วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564

การขุดบิตคอยน์ในจีนจะปล่อยคาร์บอนถึงหลัก 130 ล้านตันในปี 2024

Andrey Rudakov/Bloomberg via Getty Images

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tsinghua ของจีนคาดการณ์ว่าการขุดบิตคอยน์ (bitcoin) ของจีนจะปล่อยคาร์บอนประมาณ 130 ล้านเมตริกตันสู่ชั้นบรรยากาศภายในปี 2024 และคิดเป็นประมาณ 5.4% ของการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตไฟฟ้าของจีน ทีมงานคาดการณ์การปล่อยมลพิษสูงสุดในปี 2024 โดยการคำนวณว่าการลงทุนในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และค่าไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับการขุดบิตคอยน์จะมากกว่าผลประโยชน์ทางการเงินที่ได้รับ Guan Dabo ของ Tshinghua กล่าวว่าจะต้องมีกฎระเบียบเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการขุดบิตคอยน์ และภาคส่วนอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากความมุ่งมั่นของจีนที่จะบรรลุเป้าหมายคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี 2060

อ่านข่าวเต็มได้ที่: New Scientist

วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2564

AI อาจเจาะภาษาของมะเร็งและอัลไซเมอร์ได้

Image credit: Weitz lab, Harvard University

การศึกษาของนักวิจัยจาก St. John's College, University of Cambridge ในสหราชอาณาจักรพบว่า "ภาษาทางชีววิทยา" ของโรคมะเร็งอัลไซเมอร์และโรคทางระบบประสาทอื่น ๆ สามารถทำนายได้โดยการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) นักวิจัยใช้อัลกอริทึมที่คล้ายกับที่ใช้โดย Netflix, Facebook และผู้ช่วยด้านเสียงเช่น Alexa และ Siri เพื่อฝึกตัวแบบเครือข่ายประสาทเทียมเชิงภาษา เพื่อศึกษาการควบแน่น (condensate) ทางชีวโมเลกุล  (biomolecular) Tuomas Knowles ของ St. John's College กล่าวว่า "ข้อบกพร่องใด ๆ ที่เชื่อมต่อกับหยดโปรตีนเหล่านี้อาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่นมะเร็ง นี่คือเหตุผลที่การนำเทคโนโลยีการประมวลผลภาษาธรรมชาติมาใช้ในการวิจัยเกี่ยวกับโมเลกุลที่เป็นต้นกำเนิดของความผิดปกติของโปรตีนจึงมีความสำคัญหากเราต้องการให้สามารถแก้ไขความผิดพลาดทางไวยากรณ์ในเซลล์ซึ่งทำให้เกิดโรค"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: University of Cambridge (U.K.)

วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2564

หุ่นยนต์จากสวิสใช้แสงยูวีเพื่อฆ่าเชื้อไวรัสให้กับเครื่องบินโดยสาร

ภาพจาก Reuters

หุ่นยนต์ที่พัฒนาโดย UVeya สตาร์ทอัพสัญชาติสวิสใช้แสงอัลตราไวโอเลต หรือ UV เพื่อฆ่าไวรัสบนเครื่องบินโดยสารของสวิส ในการทดสอบที่ดำเนินการกับบริษัทผู้ให้บริการสนามบิน Dnata ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทีม UVeya ได้สร้างหุ่นยนต์ต้นแบบ 3 ตัวซึ่งหนึ่งในนั้น Jodoc Elmiger ผู้ร่วมก่อตั้งได้สาธิตมาแล้วในเครื่องบินเจ็ทของ Helvetic Airways ที่สนามบิน Zurich ของสวิตเซอร์แลนด์ หุ่นยนต์ 1 ตัวสามารถฆ่าเชื้อเครื่องในหนึ่งช่องทางเดินของเครื่องบินได้ภายใน 13 นาที Lukas Gyger แห่ง Dnata กล่าวว่า "เรากำลังมองหาทางออกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เดินทางโดยเครื่องบินจะไม่ป่วย"

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Reuters

วันพุธที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2564

เครือข่ายเรียนรู้เชิงลึกชอบเสียงคนมากกว่า

 

ภาพจาก Columbia Engineering

Hod Lipson และ Boyuan Chen จาก Columbia University สาธิตให้เห็นว่าระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ตั้งโปรแกรมด้วยไฟล์เสียงภาษามนุษย์สามารถทำงานได้ดีกว่าระบบที่เข้ารหัสด้วยป้ายกำกับข้อมูลที่เป็นตัวเลข  วิศวกรได้สร้างเครือข่ายประสาทเทียมสองเครือข่าย และฝึกให้พวกมันจดจำวัตถุ 10 ประเภทในชุดภาพถ่าย 50,000 ภาพ ระบบหนึ่งได้รับการฝึกฝนด้วยอินพุตไบนารี ในขณะที่อีกระบบหนึ่งได้รับการป้อนตารางข้อมูลที่มีรูปถ่ายของสัตว์หรือสิ่งของพร้อมไฟล์เสียงที่สอดคล้องกันของเสียงของมนุษย์ที่พูดชื่อสัตว์หรือสิ่งของ นักวิจัยจากโคลัมเบียพบว่าเมื่อนำเสนอด้วยภาพเครือข่ายโปรแกรมไบนารีจะตอบด้วย 1 และ 0 ในขณะที่อีกเครือข่ายหนึ่งจะพูดชื่อของวัตถุจากภาพ เมื่อทดสอบด้วยภาพที่ไม่ชัดเจนพบว่าเครือข่ายที่ฝึกด้วยเสียงมีความแม่นยำ 50% ในขณะที่เครือข่ายที่ฝึกด้วยตัวเลขมีความแม่นยำเพียง 20%

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Columbia Engineering

วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2564

เครื่องมือ AI สามารถช่วยตรวจหาเนื้องอกได้

ภาพจาก MIT News

นักวิจัยจาก Massachusetts Institute of Technology (MIT) ได้ออกแบบระบบปัญญาประดิษฐ์ที่วิเคราะห์ภาพแบบ wide-field ของผิวของผู้ป่วยเพื่อตรวจหามะเร็งผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น กระบวนการนี้ใช้โครงข่ายประสาทเทียมแบบ deep convolutional (DCNNs) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบุ และการจำแนกประเภทของสีของรอยโรคที่น่าสงสัย ( suspicious pigmented lesions) หรือ SPL ในภาพแบบ wide-field นักวิจัยของ MIT ได้ฝึกฝนระบบโดยใช้ภาพแบบ wide-field 20,388 ภาพจากผู้ป่วย 133 คนที่ Hospital Gregorio Marañón ในสเปน รวมถึงภาพที่เผยแพร่ต่อสาธารณะด้วย แพทย์ผิวหนังจำแนกรอยโรคด้วยสายตาจากภาพเพื่อเปรียบเทียบ โดยระบบมีความไวมากกว่า 90.3% ในการแยกความแตกต่างของ SPL จากแผลที่ไม่น่าสงสัย ผิวหนัง และพื้นหลัง (ของภาพ) ทีมีความซับซ้อน

อ่านข่าวเต็มได้ที่: MIT News