วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

โปรแกรมเรียกค่าไถ่ปลอมตัวเป็นโปรแกรมติดตาม COVID

นักวิจัยจาก ESET ซึ่งเป็นบริษัทด้านความมั่นคลในซโลวัค บอกว่าผู้โจมตีทางไซเบอร์ได้ปล่อยแอปซึ่งเป็นมัลแวร์ลงบนที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ผ่านทางเว็บไซต์ (ซึ่งปัจจุบันเข่้าถึงไม่ได้แล้ว) โดยบอกว่ามันคือแอปอย่างเป็นทางการของแคนาดาสำหรับการติดตามผู้ที่มีการสัมผัสกับคนที่เป็น COVID-19  จริง ๆ แล้วแอปตัวจริงยังไม่ปล่อยออกมา โดยจะปล่อยออกมาเร็วที่สุดเดือนหน้า แอปปลอมตัวนี้จะติดตั้งโปรแกรมเรียกค่าไถ่ชื่อ CryCryptor ลงบนเครื่องของเหยื่อ และจะเข้ารหัสไฟล์บนเครื่อง โดยจะเข้ารหัสไฟล์ที่มีนามสกุล (ส่วนขยาย) ตามที่กำหนดไว้ในโปรแกรม อย่างไรก็ตาม ESET ได้ปล่อยคีย์ถอดรหัสของเวอร์ชันแรกของโปรแกรมเรียกค่าไถ่นี้เรียบร้อยแล้ว ESET บอกว่าโปรแกรมตัวนี้ถูกดัดแปลงมาจากซอร์ซโค้ดที่ถูกอัพโหลดขึ้นไปบน Github โดยผู้พัฒนาตั้งชื่อโปรเจ็คว่า CryDroid และบอกว่ามันเป็นโครงการวิจัย

อ่านข่าวเต็มได้ที่: ZDNet

เพิ่มเติมเสริมข่าว: 

ในวันที่เขียนข่าวนี้ CryDroid ยังเปิดให้ดาวน์โหลดได้ โดยผู้พัฒนามีคำเตือนไว้ใน Github ของตัวเองว่าการเอาโค้ดไปจู่โจมเป้าหมายโดยไม่ได้รับความยินยอมของเป้าหมายถือว่าเป็นการกระทำที่ผิด และผู้พัฒนาขอไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายจากการนำโปรแกรมนี้ไปใช้ในทางที่ผิด

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

อุปกรณ์ในบ้านอัจฉริยะสามารถบอกพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับโรคความจำเสื่อม

นักวิจัยจาก Gonzaga University และ Washington State University ได้พัฒนาขั้นตอนวิธีใหม่ที่จะวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจากอุปกรณ์ในบ้านอัจฉริยะ (Smart Home Devices) เพื่อที่จะวัดความถดถอยในด้านการรับรูู้ของผู้ใช้เมื่อเวลาผ่านไป ขั้นตอนวิธีนี้มีชื่อว่า Behavior Change Detection for Groups (BCD-G) จะวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของคนในบ้าน โดยการทดลองนี้ระบบได้ติดตามพฤติกรรมของคน 14 คน ในบ้านของพวกเขาเองเป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยมี 7 คน จาก 14 คนนี้ที่มีอาการของโรคความจำเสื่อมโดย BCD-G ประเมินกิจกรรม 16 อย่าง ซึ่งรวมถึง การอาบน้ำ ทำอาหาร นอนหลับ ทำงาน และกินยา โดยเปรียบเทียบพฤติกรรมของทั้งสองกลุ่ม โดยเปรียบเทียบคนที่มีอายุและระดับการศึกษาใกล้เคียงกัน นักวิจัยบอกว่าขั้นตอนวิธีนี้ขะวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป ซึ่งข้อมูลนี้จะช่วยให้ผู้ที่ดูแลทราบว่าใครที่มีอาการดีขึ้นหรือแย่ลง

อ่านข่าวเต็มได้ที่: IEEE Spectrum

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เมืองในแคลิฟอร์เนียเป็นที่แรกที่ห้ามใช้ระบบตำรวจแบบทำนายล่วงหน้า

เมือง Santa Cruz ในแคลิฟอร์เนียเป็นเมืองในสหรัฐอเมริกาเมืองแรกที่ห้ามใช้ระบบตำรวจแบบทำนายล่วงหน้า โดยนายกเทศมนตรี Justin Cumming บอกว่ามันเป็นการสร้างอคติที่ไม่เหมาะสมต่อคนผิวสี ระบบตำรวจแบบทำนายล่วงหน้าจะใช้ข้อมูลของตำรวจ วิเคราะห์ข้อมูลการถูกจับคุมหรือข้อมูลทัณฑ์บน หรือการระบุที่ที่อาชญากรรมอาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามมันก็อาจเป็นการส่งเสริมรูปแบบการเหยียดแบบเดิม ๆ ที่ตำรวจใช้กันอยู่ ได้แก้ประวัติที่ถูกจับกุม รายได้ต่ำ ชุมชนคนกลุ่มน้อยมักเป็นจุดที่เกิดอาชญากรรม และก็ส่งตำรวจลงไปตรวจตราที่พื้นที่เหล่านั้นมากกว่าที่อื่น ในขณะเดียวกันสภาเมืองบอสตันได้โหวตให้ห้ามใช้เทคโนโลยีการสอดส่องโดยใช้ใบหน้าอีกด้วย

อ่านข่าวเต็มได้ที่:  Reuters

เพิ่มเติมเสริมข่าว: 

เขียนชื่อข่าวแล้วนึกถึงหนังเรื่อง Minority Report

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563

แปลงภาพสเก็ตช์หน้าให้เป็นรูปถ่ายเหมือนจริง

นักวิจัยจาก  Chinese Academy of Sciences ได้พัฒนา AI ซึ่งช่วยแปลงภาพสเก็ตช์ใบหน้าให้เป็นรูปถ่ายที่เหมือนจริง ซึ่งสามารถแปลงได้แม้ภาพสเก็ตช์จะไม่สมบูรณ์ก็ตาม AI ตัวนี้มีชื่อว่า DeepFaceDrawing โดยหลักการทำงานคือวิเคราะห์รายละเอียดของภาพสเก็ตช์ จากนั้นเอาแต่ละส่วนไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลใบหน้าเพื่อสร้างรูปใบหน้าขึ้นมาเอง นักวิจัยบอกว่าจุดประสงค์ของเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมานี้ เพื่อช่วยให้คนที่ไม่มีทักษะทางการวาดรูปมากนัก สามารถสร้างรูปภาพที่มีคุณภาพที่ดีได้ เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีแบบเก่าที่ต้องใช้นักวาดภาพมืออาชีพจึงจะสร้างรูปภาพที่มีคุณภาพที่ดีได้

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Daily Mail (U.K.)

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563

อูเบอร์และลิฟท์คิดราคาเพิ่มขึ้นถ้าเรียกรถจากย่านที่ไม่ใช่ย่านคนขาว

นักวิจัยจาก George Washington University (GW) พบว่ามีการเหยียดเชื้อชาติเกิดขึ้นในขั้นตอนวิธีของบริษัทที่ให้บริการเรียกรถอย่างอูเบอร์ (Uber) และลิฟต์ (Lyft) โดยพบว่าบริษัทเหล่านี้คิดค่าโดยสารสูงกว่าถ้าจุดที่ต้องไปรับอยู่ในย่านที่มีคนผิวขาวอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ นักวิจัยบอกว่าถึงแม้เชื้อชาติของผู้โดยสารจะไม่ได้อยู่ในข้อมูลการเดินทาง แต่ข้อมูลค่าโดยสารต่อไมล์จะสูงกว่าเมื่อจุดรับส่งอยู่ในย่านที่มีคนผิวขาวอยู่น้อย บ้านมีราคาเฉลี่ยต่ำ หรือระดับการศึกษาเฉลี่ยต่ำ

อ่านข่าวเต็มได้ที่:  New Scientist