วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2566

โลกขึ้นอยู่กับโค้ดที่มีอายุ 60 ปี ที่ไม่มีใครรู้จัก

coding-with-multiple-monitors
ภาพจาก PC Magazine

ภาษาเขียนโปรแกรม COBOL ที่มีมายาวนานถึง 64 ปี เป็นหนึ่งในภาษาการเขียนโปรแกรมเมนเฟรมอันดับต้น ๆ ที่มีการใช้งาน โดยเฉพาะในภาคการธนาคาร ยานยนต์ ประกันภัย รัฐบาล การดูแลสุขภาพ และการเงิน

อย่างไรก็ตาม โรงเรียนและมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ไม่ได้สอนภาษา COBOL มานานหลายทศวรรษแล้ว ซึ่งถือเป็นความท้าทายเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญภาษา COBOL จะเกษียณอายุ โดยไม่มีคนมาทดแทน

IBM หวังที่จะใช้ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) หรือ AI เพื่อแก้ไขสถานการณ์โดยการสร้างผู้ช่วยโค้ดแบบ AI ผู้สร้าง (generative AI) ที่เรียกว่า watsonx เพื่อแปลงโค้ด COBOL เป็นภาษาการเขียนโปรแกรมสมัยใหม่ขึ้น

Skyla Loomis จาก IBM กล่าวว่า "ถึงแม้ได้รับความช่วยเหลือจาก AI แต่ยังต้องมีนักพัฒนา" เพื่อแก้ไขโค้ดที่ AI สร้างให้ เขากล่าวเสริมว่า "นี่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ไม่ใช่กิจกรรมทดแทนนักพัฒนาซอฟต์แวร์"

อ่านข่าวเต็มได้ที่:  PC Magazine


วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2566

การเรียนรู้ของเครื่องตรวจสอบ 'ภาระงาน' ของผู้ขับขี่เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยทางถนน

smart-car
ภาพจาก University of Cambridge (U.K.)

นักวิจัยจาก University of Cambridge ร่วมมือกับ Jaguar Land Rover พัฒนาอัลกอริทึมที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งสามารถปรับปรุงความปลอดภัยทางถนนได้ โดยการทำนายว่าเมื่อใดที่ผู้ขับขี่สามารถโต้ตอบได้อย่างปลอดภัยกับระบบในรถหรือรับข้อความ

นักวิจัยใช้การผสมผสานระหว่างการทดลองบนท้องถนนและการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) รวมถึงเทคนิคการกรองแบบเบย์ (Bayesian filtering) เพื่อวัด "ภาระงาน (workload) " ของคนขับอย่างต่อเนื่อง

อัลกอริทึมที่ได้สามารถปรับเปลี่ยนได้และสามารถตอบสนองในเวลาใกล้เคียงกับเวลาจริงต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและสถานะของผู้ขับขี่ สภาพถนน ประเภทถนน หรือลักษณะของผู้ขับขี่ ข้อมูลนี้สามารถรวมเข้ากับระบบภายในรถยนต์ได้

Bashar Ahmad จากเคมบริดจ์กล่าวว่า "เราสามารถปรับเปลี่ยนตัวแบบต่าง ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลาโดยใช้เทคนิคการกรองแบบเบย์แบบง่าย ๆ มันสามารถปรับให้เข้ากับประเภทและสภาพถนนที่แตกต่างกันได้อย่างง่ายดาย หรือผู้ขับขี่คนละคนที่ใช้รถคันเดียวกัน"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: University of Cambridge (U.K.)



วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ข้อมูลส่วนบุคคลอาจเข้าถึงได้จากคำถามที่ป้อนให้ chatGPT

opne-AI
ภาพจาก Silicon Angle

นักวิจัยของ Google แสดงให้เห็นว่า ChatGPT ของ OpenAI สามารถใช้เพื่อนำเอาข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์ หากได้รับ พรอมท์ (prompt) ที่ถูกต้อง

แม้ว่าโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนแชทบอทดังกล่าวจะได้รับการฝึกให้ดึงข้อมูลจากข้อมูลออนไลน์เพื่อตอบคำถามโดยไม่ต้องทำซ้ำข้อมูลนั้น แต่นักวิจัยพบว่าพวกเขาสามารถบังคับให้ ChatGPT ให้คำตอบที่มีข้อความจากตัวแบบภาษาต้นฉบับโดยใช้คำหลักซ้ำ ๆ

นักวิจัยกล่าวว่า "การใช้คำถาม ChatGPT มูลค่าเพียง 200 ดอลลาร์สหรัฐทำให้เราสามารถดึงตัวอย่างการฝึกอบรมแบบจดจำคำต่อคำที่ไม่ซ้ำกันได้มากกว่า 10,000 ตัวอย่าง การคาดเดาของเราทำให้คาดได้ว่าถ้าใช้งบประมาณที่มากขึ้น ฝ่ายตรงข้ามที่ตั้งใจทุ่มสามารถดึงข้อมูลได้มากขึ้นอย่างมาก"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Silicon Angle

วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2566

เส้นใยที่เปลี่ยนสีได้อาจช่วยลดขยะเสื้อผ้า

smart-texttile
ภาพจาก Reuters

สิ่งทอเปลี่ยนสีได้ที่ฝังกล้องขนาดเล็กและการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) หรือ AI ช่วยให้ผู้สวมใส่เปลี่ยนสีเสื้อผ้าได้ด้วยท่าทางง่าย ๆ

ผ้ารีไซเคิลที่พัฒนาโดย  Laboratory for Artificial Intelligence in Design  ในฮ่องกงนั้นถักด้วยเส้นใยนำแสงโพลีเมอร์และเส้นด้ายจากสิ่งทอ และสามารถส่องสว่างได้ในเฉดสีที่แตกต่างกัน

การยกนิ้วโป้งที่ด้านหน้ากล้องของผ้าจะทำให้ผ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม ในขณะที่สัญลักษณ์หัวใจจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู และท่าทาง 'OK' จะทำให้เป็นสีเขียว

นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งสีได้โดยใช้แอปสมาร์ตโฟน และอัลกอริทึม AI ช่วยให้กล้องแยกแยะท่าทางของผู้ใช้แต่ละรายได้

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Reuters

วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ชุดทดสอบที่สั่งทำได้

researcher-with-test-printed-chip
ภาพจาก McGill University Newsroom (Canada)

นักวิจัยของ McGill University ได้คิดค้นระบบทดสอบการวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการบนชิปที่สามารถพิมพ์สามมิติได้ภายใน 30 นาที

ชิปคาปิลลาริก (capillaric) แบบใช้ครั้งเดียวไม่ต้องใช้แหล่งพลังงานภายนอก และสามารถพิมพ์แบบ 3 มิติสำหรับการทดสอบต่าง ๆ รวมถึงการวัดปริมาณแอนติบอดีสำหรับโควิด-19

David Juncker จาก McGill กล่าวว่า "เครื่องมือของเราก็เปรียบได้กับโทรศัพท์มือถือที่สามารถถูกนำมาใช้แทนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปทั่วไปที่ต้องใช้จอภาพ คีย์บอร์ด และแหล่งจ่ายไฟแยกต่างหากในการทำงาน"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: McGill University Newsroom (Canada)