วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

นักวิจัยใช้ AI ในการตรวจจับปั๊มหัวใจที่อ่อนแอผ่านตัววัด ECG ใน Apple Watch ของผู้ป่วย

apple-watch
Photo by Daniel Korpai on Unsplash

นักวิจัยที่ Mayo Clinic ได้พัฒนาอัลกอริทึมปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) หรือ AI ที่สามารถระบุผู้ป่วยที่มีปั๊มหัวใจอ่อนแอโดยอาศัยการติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบ single-lead จาก Apple Watch นักวิจัยได้ปรับปรุงอัลกอริทีม 12-lead ที่ถูกสร้างขค้นมาสำหรับปั๊มหัวใจที่อ่อนแอ เพื่อตีความสัญญาณ ECG ที่เกิดจาก single-lead ของ Apple Watch พวกเขายังได้พัฒนาแอปสมาร์ตโฟนที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมการศึกษาสามารถส่ง ECG แบบ single-lead จาก Apple Watch ของพวกเขา

Dr. Paul Friedman จาก Mayo Clinic กล่าวว่า "เป็นเรื่องน่าทึ่งอย่างยิ่งที่ AI จะเปลี่ยนสัญญาณ ECG ของนาฬิกาในระดับผู้บริโภคให้กลายเป็นเครื่องตรวจจับภาวะนี้ ซึ่งปกติจะต้องใช้การทดสอบเพื่อให้ได้ภาพจากอุปกรณ์ที่มีราคาแพงและซับซ้อน เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ CT scan หรือ MRI

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Mayo Clinic

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เครื่องตอบรับเสมือนบันทึกโลกจริงในขณะที่คุณอยู่ใน VR

vr-user
ภาพจาก New Scientist

พนักงานสามารถใช้ "เครื่องตอบรับอัตโนมัติ" ความจริงเสมือน (virtual reality) หรือ VR เพื่อบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมของพวกเขาในขณะที่พวกเขากำลังทำงานอยู่ใน VR และแสดงเหตุการณ์นั้นในแบบการสร้างโครงสร้างสามมิติขึ้นใหม่ในภายหลัง

Andreas Fender และ Christian Holb ที่ ETH Zürich ในสวิตเซอร์แลนด์ได้ออกแบบระบบ AsyncReality ซึ่งใช้กล้องตรวจจับความลึกสี่ตัวที่สามารถกำหนดระยะห่างของวัตถุจากกล้องแต่ละตัวและสร้างสภาพแวดล้อมใหม่ในรูปแบบ 3 มิติ

AsyncReality บันทึกการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและตรวจจับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกันในขณะที่พนักงานอยู่ใน "โหมดโฟกัส" เพื่อนำมาเล่นตามลำดับในภายหลัง “การจัดเตรียมสำนักงาน ทั้งหมดในอนาคตอาจแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะมันเชื่อมโยงกับโลกเสมือนจริงที่เราโต้ตอบด้วยในเวลาเดียวกัน” Fender กล่าว

อ่านข่าวเต็มได้ที่: New Scientist

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

Cisco เตรียมเทคโนโลยีเพื่อคาดการณ์ปัญหาเครือข่ายระดับองค์กร

chart-link-on-screen
ภาพจาก  Network World

นักวิจัยของ Cisco ได้พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์เพื่อการคาดการณ์ ซึ่งพวกเขาอ้างว่าจะช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถคาดการณ์และป้องกันปัญหาเครือข่ายได้ เครื่องมือคาดการณ์จะรวบรวมข้อมูลทางไกลจากเราเตอร์ (router) สวิตช์ (switch) เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์อื่น ๆ และใช้ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) และการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) เพื่อเรียนรู้รแบบรูป (pattern) ในข้อมูล คาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดกับผู้ใช้ และเสนอตัวเลือกสำหรับการแก้ไข

Chuck Robbins ของ Cisco กล่าวว่า "อนาคตของการเชื่อมต่อจะขึ้นอยู่กับเครือข่ายที่สามารถซ่อมแซมตัวเองซึ่งสามารถเรียนรู้ คาดการณ์ และวางแผนได้" บริษัทมีแผนที่จะนำเสนอเทคโนโลยีในรูปแบบซอฟต์แวร์ในลักษณะการบริการ (software-as-a-service)

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Network World

วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เครื่องมือช่วยทำนายสภาพจราจรให้เร็วขึ้น

traffic
ภาพจาก Futurity.org

นักวิจัยของ North Carolina State University (NC State) ได้ปรับเปลี่ยนอัลกอริทึมที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยลดการคำนวณที่ซับซ้อน ในการคาดการณ์รูปแบบการจราจรให้ดีขึ้นในสถานที่และเวลาที่เฉพาะเจาะจง อัลกอริทึมแบ่งตัวแบบการทำนายการจราจรที่ใหญ่กว่าออกเป็นชุดของปัญหาที่เล็กกว่าที่สามารถแก้ไขได้พร้อมกัน

อัลกอริทึมที่ปรับแต่งแล้วนี้ยังช่วยทำให้เวลาในการทำงานทำได้ดีขึ้น โดยจะบอกให้ตัวแบบรับรู้เมื่อได้ผลลัพธ์ที่อยู่ในช่วง 5% หรือ 10% ของผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด Ali Hajbabaie แห่ง NC State กล่าวว่าอัลกอริธึมที่ดัดแปลงนี้ใช้หน่วยความจำคอมพิวเตอร์น้อยกว่ามาก และเวลาในการทำงานเร็วกว่ามาก

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Futurity.org

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ปัญหาของแผนการที่ Elon Musk จะเปิดเผยโค้ดของอัลกอริทึมของทวิตเตอร์

twitter
Photo by Souvik Banerjee on Unsplash

แผนการที่ประกาศออกมาของ Elon Musk สำหรับเครือข่ายสังคม Twitter นั้นก็รวมถึงการเปิดเผยโค้ดของอัลกอริทึม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าจะเพิ่มความโปร่งใสได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นถ้าไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่พวกเขาใช้การฝึกสอนได้

Jennifer Cobbe แห่ง University of Cambridge ของสหราชอาณาจักรกล่าวว่า "โดยมากแล้วที่ผู้คนพูดถึงความรับผิดชอบของอัลกอริทึมในทุกวันนี้ ต่างตระหนักดีว่าไม่ใช่ตัวอัลกอริทึมเองที่เราต้องการเห็น สิ่งที่เราต้องการจริง ๆ คือข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่มันถูกพัฒนาขึ้นมา 

นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลว่าเมื่อเปิดเผยโค้ดอัลกอริทีมของ Twitter แล้ว จะทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถระบุช่องโหว่เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ และอาจทำให้เอาชนะบอทที่ใช้ในการสแปม (spam bot) ได้ยากขึ้น

อ่านข่าวเต็มได้ที่: MIT Technology Review