วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ระบบจำแนกมัลแวร์ที่ใช้ร่วมกับเครือข่าย 5G สำหรับความมั่นคงทางไซเบอร์ยุคต่อไป


Photo by Shiwa ID on Unsplash

ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาตินำโดย Gwanggil Jeon จากมหาวิทยาลัย Incheon National University ของเกาหลีใต้ ได้สร้างระบบตรวจจับมัลแวร์ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์สำหรับระบบ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things) หรือ IOT ในระดับอุตสาหกรรม โดนระบบนี้ใช้งานกับเครือข่าย 5G ได้

ระบบใช้ภาพเฉดสีเทากับเครือข่ายการเรียนรู้เชิงลึก (deep learning) เพื่อวิเคราะห์มัลแวร์ จากนั้นจึงนำเครือข่ายประสาทเทียมคอนโวลูชัน (convolutional neuron network) มาใช้ เพื่อจัดหมวดหมู่การโจมตีของมัลแวร์ นักวิจัยรวมระบบเข้ากับเครือข่าย 5G เพื่อลดเวลารอในการทำงานให้ต่ำลง ทำให้สามารถแบ่งปันข้อมูลและการวินิจฉัยแบบเรียลไทม์ได้ในปริมาณมาก

ตัวแบบใหม่นี้ได้รับการปรับปรุงจากสถาปัตยกรรมระบบแบบเดิม ทำให้ได้ความแม่นยำถึง 97% บนชุดข้อมูลเกณฑ์มาตรฐาน (benchmark) 

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Newswise



วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

Tim Berners-Lee ผู้สร้างเว็บต้องการให้เราเลิกสนใจ Web3

Tim-Beners-Lee
Tim Berners-Lee ภาพจาก CNBC News

Tim Berners-Lee ผู้รับรางวัล Turing Award ซึ่งได้รับเครดิตจากการประดิษฐ์ World Wide Web บอกว่า Web3 ไม่สามารถนำมาใช้เป็นตัวสร้างสร้างอินเทอร์เน็ตในรอบต่อไป 

ที่การประชุม Web Summit ในลิสบอน ประเทศโปรตุเกส Berners-Lee เรียก Web3 ว่าเป็นคำที่คลุมเครือเพื่ออธิบายอินเทอร์เน็ตเชิงทฤษฎีที่มีการกระจายอำนาจมากกว่าเว็บปัจจุบัน โดยผสมผสานเทคโนโลยี เช่น บล็อคเชน คริปโตเคอเรนซี่ และโทเค็นที่ไม่สามารถแทนที่ได้

Berners-Lee อธิบายโปรโตคอลบล็อกเชนว่า "ช้าเกินไป แพงเกินไป และเป็นสาธารณะเกินไป" เขากล่าวว่าผู้คนมักสับสน Web3 กับ Web 3.0 เฟรมเวิร์ก สำหรับการกำหนดค่าอินเทอร์เน็ตใหม่

บริษัทสตาร์ตอัพใหม่ของเขาคือ Inrupt ตั้งใจที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลของตนเองผ่านคุณลักษณะการลงชื่อเพียงครั้งเดียว (single sign-on) ที่ใช้ได้ทั้งโลกสำหรับการเข้าสู่ระบบแบบยูนิเวอร์ซัล (universal)  ซึ่งเป็นการเข้าสู่ระบบที่อนุญาตให้ผู้ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูล และ "ส่วนประสานการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (Application Programming Interface) แบบยูนิเวอร์ซัล"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: CNBC News


วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

นักวิจัยมีวิธีแก้วิกฤติการทำซ้ำทางวิทยาศาสตร์

reseacher-in-labs
ภาพจาก USC Viterbi School of Engineering

นักวิจัยจาก University of Southern California (USC) ได้พัฒนาและทดสอบวิธีการเพื่อเอาชนะความยากลำบากในการทำซ้ำงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ 

นักวิจัยกลั่นกรองกราฟความรู้จากผลการศึกษาทางวิชาการมากกว่า 250 ล้านชิ้น ซึ่งรวมถึงข้อมูลระดับไมโคร (micro) และแมคโคร (macro)  พวกเขาตรวจสอบตัวแปรระดับไมโครในบทความที่ตีพิมพ์ซึ่งทราบว่ามีผลกระทบต่อความสามารถในการทำซ้ำ และรวมข้อมูลความสัมพันธ์ระดับแมคโครระหว่างเอนทิตีเพื่อสร้างโครงสร้างเครือข่าย

Jay Pujara แห่ง USC กล่าวว่า "เราพบว่าถ้าเราสามารถรวมทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน รวมคุณลักษณะบางอย่างจากข้อความและคุณลักษณะบางอย่างจากกราฟความรู้ เราก็สามารถทำได้ดีกว่าการใช้วิธีใดวิธีหนึ่งเพียงอย่างเดียว"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: USC Viterbi School of Engineering

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ทดสอบยาอัลไซเมอร์ตัวต่อตัวในการทดลองทางคลีนิคแบบเสมือน

neuron
ภาพจาก Penn State News

นักวิทยาศาสตร์จาก Pennsylvania State University (Penn State), University of Tennessee, Knoxville (UTK), และ Duke University ได้ทำการทดลองทางคลินิกเสมือนจริงครั้งแรกกับยารักษาโรคอัลไซเมอร์หลายชนิด

Wenrui Hao จาก Penn State กล่าวว่า "เรากำลังเรียกสิ่งนี้ว่าการทดลองทางคลินิกเสมือนจริง เพราะเราใช้ข้อมูลผู้ป่วยจริงที่ไม่ระบุตัวตนเพื่อจำลองผลลัพธ์ด้านสุขภาพ"

นักวิจัยใช้ข้อมูลทางคลินิกและไบโอมาร์คเกอร์เพื่อสร้างตัวแบบจำลองเพื่อทดสอบสูตรยา aducanumab ในขนาดต่ำและสูง และยา donanemab ขนาดเดียว โดยผลลัพธ์สอดคล้องกับผลการทดสอบกับคนจริง ๆ นักวิจัยยังได้ใช้ตัวแบบนี้เพื่อพัฒนาแผนการรักษาเฉพาะบุคคลสำหรับผู้ป่วยเสมือนจริงแต่ละราย

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Penn State News


  

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

สมาร์ตโฟนบอกได้ว่าสะพานใกล้จะถล่มลงมาหรือไม่

golden-gate
ภาพจาก New Scientist

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากหลายสถาบันที่นำโดย Thomas Matarazzo จาก U.S. Military Academy ได้สร้างระบบเพื่อตรวจสอบคุณภาพของสะพานโดยใช้ข้อมูลการเคลื่อนไหวจากสมาร์ตโฟน 

ด้วยการใช้ข้อมูลที่รวบรวมจากโทรศัพท์ขณะเดินทางข้ามสะพานโกลเดนเกตของซานฟรานซิสโกและสะพานคอนกรีตสั้นๆ ในเมืองเชียมปิโน ประเทศอิตาลี ซึ่งรวมถึงข้อมูล GPS และข้อมูลจากมาตรวัดความเร่ง

นักวิจัยประเมินว่าเทคนิคนี้สามารถยืดอายุสะพานเก่าได้มากกว่า 2 ปี และเกือบ 15 ปีสำหรับสะพานใหม่ เพราะมันจะช่วยให้มีการบำรุงรักษาเมื่อจำเป็น

อ่านข่าวเต็มได้ที่: New Scientist