วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เทคนิคใหม่ในการขโมยข้อมูล

มีเรื่องราวที่น่าสนใจและเป็นการเตือนสำหรับผู้มีความลับมาเล่าให้ฟัง แหล่งที่มา http://www.computerworld.com/action/article.do?command=viewArticleBasic&articleId=009086558&intsrc=hm_list
ประเด็นก็คือนักวิจัยที่ University of California, Santa Barbara (UCSB) และ Saarland University ในSaarbrucken ประเทศเยอรมัน ได้คิดค้นวิธีการใหม่ ๆ ที่จะขโมยข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ (ต่างคนต่างคิดนะครับไม่ได้ช่วยกัน) โดยที่ Saarbrucken จะใช้วิธีอ่านข้อมูลหน้าจอคอมพิวเตอร์ จากวัตถุที่สามารถสะท้อนแสงได้ เช่นกระจก หรือกาน้ำชา (แบบที่ผิวมัน ๆ นะครับ) โดยโครงการนี้นี่มีที่มาจากความคิดสนุก ๆ ของนักวิจัยครับ โดยพวกเขาอยากจะทดลองว่าเขาจะรู้ได้ไหมว่าใครกำลังใช้คอมพิวเตอร์ทำอะไร โดยแอบดูจากกระจกที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ จอคอมพิวเตอร์ และเขาก็ได้ข้อสรุปครับว่า ถ้าใช้กล้องโทรทัศน์ราคาประมาณ 15000 บาท ($500) โฟกัสไปที่วัตถุที่สามารถสะท้อนแสงได้ที่ตั้งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ จะทำให้สามารถสร้างภาพของเอกสาร Ms Word ที่อยู่บนหน้าจอได้ ตอนนี้เขากำลังทำวิจัยขั้นต่อไปครับคือคิดค้นขั้นตอนวิธีวิเคราะห์รูปภาพแบบใหม่ ๆ และใช้กล้องดูดาวเข้ามาช่วย โดยมีความหวังว่าต่อไปจะสามารถดูภาพสะท้อนจากพื้นพิวที่มีความยากขึ้นเช่นตาของคนเราครับ ส่วนใน UCSB ได้พัฒนาโปรแกรมชื่อ Clear shot ซึ่งเป็นโปรแกรมที่จะวิเคราะห์วีดีโอที่บันทึกความเคลื่อนไหวของร่างกายเราในตอนกดแป้นพิมพ์ แล้วโปรแกรมจะบอกได้ว่าเราพิมพ์อะไรบ้าง ซึ่งที่มาของชื่อโปรแกรม Clear Shot นั้นมาจากหนังเรื่อง Sneakers นำแสดงโดย Robert Redford สักประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วครับ มาฉายที่ประเทศไทยด้วย ผมก็ได้ดูครับ สนุกดีตามสไตล์ฮอลลีวูดครับ (ชักนอกเรื่องแล้วกลับมาดีกว่า) คือพระเอกของเรื่องก็กำลังทำสิ่งเดียวกับที่โปรแกรมนี้ทำอยู่ครับ คือดูวีดีโอและพยายามวิเคราะห์ว่ารหัสผ่านที่คนกำลังพิมพ์อยู่คืออะไร และพระเอกก็บอกว่าเอาละตอนนี้กำลังจะได้ clear shot แล้ว ตอนนี้โปรแกรม Clear Shot นี่ทำงานได้เที่ยงตรงประมาณร้อยละ 40 ครับ
สิ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจจากเรื่องนี้มีสองประเด็นครับ แน่นอนครับประเด็นแรกคือประเด็นเกี่ยวกับความปลอดภัย นับวันจะเห็นว่ามีวิธีการต่าง ๆ ที่จะขโมยข้อมูลมากขึ้น ก็ให้เรารู้เท่าทันไว้ครับ ซึ่งผมคิดว่าเราคงยังไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้มากนัก ผมว่ามันเหมาะกับพวกสายลับมากกว่า แต่ผมว่าสิ่งที่เราต้องทำเกี่ยวกับการรักษาข้อมูลของเราก็คือเรื่องที่ทำได้ใกล้ ๆ ตัว เช่นหมั่นปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสให้กับโปรแกรมป้องกันไวรัส ตั้งรหัสผ่านให้มีความซับซ้อนมากขึ้น ไม่บอกรหัสผ่านกับใคร เป็นต้น
อีกประเด็นที่ผมคิดว่าน่าสนใจกว่าก็คือ ผมอยากให้ดูวิธีการคิดของนักวิจัยเหล่านี้ครับ จะเห็นว่าเขาหยิบยกเอาเรื่องใกล้ ๆ ตัว เรื่องที่พวกเรามองข้าม หรือเรื่องที่เป็นความสนุกเช่นการดูหนัง นำมาทำวิจัยเป็นเรื่องเป็นราวได้ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ผมเชื่อว่าถ้าเด็กไทยเราได้รับการฝึกฝนก็จะสามารถทำได้เช่นกันครับ เช่นเด็กไทยที่ไปคว้ารางวัลโครงการวิทยาศาสตร์ระดับโลกเช่น การเดินของกิ้งกือ หรือการหุบของใบไมยราบ (จำชื่อโครงการจริง ๆ ไม่ได้ ถ้าผิดก็ขออภัย)
เรามาลองคิดงานวิจัยอะไรสนุก ๆ กันดูดีไหมครับ ...