลัยที่สอนเรื่องจริยธรรมของ AI และมีเพียง 18% ของนักศึกษาเท่านั้นที่บอกว่าเรียนด้านนี้ แต่ตัวเลขที่ต่ำนี้ไม่ได้เกิดจากความไม่สนใจ จากการสำรวจนักศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล นักวิชาการ และมืออาชีพจากกว่า 100 ประเทศ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่งหนึ่งตอบว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดด้าน AI และการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learnig) คือผลกระทบด้านสังคมของอคติ หรือความเป็นส่วนตัว นั่นคือมีความกังวลในด้านนี้ เพียงแต่มันไม่ได้สะท้อนกลับเข้าไปในหลักสูตรการเรียนการสอน จากการสำรวจยังพบว่ามีเพียง 15% ที่ตอบว่าองค์กรของตัวเองมีระบบที่ยุติธรรม และมีเพียง 19% ที่ตอบว่าระบบที่ใช้อยู่สามารถอธิบายเหตุผลต่าง ได้ นักวิจัยสรุปว่าจากประเด็นต่าง ที่ได้ทำการศึกษาพบว่า ความก้าวหน้าที่ช้าในประเด็นของอคติและความยุติธรรม และการทำให้การเรียนรู้ของเครื่องอธิบายได้ เป็นหัวข้อที่มีความกังวลมากที่สุด ถึงแม้ทั้งสองเรื่องนี้จะแตกต่างแต่ก็มีความสัมพันธ์กัน และทั้งสองเรื่องนี้เป็นหัวข้อคำถามที่สำคัญทั้งด้านสังคม อุตสาหกรรม และการศึกษา ในขณะที่ทั้งภาคธุรกิจและภาคการศึกษากำลังพูดกันถึงเรื่องจริยธรรมของ AI แต่มันก็อาจไม่มีประโยชน์อะไรถ้าไม่มีการปฏิบัติ


อ่านข่าวเต็มได้ที่The Next Web


เพิ่มเติมเสริมข่าว: 


ส่วนตัวมองว่าระบบที่อธิบายให้เข้าใจได้ และยอมรับได้ว่าทำไมตัดสินออกมาอย่างนี้เป็นเรื่องสำคัญ อย่าปล่อยให้มีคำว่าก็คอมพิวเตอร์มันบอกมาแบบนั้น โดยไม่มีเหตุผล แต่ประเทศเราคงอาจเจอกับประสบการณ์นี้แล้วคือเรื่องลงทะเบียนเราไม่ทิ้งกัน และประชาชนก็ไปประท้วงระบบ ดังนั้นคนไทยน่าจะมีภูมิต้านทานในเรื่องนี้อยู่บ้าง จริง ๆ เราต้องสอนให้คนเข้าใจว่า AI หรือ การเรียนรู้ของเครื่องมันก็คือตัวแบบทางคณิตศาสตร์ที่สร้างจากคน มันทำงานบนเงื่อนไข และข้อมูลต่าง ๆ ที่มาจากคนสร้างตัวแบบ ดังนั้นมันก็อาจจะมีอคติ และความไม่ยุติธรรมได้ และตัวแบบพวกนี้สามารถถูกปรับได้ถ้าพบความบกพร่อง