แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ #ศรัณย์วันศุกร์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ #ศรัณย์วันศุกร์ แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

คนเฒ่าเล่าความหลังช่วงไปเรียนที่อเมริกา

เมื่อสองสามวันก่อนจัดบ้านเคลียร์ของเก่า ๆ ทิ้งก็ไปเจอสมุดเช็คของตัวเองสมัยตอนเรียนอยู่อเมริกานับมาถึงตอนนี้ก็ 23 ปีแล้วครับ นี่คือหน้าตาของเช็คครับ




แล้วมันก็ทำให้นึกถึงเรื่องขำ ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมาครับ คือนักเรียนทุนเมื่อไปถึงอเมริกาแล้วจะต้องไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อให้โอนเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ ซึ่งธนาคารที่อยู่ใกล้อพาร์ทเมนท์ที่ผมอยู่ที่สุดก็คือ Chevy Chase (ตอนนี้ถูก takeover โดย Capital One ไปแล้วครับ) ตอนเห็นชื่อธนาคาร ผมก็นึกขำ ธนาคารนี้ชื่อเหมือนดาราคนนึงเลย อ.วีระ ที่งานวิจัยป.เอกของอาจารย์เป็นรากฐานของ Siri เป็นคนพาผมไปเปิดบัญชีที่ธนาคาร คืออ.วีระ ไปเรียนก่อนผมประมาณ 1 เทอม เราก็ไปที่ธนาคาร ไปรอที่จะเปิดบัญชี คนที่จะให้บริการผมนี่เป็นสาวหน้าตาเหมือนคนเอเชีย ดู ๆ ไปออกไปทางเวียดนามหรือจีน ก่อนที่เธอจะให้บริการผม ก็มีคนเอาเหรียญมาให้เธอ เธอก็ค่อย ๆ ละเลียดนับ อ.วีระก็เริ่มบ่นเธอกับผมทันทีด้วยเสียงค่อนข้างดังประมาณว่าดูยายนี่สิ นับอยู่ได้ แทนที่จะให้บริการก่อน จริง ๆ ผมก็เห็นด้วยกับอ.วีระแหละครับ แต่ก่อนจะตอบอะไรไป ผมบังเอิญเหลือบไปเห็นป้ายชื่อเธอเข้า มันเหมือนชื่อคนไทย ก็เลยบอกอ.วีระไปว่า สงสัยคนไทยนะ อ.วีระก็บอกว่าไม่ใช่หรอก มาธนาคารนี้ตั้งหลายครั้งแล้ว พอเธอจัดการเหรียญเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วพูดไทยชัดแจ๋วว่า "เชิญค่ะ" ผมก็อึ้งไปนิดหนึ่งหันมามองข้าง ๆ ไม่เห็นอ.วีระแล้วครับ แกออกจากธนาคารไปเร็วมาก :) ก็ได้คุยกับเธอช่วงเปิดบัญชีว่าเธอเป็นคนไทย แต่พ่อแม่เธอมาตั้งรกรากอยู่ที่อเมริกา เธอเกิดและโตที่อเมริกา เป็นอเมริกันเต็มตัว นึกดีใจนิด ๆ ว่ายังไม่ได้นินทาอะไรเธอไป งั้นคงอึดอัดพึลึก เป็นอันว่าไปเปิดบัญชีธนาคารนึกว่าจะได้พูดภาษาอังกฤษก็ได้พูดไทยซะงั้น และก็เป็นบัญชีเดียวที่ผมเปิดที่นี่ด้วย ส่วนหลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องมีเช็คด้วย เพราะช่วงที่ผมไปอยู่ คนอเมริกันเขานิยมใข้เข็คกันนะครับ แรก ๆ ที่ไปไม่มีบัตรเครดิต จ่ายทุกอย่างตั้งแต่ค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ จนไปถึงซื้อของตามร้าน ตามห้าง ก็ใช้เช็คนี่แหละครับ  

พูดถึงบัตรเครดิต ก็เล่าให้ฟังเพิ่มอีกนิดแล้วกันครับ บัตรเครดิตใบแรกที่ได้นี่หลังจากไปอยู่อเมริกาได้สักเทอมหนึ่งนะครับ เป็นของ Citi Bank เท่าที่จำได้คือเดินอยู่ในมหาวิทยาลัย แล้วเห็นเขามาเปิดบูธให้สมัคร แล้วแจกเสื้อคนสมัคร บอกตามตรงว่าผมไม่คิดว่าจะได้บัตรนะครับ เพราะอยู่เมืองไทยกว่าจะสมัครบัตรเครดิตได้นี่ยากมาก ของไทยนี่บัตรใบแรกเป็นของกสิกรไทย และต้องแนบเอกสารการเงิน ซึ่งเงินเดือนข้าราชการตอนที่เข้ามาเริ่มทำงานอยู่ที่ 6000 บาทนิด ๆ สมัครไม่ผ่านแน่ ต้องไปขอให้ที่ที่ไปทำงานพิเศษเขาออกหนังสือรับรองเงินเดือนให้ ถึงจะได้มา ดังนั้นที่เดินเข้าไปสมัคร บอกตรง ๆ เลยว่าอยากได้เสื้อ ก็กรอกใบสมัครไป แล้วเชื่อไหมครับว่าไม่ต้องแนบเอกสารอะไรเลย ถ้าเป็นเมืองไทยนี่คงถ่ายเอกสารกันเยอะแยะ แล้วก็ได้เสื้อมา ซึ่งเสื้อที่ได้มาผ่านมา 23 ปีแล้วก็ยังใส่อยู่นะครับ มันดูไม่เก่าเลย และบัตรเครดิตก็สมัครผ่านอีกต่างหากครับ พอได้มาก็เลยไม่ประหลาดใจเลยครับว่าทำไมคนอเมริกันถึงเป็นหนี้บัตรเครดิตกันเยอะ มันสมัครง่ายแบบนี้นี่เอง หลังจากนั้นผมยังสมัครบัตรเครดิตเพิ่มได้อีกสองใบครับ รวมถึงสมัครบัตรเสริมให้คุณภรรยาอีก ไปอยู่อเมริกาไม่ถึงปี มีบัตรเครดิต 3 ใบ และถ้าสมัครเพิ่มอีกคงได้อีก จนคุณภรรยาต้องเบรกว่าจะสมัครไปทำไมเยอะแยะ ก็เลยหยุด สงสัยเก็บกดครับ อยู่เมืองไทยสมัครยากเย็นเหลือเกิน :)

ศุกร์นี้ก็ไม่มีสาระอะไรนะครับ ถ้าใครอ่านถึงตรงนี้ก็นึกซะว่ามาฟังคนแก่เล่าความหลังให้ฟังแล้วกันครับ จริง ๆ พอเห็นเช็คนี้ ก็คิดถึงเรื่องสนุก ๆ ตอนเรียนอยู่อเมริกาหลายเรื่องนะครับ เอาไว้มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังกันอีกครับ 

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ช่วงกักตัวไปฝึกเต้นรำกันครับ

บล็อกวันนี้อาจจะเรียกว่าต่อเนื่องจากศุกร์ที่แล้วก็ได้นะครับ เมื่อศุกร์ที่แล้วผมชวนไปฟังเพลง Tennessee Waltz ซึ่งเป็นเพลงเก่า และเป็นเพลงช้า ๆ แต่เมื่อผมไปค้นวีดีโอจาก YouTube เพื่อเอามาประกอบบล็อก ก็เลยได้พบว่า เพลง Tennessee Waltz ถูกนำไป cover ใหม่ในเยอรมัน โดยนักร้องชื่อ Ireen Sheer ซึ่งเพลง Tennessee Waltz ถูกนำไปทำให้กลายเป็นเพลงที่มีจังหวะเต้นรำ และถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบการเต้นที่เรียกว่า Line Dance จากที่พบค้นดูใน Youtube พบว่าการเต้นเพลงนี้ค่อนข้างจะเป็นที่นิมในเกาหลีใต้นะครับ เพราะวีดีโอใน YouTube ส่วนใหญ่ที่ผมเจอจะมาจากเกาหลีใต้ ลองไปฟังและไปดูกันครับ และอาจลองหัดเต้นตามกันดูก็ได้นะครับถ้าใครยังต้องอยู่บ้านแล้วรู้สึกเบื่อ 





  

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ฟังเพลง Tennessee Waltz กันครับ

ไม่ได้ฟังเพลงกันมาหลายสัปดาห์แล้วนะครับ วันนี้มาฟังเพลงกันหน่อยดีกว่า ก็เหมือนกับหลาย ๆ เพลงที่ผมเคยเอามาโพสต์ครับ คืออยู่ ๆ เพลงนี้ก็กลับเข้ามาเล่นซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวผม ซึ่งเพลง Tennessee Waltz นี้จัดว่าเป็นเพลงอมตะมากนะครับ จากที่ผมไปค้นข้อมูลมาได้ความว่าเพลงนี้เขียนขึ้นในปี 1946 และออกวางขายในปี 1948 ก่อนผมเกิดหลายปีมาก โดยเพลงนี้มาดังมากและขายได้หลายล้าน (อะไรดี ไม่รู้สมัยนั้นเขาใช้อะไร น่าจะเป็นแผ่นนะครับ) แผ่น จากการร้องของ Patti Page และก็ยังมีการนำกลับมาร้องกันจนถึงทุกวันนี้

เพลงก็มีเนื่้อหาง่าย ๆ ฟังสบาย ๆ ครับ ไปฟังเพลงกันดีกว่าครับ




I was dancing with my darling to the Tennessee Waltz
When an old friend I happened to see
I introduced her (him) to my loved one
And while they were dancing
My friend stole my sweetheart from me
I remember the night and the Tennessee Waltz
Now I know just how much I have lost
Yes, I lost my little darling the night they were playing
The beautiful Tennessee Waltz

*เนื้อเพลงสามารถปรับเปลี่ยนตามเพศของคนร้องได้ง่าย ๆ จาก her เป็น him ถ้าคนร้องเป็นผู้ชาย 

ฉันกำลังเต้นรำอยู่กับสุดที่รักของฉันภายใต้บทเพลง Tennessee Waltz   
เมื่อบังเอิญเห็นเพื่อนเก่าของฉันผ่านเข้ามา
ฉันแนะนำเธอ(เขา)ให้รู้จักกับที่รักของฉัน
และในขณะที่พวกเขาเต้นรำกัน
เพื่อนของฉันก็ได้พรากสุดที่รักของฉันไปจากฉัน

ฉันยังจำค่ำคืนและเพลง Tennessee Waltz นั้นได้แจ่มชัด
และตอนนี้ฉันก็ได้รู้แล้วว่าฉันได้สูญเสียไปมากแค่ไหน
ใช่ฉันได้เสียสุดที่รักของฉันไป ในค่ำคืนที่พวกเขา (วงดนตรี) กำลังเล่นเพลง
Tennessee Waltz ที่เพราะจับใจ



วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558

จตุรัสกล เอ็งโกว และการทบทวนวรรณกรรม

ผมไม่ได้เขียนบล็อกพูดคุยเรื่องอะไรมาซะนานเลยนะครับ หลัง ๆ ก็จะเขียนสรุปข่าวมากกว่า เพราะใช้เวลาน้อยกว่า แต่เอาเข้าจริง ๆ แม้แต่สรุปข่าวหลัง ๆ ก็ไม่ได้เขียน ไม่รู้เวลามันหายไปไหนหมด หรือบริหารไม่ดีไม่รู้ เอาเถอะไหน ๆ วันนี้ก็เขียนแล้ว ก็เลิกบ่นตัวเองดีกว่าเนอะครับ

เห็นหัวข้อวันนี้แล้วก็อาจจะงงนะครับว่าวันนี้ผมจะพูดคุยเรื่องอะไร เรื่องของเรื่องก็คือผมกำลังเตรียมเรื่องที่จะพูดในวันปฐมนิเทศของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยที่ผมสอนอยู่ ซึ่งหัวข้อที่จะพูดอันหนึ่งก็คือเรื่องความสำคัญของการทบทวนวรรณกรรมในการทำวิจัย ซึ่งความสำคัญของการทบทวนวรรณกรรมประการหนึ่งก็คือเราจะได้รู้ว่าใครทำอะไรไปบ้างแล้ว เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปทำงานซ้ำกับเขาอีก ก็เลยคิดว่าเอามาเขียนลงบล็อกด้วยก็น่าจะดี

นั่งคิดอยู่สักครู่ว่าจะยกตัวอย่างอะไรดีนะให้เข้าใจง่าย ๆ ในหัวมันก็แว่บขึ้นมาถึงฉากหนึ่งในเรื่องมังกรหยก ภาคของก๊วยเจ๋ง (ก๊วยเจ๋งยอดวีรบุรุษ) ไม่ทราบว่าพวกเรายังมีใครอ่านเรื่องนี้กันบ้างไหมครับ หรือคงเคยดูหนัง ดูซีรีย์เรื่องนี้กันมาบ้างมั้งครับ เพราะสร้างมาไม่รู้กี่รอบแล้ว ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก (จนตอนนี้เด็กที่ตัวเองมีก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ยังสร้างอยู่) รู้สึกว่าคนส่วนใหญ่จะประทับใจภาคเอี้ยก้วยมากกว่า แต่ส่วนตัวผมชอบภาคก๊วยเจ๋งที่สุด จริง ๆ ก๊วยเจ๋งนี่เป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่ไม่ได้ฉลาดเป็นอัจฉริยะ แต่ขยันและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอนะครับ จนในที่สุดก็ก้าวขึ้นมาเป็นยอดฝีมือที่เก่งที่สุด เทียบกับแฟน (ภรรยา) ของเขาคืออึ้งย้ง ซึ่งฉลาดมาก แต่ความพยายามไม่มีเท่า ซึ่งก็อาจเป็นเพราะมีทั้งพ่อทั้งแฟนที่เก่งอยู่แล้ว ก็เลยไม่สนใจที่จะต้องพยายามอะไรมากมาย ดังนั้นนักวิจัยทั้งหลายก็ควรจะเอานิสัยของก๊วยเจ๋งมาใช้นะครับ

ชักนอกเรื่องแล้วกลับมาต่อครับ เอาเป็นว่าก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้ง (ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากฝ่ามือเหล็กลอยน้ำ ฮิวโชยยิ่ม) ทำให้ก๊วยเจ๋งต้องแบกอึ้งย้งหลบหนี จนหลบเข้าไปยังที่พักของเอ็งโกว ซึ่งเรียกตัวเองว่าเทพคำนวณ และสร้างค่ายคูประตูกลป้องกันที่พักตัวเองเอาไว้ (รายละเอียดว่าเอ็งโกวทำไมต้องมาเก็บตัวอยู่นี่ ใครสนใจก็คงต้องไปอ่านหนังสือเอานะครับ รับรองสนุกมาก ขืนเล่าหมดบล็อกนี้จะกลายเป็นเล่าเรื่องมังกรหยกไป) ซึ่งค่ายคูประตูกลของเอ็งโกวย่อมไม่สามารถป้องกันความสามารถของอึ้งย้ง ซึ่งศึกษาค่ายคูประตูกลมาตั้งแต่เด็กได้ บวกกับวิชาตัวเบาของก๊วยเจ๋งซึ่งเทพมาก ทำให้ทั้งคู่เข้ามายังที่อยู่ของเอ็งโกวได้ จากนั้นอึ้งย้งยังได้แสดงความสามารถทางคณิตศาสตร์ จนเทพคำนวณหงอยไปเลย คราวนี้เอ็งโกวก็นึกขึ้นได้ว่า มันต้องมีอันนี้แหละที่จะเอาชนะอึ้งย้งได้ ก็ตั้งคำถามท้าทายอึ้งยงดังนี้ครับ

"หากจัดเรียงหนึ่งถึงเก้าเป็นสามแถว ไม่ว่านับทางแนวขวางและแนวทแยง เลขทั้งสามจะต้องรวมกันได้สิบห้า จะจัดเรียงอย่างไร" 1 กะว่าอึ้งย้งเสร็จแน่คราวนี้ ซึ่งคำถามของเอ็งโกวก็คือจตุรัสกล 3X3 นั่นเอง

อึ้งย้งฟังแล้วก็คิดว่ามันยากตรงไหนนี่ เล่นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ก็เลยร้องออกมาเป็นเพลงว่า "ความหมายของเก้าปราสาท แบบแผนเช่นเต่าวิเศษ สองหกเป็นไหล่ สี่แปดเป็นขา ซ้ายเก้าขวาหนึ่ง ทูนเจ็ดเหยียบสาม ห้าดำรงอยู่กลาง" 1 ซึ่งจากคำร้องของอึ้งย้งจตุรัสกลจะมีหน้าตาดังนี้ครับ
 
2 7 6
9 5 1
4 3 8

เอ็งโกวสตั๊นไปหลายนาที แล้วก็พูดออกมาว่า "เราเข้าใจว่านี่เป็นแนวทางที่เราคิดขึ้น ที่แท้มีบทเพลงเผยแพร่ในโลกกว้างแต่แรก" 1 อึ้งย้งยังตอกย้ำไปอีกนะครับว่า นอกจาก 3X3 แล้วยังมี  4X4 5X5 และขยายไปได้จนถึงเลข 1 ถึง 72 ซึ่งเรียกว่าแผนภาพลกจือ 1 จากคำพูดของเอ็งโกวคงเห็นแล้วนะครับว่าถ้าเราไม่ทำการทบทวนวรรณกรรม เราก็จะไม่ต่างจากเอ็งโกวไม่รู้ว่าในโลกเขามีอะไรบ้าง มัวแต่ไปเสียเวลาคิดอะไรที่โลกเขาคิดไปไกลถึงไหน ๆ แล้ว

ในยุคของเอ็งโกวไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มี Google ถ้ามีเอ็งโกวก็คงไม่ต้องมืดบอดไปถึงขนาดนี้ พวกเราอยู่ในยุคที่ข้อมูลหาได้ด้วยเพียงปลายนิ้ว ดังนั้นก็ใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่นะครับ...  

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1.น.นพรัตน์ (แปล) "ไตรภาคมังกรหยก ชุดที่ 1 ก๊วยเจ๋งยอดวีรบุรุษ เล่ม 3" สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์บุ๊คส์ พ.ศ. 2546