วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2566

NASA ส่งการอัปเดตซอฟต์แวร์ในระยะทางกว่า 12 พันล้านไมล์ไปยัง Voyager 2

voyager
ภาพจาก PC Magazine

องค์การ NASA ของสหรัฐอเมริกา กำลังติดตั้งแพตช์ซอฟต์แวร์บนยานอวกาศ Voyager 2 เพื่อหลีกเลี่ยงสวิตช์โหมดที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งรบกวน AACS ของยาน Voyager 1 เมื่อปีที่แล้ว

ผู้จัดการโครงการยาน Voager  คือ Suzanne Dodd อธิบายว่าการอัปเดตดังกล่าว "เหมือนกับกรมธรรม์ประกันภัยที่จะปกป้องเราในอนาคต และช่วยให้เรารักษาการตรวจสอบเหล่านี้ให้ดำเนินต่อไปได้นานที่สุด"

การส่งข้อมูลอัปเดตจากโลกไปยังอวกาศกว่า 12 พันล้านไมล์ต้องใช้เวลามากกว่า 18 ชั่วโมง NASA กำลังอ่านหน่วยความจำ AACS เพื่อให้แน่ใจว่าแพตช์จะไม่เขียนทับโค้ดที่จำเป็นหรือมีผลกระทบที่ไม่ได้ตั้งใจก่อนที่จะเปิดใช้งานการอัปเดตในวันที่ 28 ต.ค.

อ่านข่าวเต็มได้ที่: PC Magazine

วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2566

หมวกคลื่นสมองช่วยชีวิตด้วยการระบุอาการหลอดเลือดสมองตีบ

cap-detect-lov
ภาพจาก Interesting Engineering

ฝาครอบคลื่นสมอง StrokePointer ออกแบบโดยนักวิจัยในประเทศเนเธอร์แลนด์ สามารถวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน ( large vessel occlusion) หรือ LVO ได้ในขณะที่ผู้ป่วยอยู่ในรถพยาบาล

นักวิจัยของ Amsterdam University Medical Centers (UMC)  กล่าวว่าฝาครอบดังกล่าวช่วยให้สามารถตรวจคลื่นสมองไฟฟ้าเพื่อตรวจหาโรคหลอดเลือดสมองตีบ รวมถึงการวัดขอบเขตของการอุดตันของหลอดเลือดในสมองเพื่อกำหนดวิธีการรักษาที่เหมาะสม

นักวิจัยใช้ StrokePointer ในรถพยาบาลของเนเธอร์แลนด์ 12 คันระหว่างปี 2018 ถึง 2022 โดยข้อมูลที่รวบรวมจากผู้ป่วยเกือบ 400 รายเสริมความมั่นใจว่าหมวกสามารถ "ระบุผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบได้อย่างแม่นยำ"

TrainecT บริษัทที่แตกมาจาก Amsterdam UMC มุ่งหวังที่จะจำหน่าย StrokePointer โดยเว็บไซต์ของบริษัทระบุว่าอัลกอริทึมของหมวกได้รับการฝึกอบรมบนฐานข้อมูล  EEG ของคนไข้ก่อนเข้าโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมอง LVO ในผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน โดยมีความแม่นยำในการวินิจฉัยมากกว่า 80%

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Interesting Engineering

วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2566

เผยโฉมอนาคตของจอแสดงผล VR ความละเอียดสูง

hi-res-vr-display
ภาพจาก SPIE

นักวิทยาศาสตร์กำลังทำงานเพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีการแสดงผลความเป็นจริงเสมือน (virtual reality) หรือ VR เพื่อเอาชนะปัญหาความละเอียดต่ำทำให้ผู้ใช้เห็นรูปแบบคล้ายตารางบนหน้าจอ

ความละเอียดโดยทั่วไปของจอแสดงผล VR ที่ 500 ถึง 600 พิกเซลต่อนิ้ว (PPI) ในปี 2560 ได้พัฒนาเป็นประมาณ 1,200 PPI ในขณะที่จอแสดงผลคริสตัลเหลว 4K VR ความละเอียด 2,117 PPI 4K ที่เสนอโดยนักวิจัยที่ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยี Innolux ของไต้หวัน ซึ่งมีแนวโน้มอย่างมากที่จะพัฒนาคุณภาพของรูปภาพต่อไป

Yung-Hsun Wu จาก Innolux กล่าวว่า "เรามุ่งเน้นไปที่การเพิ่มอัตราส่วนรูรับแสงของพิกเซล ประสิทธิภาพของคริสตัลเหลว และการส่งผ่านข้อมูล ขณะเดียวกันก็เสนอวิธีการลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพของแบ็คไลท์ (backlight)"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: SPIE

วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ชิปของ IBM เพิ่มความเร็วให้ AI

mainboard
ภาพจาก Nature

นักวิจัยที่ IBM ได้พัฒนาโปรเซสเซอร์ที่สามารถเพิ่มความเร็วปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) หรือ AI ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยลง

ชิป NorthPole ทำให้ไม่จำเป็นต้องเข้าถึงหน่วยความจำภายนอกบ่อยครั้ง ทำให้ได้รับประสิทธิภาพที่ "น่าทึ่ง" Damien Querlioz จากมหาวิทยาลัย Paris-Saclay ของฝรั่งเศส กล่าว

NorthPole มีโครงข่ายประสาทเทียมหลายชั้น ชั้นล่างจะดูดซับข้อมูลในขณะที่แต่ละเลเยอร์ที่ต่อเนื่องกันจะระบุรูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น และส่งข้อมูลไปยังเลเยอร์ถัดไปจนกว่าชั้นบนสุดจะสร้างเอาต์พุต

ชิปดังกล่าวประกอบด้วยคอร์ประมวลผล 256 คอร์ ซึ่งแต่ละคอร์มีหน่วยความจำของตัวเอง ซึ่งช่วยลดปัญหาคอขวดของ Von Neumann ตามข้อมูลของ Dharmendra Modha ของ IBM

นักวิจัยกล่าวว่าการเชื่อมต่อแกนเข้าด้วยกันในรูปแบบที่จำลองมาจากการเชื่อมต่อไวท์-แมทเตอร์ (white-matter) ในเปลือกสมองของมนุษย์ ช่วยให้ NorthPole มีประสิทธิภาพเหนือกว่า AI ที่มีอยู่อย่างมากในการทดสอบตามเกณฑ์มาตรฐาน

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Nature

วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ศูนย์ข้อมูลยังทำงานได้ถึงแม้จะใช้ระบบความเย็นที่น้อยกว่าในปัจจุบัน

data-center
ภาพจาก New Scientist

Shengwei Wang และเพื่อนร่วมงานที่ Hong Kong Polytechnic University พบว่าการใช้งานศูนย์ข้อมูลที่อุณหภูมิสูงกว่าที่พวกเขาใช้งานอยู่ในปัจจุบันสามารถลดการใช้พลังงานลงได้อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็รักษาประสิทธิภาพการคำนวณไว้ได้

นักวิจัยได้ตั้งโปรแกรมตัวแบบคอมพิวเตอร์เพื่อจำลองประสิทธิภาพของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศที่อุณหภูมิต่างๆ ใน 57 เมืองทั่วโลก พวกเขาพบว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานที่อุณหภูมิ 41 องศาเซลเซียส (106 องศาฟาเรนไฮต์) สามารถประหยัดพลังงานที่ใช้ในการทำความเย็นได้มากถึง 56% เมื่อเทียบกับเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานที่อุณหภูมิ 22 องศาเซลเซียส (72 องศาฟาเรนไฮต์) 

วิธีการนี้จะให้ผลการประหยัดพลังงานได้มากที่สุดในสถานที่ซึ่งมีอุณหภูมิแวดล้อมสูงซึ่งต้องการระบบทำความเย็นมากที่สุด เช่น บราซิลหรือแอฟริกาตะวันตก ตามข้อมูลของนักวิจัย

อ่านข่าวเต็มได้ที่: New Scientist