วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและวิชาการ
สวัสดีครับ สำหรับวันนี้ผมมีหน่วยงานหน่วยงานหนึ่งมาแนะนำให้รู้จักกันครับ หน่วยงานนี้มีชื่อว่าสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและวิชาการ เคยได้ยินไหมครับ สำหรับผมเพิ่งจะเคยได้ยินเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี่เอง คือในสัปดาห์นี้วันจันทร์ถึงวันพุธผมได้ไปเป็นวิทยากรอบรมเรื่อง UML ให้้กับบุคลากรของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง ในวันพุธซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการอบรม ผมก็ได้ขึ้นไปทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารและได้ไปเจอหน่วยงานนี้มาออกบูธอยู่ (ถ้ามาเริ่มออกวันพฤหัสผมก็คงยังไม่รู้ว่ามีหน่วยงานนี้) ด้วยความที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนก็เลยเดินเข้าไปสอบถามดูเพราะคิดว่าเป็นหน่วยงานเกิดใหม่ แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่ใหม่มากนะครับเพราะเป็นหน่วยงานที่ผ่านพระราชกฤษฎีการเมื่อวันที่ 28 ก.ย. พ.ศ. 2545 และเริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 สำหรับหน่วยงานนี้มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการจัดประชุมและวิชาการในประเทศไทยครับ ฟัง ๆ ดูก็น่าจะคล้าย ๆ กับพวกรับจัดงานแต่งงานหรืองานอีเวนต์ต่างๆ นะครับ โดยจากแผ่นพับที่เขาแจกมาเขามีแพกเกจที่จะช่วยเชิญวิทยากร มีการจัดกิจกรรมสร้างความสามัคีให้กับทีมงาน การตรวจสุขภาพพื้นฐานให้พนักงาน การจัดคาราโอเกะ และอาหารกล่องด้วย สำหรับใครที่สนใจก็เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของหน่วยงานนี้ได้ที่นี่ครับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและวิชาการ แต่เท่าที่ผมเข้าไปดูรู้สึกว่าจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์นะครับ อ้อเขามี twitter ด้วยนะครับคือ @MeetInThailand
วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553
มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยและมุมมองของผมเกี่ยวกับการรับบริจาค
สวัสดีครับผมหายไปไม่ได้เขียนบล็อกเสียนานเลย เหตุผลก็คือไม่ว่างเช่นเดิม จริง ๆ เรื่องที่จะเล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมาแล้วครับ แต่ไม่ว่างมาเขียนเลย ก่อนที่จะดองเอาไว้ให้ผ่านไปเป็นเดือนหรือเป็นปี ก็เลยหาช่องมาเล่าให้ฟังกันซะหน่อยครับ ก่อนอื่นผมจะมาแนะนำให้รู้จักกับมูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์กันครับ หลักการดำเนินงานของมูลนิธิก็คือสร้างครอบครัวให้กับเด็กกำพร้า คือเขาจะปลูกบ้านให้ และหาแม่ให้ สรุปก็คือเด็กกำพร้าเหล่านั้นจะมีบ้านและมีแม่ ถ้าใครสนใจรายละเอียดการดำเนินงานของมูลนิธิก็คลิกเข้าไปดูได้เลยครับ
ผมคิดว่าหลายคนอาจรู้จักมูลนิธินี้อยู่แล้ว แต่ก็คงมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักเช่นผมเป็นต้น ผมได้รู้จักมูลนิธินี้เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วครับ โดยผมตั้งใจจะได้ไปดูอาหารตาที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ผมแวะไปทานข้าว (อาหารกาย) ที่โลตัสลาดพร้าวก่อน และเดินข้ามสะพานลอยหน้าโลตัสมาลงหน้าโรงเรียนหอวังแล้วเดินต่อมาที่เซ็นทรัล ก็ปรากฏว่าได้พบกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิมาขอประชาสัมพันธ์ (จะเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ แต่เอาเป็นอันว่าคิดบวกไว้ก่อนว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงแล้วกัน) ผมก็เลยลองรับฟังดู ก็ได้ทราบว่าจุดประสงค์ของมูลนิธิดังที่ได้บอกไปแล้ว ซึ่งผมฟังดูแล้วก็คิดว่าเป็นโครงการที่ดีมาก และสนใจที่จะช่วยเหลือ แต่ด้วยความที่ไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับมูลนิธินี้มาก่อน ก็เลยบอกว่าจะขอมาศึกษาโครงการดูก่อน และขอพวกเอกสารแผ่นพับ หรือใบบริจาคที่สามารถกรอกและส่งกลับไปทางไปรษณีย์ได้ ปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่มีครับ มีแต่แบบฟอร์มใบบริจาคซึ่งผมจะต้องกรอกและคืนให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งในแบบฟอร์ดังกล่าวผมก็ต้องให้รายละเอียดส่วนตัว และหมายเลขบัตรเครดิต ซึ่งผมไม่สบายใจ และรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะให้ข้อมูลในส่วนนั้น เพราะก็เห็นข่าวกันบ่อย ๆ เรื่องกลโกงทั้งหลาย จะขอใบบริจาคมากรอกและส่งกลับไปเอง เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไม่ได้เพราะมีหมายเลขกำกับไว้ และเมื่อเห็นผมทำท่าไม่เชื่อเขาก็พยายามแสดงจดหมายราชการจากกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมูลนิธินี้ให้ผมดูอีก (ซึ่งเขาคงไม่รู้หรอกว่ายิ่งให้ผมดูเท่าไรแทนที่ผมจะเชื่อผมกลับไม่เชื่อมากขึ้น) ผมถามเขาว่ามูลนิธิมีเว็บไซต์ไหมเขาก็บอกว่ามีผมก็เลยบอกว่างั้นเดี๋ยวผมมาศึกษาข้อมูลจากเว็บ และอาจจะบริจาคผ่านทางหน้าเว็บ ก็ได้รับคำชี้แจงอีกว่าการบริจาคผ่านหน้าเว็บยังไม่สามารถบริจาคได้ อยากจะให้ผมบริจาคไปเลย ซึ่งตอนนั้นในความรู้สึกผมเหมือนกับเขามาขายของและพยายามจะปิดการขายให้ได้ แต่หลังจากนั้นก็พยายามเข้าใจครับว่าเขาคงอยากจะทำยอดบริจาคให้มูลนิธิ แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้บริจาค และกลับมามาค้นข้อมูลจากเว็บก็ได้พบหน้าเว็บไซต์ของมูลนิธิตามที่ได้กล่าวไปในตอนต้นแล้ว
ประเด็นที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นในแง่การประชาสัมพันธ์มูลนิธิหรือโครงการอะไรที่เป็นสาธารณกุศลแบบนี้ในความเห็นของผมก็คือ แทนที่จะให้เจ้าหน้าที่มาเน้นเงินบริจาค ผมว่าน่าจะเน้นประชาสัมพันธ์ให้รู้จักกับโครงการมากกว่า มูลนิธิน่าจะจัดทำแผ่นพับซึ่งมีแบบฟอร์มบริจาคที่สามารถส่งกลับทางไปรษณีย์ได้ หรืออีกวิธีหนึ่งก็อาจจะแนบใบบริจาคมากับใบแจ้งยอดบัตรเครดิต อีกจุดหนึ่งก็คือเรื่องสถานที่ที่เขาไปขอรับบริจาค ถ้าใครมาที่เซ็นทรัลลาดพร้าวบ่อยๆ คงจะทราบนะครับว่า บริเวณทางเดินจากหอวังมาเซ็นทรัลนั้น จะเป็นที่ซึ่งมูลนิธิต่าง ๆ นา ๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาขอรับบริจาค ผมขอใช้คำว่าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนครับ เพราะเหมือนเขาจะตกลงกันไว้จะไม่มาพร้อมกัน เช่นสัปดาห์นี้รับบริจาคเรื่องโลงศพ สัปดาห์ต่อมาจะมีเด็กนักเรียนใส่ชุดนักเรียนเอาตุ๊กตาบ้าง เอาสติ๊กเกอร์บ้างมาขายเป็นต้น ซึ่งเราก็ไม่รู้นะครับว่าที่มายืน ๆ ขอบริจาคกันนี่มันจริงหรือไม่จริง ดังนั้นเมื่อมูลนิธิมาใช้พื้นที่ตรงนี้ก็เลยอาจจะถูกเหมารวมว่าเป็นเรื่องไม่จริงไปด้วย
ส่วนตัวผมจริง ๆ แล้วเรื่องบัตรเครดิตที่กลัวนี่ไม่ได้กลัวว่าเขาจะเอาไปซื้ออะไรเยอะแยะหรอกครับ กลัวเขาจะโทรกลับมาด่าเอาว่าเสียเวลาพูดล่อหลอกอยู่ตั้งนานแม่..มีวงเงินในบัตรแค่นี้เองเหรอ...
ผมคิดว่าหลายคนอาจรู้จักมูลนิธินี้อยู่แล้ว แต่ก็คงมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักเช่นผมเป็นต้น ผมได้รู้จักมูลนิธินี้เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วครับ โดยผมตั้งใจจะได้ไปดูอาหารตาที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ผมแวะไปทานข้าว (อาหารกาย) ที่โลตัสลาดพร้าวก่อน และเดินข้ามสะพานลอยหน้าโลตัสมาลงหน้าโรงเรียนหอวังแล้วเดินต่อมาที่เซ็นทรัล ก็ปรากฏว่าได้พบกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิมาขอประชาสัมพันธ์ (จะเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ แต่เอาเป็นอันว่าคิดบวกไว้ก่อนว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงแล้วกัน) ผมก็เลยลองรับฟังดู ก็ได้ทราบว่าจุดประสงค์ของมูลนิธิดังที่ได้บอกไปแล้ว ซึ่งผมฟังดูแล้วก็คิดว่าเป็นโครงการที่ดีมาก และสนใจที่จะช่วยเหลือ แต่ด้วยความที่ไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับมูลนิธินี้มาก่อน ก็เลยบอกว่าจะขอมาศึกษาโครงการดูก่อน และขอพวกเอกสารแผ่นพับ หรือใบบริจาคที่สามารถกรอกและส่งกลับไปทางไปรษณีย์ได้ ปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่มีครับ มีแต่แบบฟอร์มใบบริจาคซึ่งผมจะต้องกรอกและคืนให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งในแบบฟอร์ดังกล่าวผมก็ต้องให้รายละเอียดส่วนตัว และหมายเลขบัตรเครดิต ซึ่งผมไม่สบายใจ และรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะให้ข้อมูลในส่วนนั้น เพราะก็เห็นข่าวกันบ่อย ๆ เรื่องกลโกงทั้งหลาย จะขอใบบริจาคมากรอกและส่งกลับไปเอง เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไม่ได้เพราะมีหมายเลขกำกับไว้ และเมื่อเห็นผมทำท่าไม่เชื่อเขาก็พยายามแสดงจดหมายราชการจากกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมูลนิธินี้ให้ผมดูอีก (ซึ่งเขาคงไม่รู้หรอกว่ายิ่งให้ผมดูเท่าไรแทนที่ผมจะเชื่อผมกลับไม่เชื่อมากขึ้น) ผมถามเขาว่ามูลนิธิมีเว็บไซต์ไหมเขาก็บอกว่ามีผมก็เลยบอกว่างั้นเดี๋ยวผมมาศึกษาข้อมูลจากเว็บ และอาจจะบริจาคผ่านทางหน้าเว็บ ก็ได้รับคำชี้แจงอีกว่าการบริจาคผ่านหน้าเว็บยังไม่สามารถบริจาคได้ อยากจะให้ผมบริจาคไปเลย ซึ่งตอนนั้นในความรู้สึกผมเหมือนกับเขามาขายของและพยายามจะปิดการขายให้ได้ แต่หลังจากนั้นก็พยายามเข้าใจครับว่าเขาคงอยากจะทำยอดบริจาคให้มูลนิธิ แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้บริจาค และกลับมามาค้นข้อมูลจากเว็บก็ได้พบหน้าเว็บไซต์ของมูลนิธิตามที่ได้กล่าวไปในตอนต้นแล้ว
ประเด็นที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นในแง่การประชาสัมพันธ์มูลนิธิหรือโครงการอะไรที่เป็นสาธารณกุศลแบบนี้ในความเห็นของผมก็คือ แทนที่จะให้เจ้าหน้าที่มาเน้นเงินบริจาค ผมว่าน่าจะเน้นประชาสัมพันธ์ให้รู้จักกับโครงการมากกว่า มูลนิธิน่าจะจัดทำแผ่นพับซึ่งมีแบบฟอร์มบริจาคที่สามารถส่งกลับทางไปรษณีย์ได้ หรืออีกวิธีหนึ่งก็อาจจะแนบใบบริจาคมากับใบแจ้งยอดบัตรเครดิต อีกจุดหนึ่งก็คือเรื่องสถานที่ที่เขาไปขอรับบริจาค ถ้าใครมาที่เซ็นทรัลลาดพร้าวบ่อยๆ คงจะทราบนะครับว่า บริเวณทางเดินจากหอวังมาเซ็นทรัลนั้น จะเป็นที่ซึ่งมูลนิธิต่าง ๆ นา ๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาขอรับบริจาค ผมขอใช้คำว่าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนครับ เพราะเหมือนเขาจะตกลงกันไว้จะไม่มาพร้อมกัน เช่นสัปดาห์นี้รับบริจาคเรื่องโลงศพ สัปดาห์ต่อมาจะมีเด็กนักเรียนใส่ชุดนักเรียนเอาตุ๊กตาบ้าง เอาสติ๊กเกอร์บ้างมาขายเป็นต้น ซึ่งเราก็ไม่รู้นะครับว่าที่มายืน ๆ ขอบริจาคกันนี่มันจริงหรือไม่จริง ดังนั้นเมื่อมูลนิธิมาใช้พื้นที่ตรงนี้ก็เลยอาจจะถูกเหมารวมว่าเป็นเรื่องไม่จริงไปด้วย
ส่วนตัวผมจริง ๆ แล้วเรื่องบัตรเครดิตที่กลัวนี่ไม่ได้กลัวว่าเขาจะเอาไปซื้ออะไรเยอะแยะหรอกครับ กลัวเขาจะโทรกลับมาด่าเอาว่าเสียเวลาพูดล่อหลอกอยู่ตั้งนานแม่..มีวงเงินในบัตรแค่นี้เองเหรอ...
วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
หุ่นยนตร์หกขาสำหรับตลุยดาวอังคาร
NASA กำลังพัฒนาหุ่นยนตร์หกขามีชื่อว่า Athlete ซึ่งจะเดินหรือเลื่อนไปก็ได้ ซึ่งจุดเด่นของมันก็คือสามารถที่จะเคลื่อนที่ได้บนสภาพแวดล้อมได้หลากหลายรูปแบบ โดยจุดประสงค์หลักในการสร้างมันขึ้นมาคือนำไปใช้ช่วยสร้างที่อยู่สำหรับนักบินอวกาศที่บนดาวอังคาร ใครสนใจดูรูปหุ่นยนต์ตัวนี้ดูได้จากบทความที่มาครับ
Computer World
Computer World
วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
แนวคิดการโปรแกรมให้ทำงานแบบพอเพียง
สำหรับนักเขียนโปรแกรมทุกคนคงทราบดีนะครับว่าโปรแกรมที่มีการทำงานนาน ๆ มักจะมีการทำงานแบบวนรอบ (loop) นักวิจัยจาก Massachusetts Institute of Technology (MIT) ได้คิดวิธีการที่จะลดเวลาในการทำงานของโปรแกรมโดยพัฒนาระบบอัจฉริยะซึ่งจะหาจุดในส่วนของการวนรอบในโปรแกรมที่สามารถที่จะข้ามไปได้โดยไม่เกิดความเสียหาย วิธีนี้มีชื่อว่า "loop perforiation" โดยนักวิจัยได้ทดสอบวิธีการกับการส่งวีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งวิธีการดังกล่าวสามารถลดเวลาในการเข้ารหัสลงไปได้ถึงครึ่งหนึ่งโดยไม่มีผลที่เห็นได้ชัดกับคุณภาพของวีดีโอ นักวิจัยบอกว่าระบบนี้ยังสามารถนำไปใช้กับข้อมูลที่มีขนาดใหญ่เช่นกลไกการให้คำแนะนำบนเว็บไซต์
ที่มา MIT News
ที่มา MIT News
หุ่นยนตร์ชีวภาพ
นักวิจัยที่ทำงานเป็นอิสระจากกันสองทีม ทีมแรกหัวหน้าทีมคือคุณ Milan Stojanovic ซึ่งเป็นนักชีวเคมีจาก Columbia University ทีมที่สองนำโดยคุณ Nadrian Seeman นักเคมีจาก New York University ได้พัฒนาแนวคิดที่คล้าย ๆ กันคือสร้างหุ่นยนต์จากโมเลกุล DNA คือเป็นหุ่นยนตร์ชีวภาพที่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามคำสั่งที่ได้รับมา โดยคำสั่งจะสร้างจากองค์ประกอบทางเคมี
ที่มา The Wall Street Journal
ที่มา The Wall Street Journal
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)