วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

หุ่นยนต์ AI กำลังจะได้รับบทนำในหนัง Sci-Fi

ภาพยนต์เชิงวิทยาศาสตร์ที่จะเข้าฉายให้เราดูกัน ได้นำหุ่นยนต์เหมือนคนมารับบทนำเป็นครั้งแรกในภาพยนต์ หุ่นยนต์ตัวนี้มีชื่อว่า Erica ถูกสร้างโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นสองคนคือ Hiroshi Ishiguro และ Kohei Ogawa ผู้อำนวยการสร้างคือ Sam Khoze บอกว่า "เธอ (หุ่นยนต์ Erica) ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับบทนี้โดยเฉพาะ เราจำลองการเคลือนไหวและอารมณ์ของเธอ แบบหนึ่งฉากต่อหนึ่งฉาก เช่นควบคุมความเร็วของการเคลื่อนไหว การพูดออกมาจากอารมณ์ สอนการพัฒนาการคุณลักษณะ และภาษากาย" หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า b มีทุนสร้าง $70 ล้านเหรียญ โดยกำหนดฉายยังไม่ระบุ แต่จะไม่เร็วกว่าปลายปีหน้า ลักษณะหน้าตาของหุ่นยนต์ดูได้จากข่าวเต็มครับ

อ่านข่าวเต็มได้ที่: Popular Mechanics

วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

สร้อยคอจาก NASA ช่วยสู้ COVID

นักวิจัยจากNational Aeronautics and Space Administration (NASA) Jet Propulsion Laboratory ได้พัฒนาสร้อยคอซึ่งถูกพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ โดยสร้อยคอนี้มีเซ็นเซอร์ที่จะทำให้สร้อยคอสั่นเมื่อตรวจจับได้ว่าคนใส่กำลังจะเอามือแตะหน้า โดยจะยิ่งสั่นแรงขึ้นเมื่อมือเข้าใกล้หน้ามากขึ้น NASA บอกว่าสร้อยคอนี้สร้างง่ายและเข้าถึงได้ง่าย โดยวิธีการสร้างและรายการของชิ้นส่วนที่จำเป็นในการสร้าง มีการเปิดเผยเป็นสาธารณะให้คนที่ต้องการสร้างไปใช้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับรูปภาพ วีดีโอแสดงการใช้งาน และลิงก์การสร้างดูได้จากข่าวเต็มครับ

อ่านข่าวเต็มได้ที่: CNet

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

โปรแกรมเรียกค่าไถ่ปลอมตัวเป็นโปรแกรมติดตาม COVID

นักวิจัยจาก ESET ซึ่งเป็นบริษัทด้านความมั่นคลในซโลวัค บอกว่าผู้โจมตีทางไซเบอร์ได้ปล่อยแอปซึ่งเป็นมัลแวร์ลงบนที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ผ่านทางเว็บไซต์ (ซึ่งปัจจุบันเข่้าถึงไม่ได้แล้ว) โดยบอกว่ามันคือแอปอย่างเป็นทางการของแคนาดาสำหรับการติดตามผู้ที่มีการสัมผัสกับคนที่เป็น COVID-19  จริง ๆ แล้วแอปตัวจริงยังไม่ปล่อยออกมา โดยจะปล่อยออกมาเร็วที่สุดเดือนหน้า แอปปลอมตัวนี้จะติดตั้งโปรแกรมเรียกค่าไถ่ชื่อ CryCryptor ลงบนเครื่องของเหยื่อ และจะเข้ารหัสไฟล์บนเครื่อง โดยจะเข้ารหัสไฟล์ที่มีนามสกุล (ส่วนขยาย) ตามที่กำหนดไว้ในโปรแกรม อย่างไรก็ตาม ESET ได้ปล่อยคีย์ถอดรหัสของเวอร์ชันแรกของโปรแกรมเรียกค่าไถ่นี้เรียบร้อยแล้ว ESET บอกว่าโปรแกรมตัวนี้ถูกดัดแปลงมาจากซอร์ซโค้ดที่ถูกอัพโหลดขึ้นไปบน Github โดยผู้พัฒนาตั้งชื่อโปรเจ็คว่า CryDroid และบอกว่ามันเป็นโครงการวิจัย

อ่านข่าวเต็มได้ที่: ZDNet

เพิ่มเติมเสริมข่าว: 

ในวันที่เขียนข่าวนี้ CryDroid ยังเปิดให้ดาวน์โหลดได้ โดยผู้พัฒนามีคำเตือนไว้ใน Github ของตัวเองว่าการเอาโค้ดไปจู่โจมเป้าหมายโดยไม่ได้รับความยินยอมของเป้าหมายถือว่าเป็นการกระทำที่ผิด และผู้พัฒนาขอไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายจากการนำโปรแกรมนี้ไปใช้ในทางที่ผิด

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

อุปกรณ์ในบ้านอัจฉริยะสามารถบอกพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับโรคความจำเสื่อม

นักวิจัยจาก Gonzaga University และ Washington State University ได้พัฒนาขั้นตอนวิธีใหม่ที่จะวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจากอุปกรณ์ในบ้านอัจฉริยะ (Smart Home Devices) เพื่อที่จะวัดความถดถอยในด้านการรับรูู้ของผู้ใช้เมื่อเวลาผ่านไป ขั้นตอนวิธีนี้มีชื่อว่า Behavior Change Detection for Groups (BCD-G) จะวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของคนในบ้าน โดยการทดลองนี้ระบบได้ติดตามพฤติกรรมของคน 14 คน ในบ้านของพวกเขาเองเป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยมี 7 คน จาก 14 คนนี้ที่มีอาการของโรคความจำเสื่อมโดย BCD-G ประเมินกิจกรรม 16 อย่าง ซึ่งรวมถึง การอาบน้ำ ทำอาหาร นอนหลับ ทำงาน และกินยา โดยเปรียบเทียบพฤติกรรมของทั้งสองกลุ่ม โดยเปรียบเทียบคนที่มีอายุและระดับการศึกษาใกล้เคียงกัน นักวิจัยบอกว่าขั้นตอนวิธีนี้ขะวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป ซึ่งข้อมูลนี้จะช่วยให้ผู้ที่ดูแลทราบว่าใครที่มีอาการดีขึ้นหรือแย่ลง

อ่านข่าวเต็มได้ที่: IEEE Spectrum

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เมืองในแคลิฟอร์เนียเป็นที่แรกที่ห้ามใช้ระบบตำรวจแบบทำนายล่วงหน้า

เมือง Santa Cruz ในแคลิฟอร์เนียเป็นเมืองในสหรัฐอเมริกาเมืองแรกที่ห้ามใช้ระบบตำรวจแบบทำนายล่วงหน้า โดยนายกเทศมนตรี Justin Cumming บอกว่ามันเป็นการสร้างอคติที่ไม่เหมาะสมต่อคนผิวสี ระบบตำรวจแบบทำนายล่วงหน้าจะใช้ข้อมูลของตำรวจ วิเคราะห์ข้อมูลการถูกจับคุมหรือข้อมูลทัณฑ์บน หรือการระบุที่ที่อาชญากรรมอาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามมันก็อาจเป็นการส่งเสริมรูปแบบการเหยียดแบบเดิม ๆ ที่ตำรวจใช้กันอยู่ ได้แก้ประวัติที่ถูกจับกุม รายได้ต่ำ ชุมชนคนกลุ่มน้อยมักเป็นจุดที่เกิดอาชญากรรม และก็ส่งตำรวจลงไปตรวจตราที่พื้นที่เหล่านั้นมากกว่าที่อื่น ในขณะเดียวกันสภาเมืองบอสตันได้โหวตให้ห้ามใช้เทคโนโลยีการสอดส่องโดยใช้ใบหน้าอีกด้วย

อ่านข่าวเต็มได้ที่:  Reuters

เพิ่มเติมเสริมข่าว: 

เขียนชื่อข่าวแล้วนึกถึงหนังเรื่อง Minority Report