วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

การศึกษาพบว่าระบบ AI ที่อบอุ่นสำคัญกว่าความสามารถ

AI
Photo by Markus Winkler on Unsplash

การศึกษาโดยนักวิจัยที่ Technion – Israel Institute of Technology พบว่าผู้ใช้ที่มีศักยภาพของระบบปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) หรือ AI บอกว่า "ความอบอุ่น" ของระบบดังกล่าวมีความสำคัญมากกว่าความสามารถและความรอบรู้ การศึกษาผู้เข้าร่วมกว่า 1,600 คนได้นิยามความอบอุ่นของ AI เช่น ความเป็นมิตร ความเอื้ออาทร ความจริงใจ ความน่าเชื่อถือ และศีลธรรม นักวิจัยพบว่าผู้เข้าร่วมชอบระบบ AI ที่ "อบอุ่น" ที่สร้างขึ้นสำหรับผู้บริโภคที่ใช้อัลกอริธึมที่ได้รับการฝึกฝน โดยใช้ข้อมูลน้อยกว่าระบบที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ผลิตที่ใช้อัลกอริธึมเครือข่ายประสาทเทียมที่ทันสมัย นักวิจัยมองไปที่แอปนำทาง เครื่องมือค้นหา และระบบแนะนำ ตรงกันข้ามกับการวิจัยก่อนหน้านี้ที่เน้นที่ตัวแทนเสมือน (virtual agents) หรือหุ่นยนต์

อ่านข่าวเต็มได้ที่: The Jerusalem Post


วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

เกมในมือถือจีนต้องใช้การสแกนหน้าถ้าจะเล่นตอนกลางคืน

child-play-game
 ภาพจาก Ars Technica

Tencent ผู้เผยแพร่วิดีโอเกมของจีนได้เพิ่มระบบจดจำใบหน้าให้กับเกมบนสมาร์ทโฟนเฉพาะของจีนมากกว่า 60 เกม เพื่อให้สอดคล้องกับกฎของรัฐบาลในการจำกัดการเข้าถึงวิดีโอเกมของผู้เยาว์ ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งให้สแกนใบหน้าเมื่อเซสชั่นการเล่นเกมเกินระยะเวลาในช่วงเวลาเคอร์ฟิวเกมอย่างเป็นทางการของประเทศในเวลาสี่ทุ่มถึงแปดโมงเช้า หากผู้ใช้ที่เป็นผู้ใหญ่ปฏิเสธหรือไม่ผ่านการตรวจสอบใบหน้า ระบบ "Midnight Patrol" จะปิดการเล่นเกม ผู้เผยแพร่เกมที่ไม่ปฏิบัติตามกฎ ซึ่งคือการลงทะเบียนชื่อจริงและกำหนดจำนวนเงินสูงสุดที่จะใช้ในเกมสำหรับผู้เยาว์ อาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Ars Technica

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

การสื่อสารที่ดักฟังไม่ได้เกิดขึ้นจริงได้จากระบบ MDI-QKD ในควอนตัมอินเทอร์เน็ตแห่งอนาคต

MDI-QKD
ภาพจาก TU Delft (Netherlands)

วิศวกรของสถาบัน QuTech ที่ตั้งขึ้นโดย Delft University of Technology (TU Delft) และ Netherlands Organization for Applied Scientific Research ได้คิดค้นระบบที่สามารถปรับต้นทุนได้สำหรับการสื่อสารที่ดักฟังไม่ได้ Joshua Slater แห่ง TU Delft กล่าวว่าอุปกรณ์วัดการกระจายคีย์ควอนตัมอิสระ (measurement-device independent quantum key distribution) หรือ MDI-QKD ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อผู้ใช้หลายคนผ่านโหนดกลางที่ทำหน้าที่เหมือนผู้จัดการสวิตช์บอร์ด Slater กล่าวว่า "ระบบทั้งหมดได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การโจมตีโหนดกลางไม่สามารถทำลายความมั่นคงของโปรโตคอลได้" นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่านักวิจัยของ QuTech ได้ช่วยสาธิตการพิสูจน์หลักการของ MDI-QKD รวมถึงการสาธิตความสามารถของมันกับเส้นใยแก้วนำแสงที่ติดตั้งใช้งาน และกับฮาร์ดแวร์ที่มีจำหน่ายทั่วไป

อ่านข่าวเต็มได้ที่: TU Delft (Netherlands)

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

เครื่องคิดเลขออนไลน์ฟรีสำหรับประเมินความเสี่ยงจากภาวะสมองเสื่อม

screenshot-BigLifeVimeo
ScreenshotProject Big Life/Vimeo

นักวิทยาศาสตร์จาก University of Ottawa ของแคนาดา (U of O) ได้พัฒนาเครื่องคิดเลขที่สามารถประเมินความเสี่ยงโดยทั่วไปของภาวะสมองเสื่อมในผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ซึ่งเปิดให้ใช้งานออนไลน์ได้ฟรี นักวิจัยสร้างอัลกอริธึมการทำนายของเครื่องคิดเลข โดยใช้การตอบคำถามของคนใน Ontario 50,000 คนที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไปต่อคำถามด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์ และการติดตามผลเวชระเบียนของพวกเขาในช่วงห้าปี ทีม U of O เปรียบเทียบข้อมูลของกับบุคคลที่มีภาวะสมองเสื่อมกับข้อมูลของคนที่ไม่มีภาวะสมองเสื่อม เพื่อหาปัจจัยเสี่ยงที่คาดการณ์ได้มากที่สุด ซึ่งจะถูกนำมาใส่ในอัลกอริทึม นักวิจัยบอกว่าเครื่องคิดเลขนี้ไม่ได้นำเรื่องพันธุกรรมเข้ามาคิดด้วย ซึ่งหมายความว่ามันจะใช้ประมาณความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมแบบทั่วไปได้ดีที่สุด

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Gizmodo

เพิ่มเติมเสริมข่าว: ใครอยากลองใช้เคื่องคิดเลขลองได้จากลิงก์นี้ครับ 

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

AI ทำลายอุปสรรคในการดูแลทารกคลอดก่อนกำหนด

baby
Image: Dragos Gontariu

โครงข่ายประสาทเทียม (neural network) สามารถคาดการณ์ความเสี่ยงการเสียชีวิตของทารกที่คลอดก่อนกำหนดได้อย่างแม่นยำ เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลของทารกได้ดีขึ้น ต้องขอบคุณนักวิทยาศาสตร์จาก James Cook University (JCU) ของออสเตรเลีย Stephanie Baker แห่ง JCU กล่าวว่าเครือข่าย Neonatal Artificial Intelligence Mortality Score (NAIMS) ประเมินความเสี่ยงในการเสียชีวิตของทารกที่คลอดก่อนกำหนดโดยพิจารณาจากข้อมูลประชากรทั่วไป และแนวโน้มของอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจ  Baker กล่าวว่า NAIMS สามารถทำนายความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของทารกได้ภายใน 3, 7 หรือ 14 วัน จากข้อมูลที่สร้างขึ้นในช่วง 12 ชั่วโมง โดยไม่ต้องอาศัยการตรวจร่างกาย หรือข้อมูลประวัติทางการแพทย์ Baker ยังกล่าวว่า "ด้วยความเรียบง่ายและประสิทธิภาพสูงของโครงการที่เราเสนอ NAIMS สามารถคำนวณใหม่อย่างต่อเนื่องและอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย ทำให้สามารถวิเคราะห์การตอบสนองของทารกต่อการรักษา และแนวโน้มด้านสุขภาพอื่นๆ"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: James Cook University (Australia)