อ่านข่าวเต็มได้ที่: KAUST Discovery
วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2563
ระบบไวไฟ (Wi-Fi) ใต้น้ำ
นักวิจัยจากKing Abdullah University of Science and Technology ในซาอุดิอาราเบีย สร้างระบบส่งสัญญาณไวไฟ (Wi-Fi) ใต้น้ำที่เขาเรียกว่า Aqua-Fi ซึ่งระบบนี้จะทำให้นักดำน้ำสามารถส่งภาพถ่ายจากใต้น้ำขึ้นมาได้โดยใช้ลำแสง นักวิจัยได้ทดลองรับส่งข้อมูลสื่อผสมระหว่างคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ห่างกันไม่กี่เมตรผ่านทางน้ำที่นิ่ง พบว่าอัตราเร็วสูงสุดที่รับส่งกันได้คือ 2.11 เมกะไบต์ต่อวินาที แต่ในการทำงานจริง หลักการทำงานคือโทรศัพท์ของนักดำน้ำจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ติดอยู่กับถังอากาศโดยใช้คลื่นวิทยุ อุปกร์ดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็น gateway เพื่อส่งข้อมูลขึ้นมาโดยใช้แสง ซึ่งจากรูปในข่าวถ้าระยะลึกประมาณไม่มากกว่า 10 เมตร จะใช้ LED แต่ถ้าลึกในระดับ 20 เมตรจะใช้ Laser โดยข้อมูลจะถูกส่งเข้าดาวเทียม แล้วถูกส่งเข้าคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม เหตุผลที่ไม่ใช้คลื่นวิทยุในการส่งข้อมูลขึ้นมาเลยก็เนื่องจากแสงสามารถส่งข้อมูลได้ไกลกว่าและส่งข้อมูลไปพร้อม ๆ กันได้มากกว่า
วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2563
มีการเสียตำแหน่งงานด้านไอทีไปประมาณ 117,000 ตำแหน่งในสหรัฐ ในช่วงวิกฤต COVID
สำนักงานด้านสถิติแรงงานของสหรัฐประมาณว่ามีคนด้านไอทีที่ต้องเสียงานไปประมาณ 117,000 คน ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากผลการศึกษาข้อมูลของบริษัท Janco พบว่างานด้านโทรคมนาคม การประมวลผลข้อมูล ผู้ให้บริการด้านเว็บโฮสต์ติง และการออกแบบระบบซอฟต์แวร์และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีจำนวนผู้ที่มีงานทำในด้านเหล่านี้ลดจาก 3.655 ล้านคน มาอยู่ที่ 3.588 ล้านคน จากช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม อย่างไรก็ตามทาง Janco คาดว่าจะมีการสร้างตำแหน่งานด้านไอทีใหม่ ๆ กว่า 35,000 ตำแหน่งภายในปีนี้ และเชื่อว่าภาวะถดถอยของงานด้านไอทีได้สิ้สุดลงแล้ว และงานด้านไอทีก็จะมีข้อได้เปรียบที่สามารถทำจากระยะไกลได้ โดยกว่า 85% ของบริษัทที่ Janco ไปสำรวจมา ยอมให้คนที่ทำงานด้านไอทีทำงานจากบ้านได้
อ่านข่าวเต็มได้ที่: ZDNet
วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2563
โปรแกรม AI ของ Facebook แปลงภาษาเขียนโปรแกรมจากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่ง
Facebook บอกว่า โปรแกรมชื่อ TransCoder ของ Facebook สามารถแปลงภาษาเขียนโปรแกรมระดับสูงภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่งได้ โปรแกรมนี้ใช้การเรียนรู้แบบไม่ต้องมีคนสอน (unsupervised learning) ในการแปลงภาษาเขียนโปรแกรมระหว่างกันสามภาษาคือ C++, Java และ Python โดยข้อมูลที่ใช้ในการฝึกกว่า 2.8 ล้านโค้ดได้มาจาก Github ส่วนการประเมินผลการทำงาน นักวิจัยได้คัดเลือกโปรแกรมที่ทำงานเหมือน ๆ กันแต่เขียนด้วยภาษาที่ต่างกันคือ C++, Java และ Python มาจำนวน 852 โปรแกรม จาก GeekforGeeks ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่มีการตั้งคำถามให้เขียนโปรแกรม และมีคนมาโพสต์คำตอบของคำถามนั้นโดยใช้ภาษาเขียนโปรแกรมหลากหลายภาษา โดยการประเมินจะดูว่าฟังก์ชันที่โปรแกรมแปลมาจะให้ผลัพธ์เหมือนกับฟังก์ชันที่นำมาใช้หรือไม่ สำหรับประสิทธิภาพของการแปลงภาษาดูได้จากข่าวเต็มนะครับ นักวิจัยยังบอกว่า TransCoder นี้สามารถใช้กับภาษาเขียนโปรแแกรมอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ และยังมีประสิทธิภาพดีกว่าโปรแกรมที่ทำหน้าที่แบบเดียวกันที่ขายกันอยู่ตอนนี้อีกด้วย
อ่านข่าวเต็มได้ที่: VentureBeat
วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2563
รถขับเคลื่อนด้วยตัวเองจะตรวจจับวัตถุได้ดีกว่าถ้าถูกสอนให้รู้จักที่ว่าง
นักวิจัยจาก Carnegie Mellon University (CMU) ได้พัฒนาวิธีการที่จะทำให้รถขับเคลื่อนด้วยตัวเองตรวจจับวัตถุต่างได้ดีขึ้น ด้วยการสอนให้มันรู้จักด้วยว่าจุดใดเป็นที่ว่าง ซึ่งนักวิจัยบอกว่าการที่วิธีการเก่า ๆ ไม่ตรวจจับช่องว่างเพราะมันจะทำให้ใช้เวลานานเกินไป แต่นักวิจัยบอกว่าวิธีของเขาใช้เวลา 24 วินาที เมื่อเทียบกับการกวาดของตัวเซ็นเซอร์ lidr 1 รอบ ที่ใช้เวลา 100 วินาที โดยเมื่อเทียบกับวิธีเก่าพบว่า วิธีนี้ตรวจจับรถยนต์ได้ดีขึ้น 10.7% คนเดินเท้าดีขึ้น 5.3% รถบรรทุก 7.4% รถประจำทาง 18.4% และรถพ่วง 16.7%
อ่านข่าวเต็มได้ที่: Carnegie Mellon University School of Computer Science
เพิ่มเติมเสริมข่าว:
กรณีไม่ตรวจจับที่ว่างนี้ เคนดูในหนังเรื่อง The Core ที่ทีมนักวิทยาศาสตร์จะต้องเดินทางไปกับยานที่เจาะลงไปที่แกนโลก เพื่อทำให้แกนโลกทำงานอีกครั้ง โดยคอมพิวเตอร์เป็นตัวตรวจจับสภาพแวดล้อมภายนอก และมีจุดหนึ่งที่เป็นเหวก็คือเป็นที่ว่าง และคอมพิวเตอร์ตรวจจับไม่ได้ จนยานตกลงไปในเหว
วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2563
เมื่อโดรนจะโดยสารรถประจำทาง
นักวิจัยจาก Stanford University's Intelligent Systems Laboratory and Autonomous Systems Lab ได้พัฒนาวิธีการที่จะใช้โดรนในการส่งของในเมืองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการให้โดรนโดยสารรถประจำทาง หรือรถราง ซึ่งวิธีการนี้นักวิจัยบอกว่าจะช่วยลดความคับคั่งของการจราจรของโดรน ประหยัดพลังงาน และส่
ของได้ในระยะทางที่ไกลขึ้น โดยระบบนี้จะทำงานโดยเครือข่าย AI ซึ่งรองรับโดรนได้มากถึง 200 ตัว และส่งของได้ 5000 ชิ้น สำหรับเมืองที่มีสถานีสูงสุด 8000 สถานี โดยนักวิจัยได้ทดสอบระบบนี้ใน Sanfrancisco และ Washinton, D.C. โดยระบบขนส่งสาธารณะของ Sanfrancisco ครอบคลุมพื้นที่ 150 ตารางกิโลเมตร ส่วน Washinton, D.C. จะมีพื้นที่ 400 ตารางกิโลเมตร
อ่านข่าวเต็มได้ที่: VentureBeat
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)